เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 459
บทที่ 459 ท่านประธานจี้ คุณใจเย็นนะ
มีนักข่าว?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอกำลังลังเล อยู่ๆมือของเธอก็ถูกคนดึงไปจับไว้
เธอตกใจจนรีบหันกลับไป เห็นเพียง เฟิงหมิง กำลังจับมือเธอ เขาหันกลับมามองเธอ และกระพริบตาใส่เธอนิดหน่อย
“ ผมพาคุณไปส่งก่อนดีกว่า ”
พูดจบ เขาก็จูงมือเธอเดินผ่านฝูงชน และวิ่งไปทางด้านนอก
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้อธิบาย ก็ถูกเขาจูงมือพาเดินออกจากรีสอร์ทหวินช่วยก่อน
หันกลับไปดู ก็เห็นนักข่าวพวกนั้นยังคงยืนมองพวกเขาอยู่ที่ไกลๆ
ภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่ คงถูกบันทึกภาพไว้เรียบร้อยแล้ว
หัวคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่น อยู่ๆเธอก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
กว่าจะออกมาจากฝูงชนแออัดได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดเดินด้วยอาการเหนื่อยหอบ และทำการสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างเต็มที่
เธอเงยหน้ามองเฟิงหมิง นิดหน่อย ทั้งสองสบตากัน หลังจากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“ ขอโทษครับ เดิมที เราเจอกันครั้งแรก มันไม่ควรตกที่นั่งลำบากขนาดนี้ บางทีครั้งหน้า เราอาจจะต้องเลือกที่ที่ดีกว่านี้นะครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า และพูดขึ้นยิ้มๆ: “ ครั้งหน้าก็รบกวนคุณด้วยแล้วกัน ”
เฟิงหมิง โบกมือไปมา และพูดถามขึ้น: “ ให้ผมไปส่งคุณไหม? ”
“ ไม่ต้องหรอกค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนปฏิเสธข้อเสนอของเขา: “ ที่นี่อยู่ใกล้กับบ้านตระกูลเวินค่ะ อีกอย่าง ฉันก็ขับรถมาเองเหมือนกันค่ะ ”
เฟิงหมิง ไม่ได้ดึงดันอะไร เขามองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นรถ หลังจากนั้นเขาถึงค่อยหมุนตัว และเดินจากไป
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นรถแล้ว ในใจของเธอกลับกำลังนึกถึงนักข่าวคนนั้น
ถึงแม้ว่าเธอหวังอยากจะให้จี้จิ่งเชินรับรู้ถึงการเจอกันครั้งนี้ แต่เธอกลับไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย
ถ้ารูปถ่ายนั้นถูกส่งออกไป ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้นอีก
เธอกำลังลังเล อยู่ๆตรงทางเข้าโรงจอดรถใต้ดินที่อยู่ไกลออกไป ก็มีคนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่อากาศยังคงร้อนระอุอยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วงเวลากลางวันแบบนี้เลย
คนคนนั้นกลับสวมใส่ชุดสีดำทั้งตัว ด้านนอกสวมเสื้อคลุมสีเดียวกับชุด ใส่แว่นกันแดดกับหมวกปีกรอบสีดำ ท่าทางมีลับลมคมใน
การกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆหยุดลงช้าๆ
หรือว่าจะเป็นนักข่าว?
เธอคิดสักครู่ ต่อมา เธอก็ลงรถ และเดินไปตามทางที่คนคนนั้นเดินจากไป
เพิ่งเดินถึงหน้าประตูทางเข้า เธอกลับเห็นฝ่ายนั้นเดินจากไปไกลแล้ว
เขาเดินจากไปไกลพอสมควร จึงเห็นแค่ว่าฝ่ายนั้นมีรูปร่างอ้วนท้วม เขาสวมหมวก และสามารถวิเคราะห์ได้อย่างเลือนรางว่าเป็นผู้ชาย
เพราะอยู่ห่างกันมาก เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงไม่ได้ตามไป เธอทำได้เพียงหมุนตัวกลับขึ้นไปบนรถ
รถขับออกจากโรงจอดรถใต้ดิน ขับผ่านตรงทางเข้ารีสอร์ทหวินช่วย อยู่ๆรถตำรวจสองคันก็ขับผ่านมาจากทางด้านหลัง และไปหยุดที่ทางเข้ารีสอร์ทหวินช่วย
ตำรวจสองสามคนเดินลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และเดินเข้าไปด้านใน
คล้ายกับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนลดความเร็วของรถลง เธอลดกระจกรถลง ได้ยินพวกคนที่ยืนอยู่ข้างถนนในเวลานี้กำลังพูดคุยกันเสียงเบา
“ มีคนตาย! ”
“ ได้ยินว่าเจอในห้องน้ำ ตายอย่างอนาถเชียวล่ะ ”
“ ฆาตกรคนนั้นโรคจิตจริงๆ ยังนำศพขึ้นมาตอกติดกับกำแพง แถมบนใบหน้ายังถูกมันวาดรอยยิ้มประหลาดอีกด้วย ได้ยินว่าคนที่ไปเข้าห้องน้ำแทบจะตกใจตายเลยแหละ ”
“ นั่นแหละ ไม่คิดว่าร้านอาหารใหญ่โตขนาดนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ”
“ ทางฝั่งตำรวจบอกว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน คิดแล้วก็น่าหวาดกลัวมากจริงๆ ตอนนี้ยังจับฆาตกรยังไม่ได้เลย! ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังเสียงพูดคุยของพวกเขา หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองฝั่งรีสอร์ทหวินช่วย
ด้านในมีเสียงเอะอะโวยวาย และมีลูกค้าทยอยพากันวิ่งออกมาอย่างเสียสติ
ครึ่งชั่วโมงก่อน นั่นเป็นตอนที่เธอยังทานอาหารอยู่ด้านในไม่ใช่หรอ?
เธอนึกถึงคนที่เธอเห็นที่โรงจอดรถใต้ดินเมื่อสักครู่ ตอนนี้คิดได้ คนคนนั้นไม่เหมือนนักข่าว
หรือว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนไตร่ตรองไปด้วย และเหยียบคันเร่งไปด้วย เธอค่อยๆขับออกจากรีสอร์ทหวินช่วย
เห็นทีว่าต่อไปเธอต้องหลีกเลี่ยงที่นี่ จะได้ไม่เจอกับอันตราย
วันต่อมา เรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไปเจอกับเฟิงหมิง ก็ได้ลงนิตยสารจริงๆ แถมยังแพร่ไปทั่วท้องถนน เกือบทุกคนล้วนได้เห็นข่าวนี้แล้ว
จี้จิ่งเชินเพิ่งสิ้นสุดการประชุมฝ่ายตลาด เขากลับรู้สึกว่าในระหว่างการประชุม ผู้จัดการหลายคนมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
ตอนที่เขาไม่สนใจ พวกเขามักจะมองเขาด้วยสายตาที่น่าสงสาร
น่าสงสาร?
จี้จิ่งเชินนึกถึงคำคำนี้ หลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว
ตกลงว่าเป็นอะไรกันแน่?
เขารู้สึกสงสัย และเตรียมกลับไปที่ห้องทำงาน
เขายังเดินไม่ถึงทางเข้า กลับเห็นคนสองสามคนยืนล้อมโต๊ะทำงานของเลขา และกำลังจับกลุ่มซุบซิบนินทากันอยู่
“ ใช่หรอ? ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ”
“ ไม่สิ เมื่อวันก่อน คุณเวินยังสารภาพรักผ่านทางโทรทัศน์อยู่เลยไม่ใช่หรอ? ทำไมเปลี่ยนคนเร็วขนาดนี้ล่ะ? ”
“ แต่เรื่องนี้โทษคุณเวินไม่ได้ ใครใช้ให้ประธานจี้เย็นชาขนาดนั้นล่ะ แถมยังไม่เห็นใจคนอื่นอีกต่างหาก เมื่อก่อน คุณเวินเอาอาหารกลางวันมาส่ง ยังถูกเขาไล่กลับไปเลย ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน ”
“ ดูอย่างเฟิงหมิง สิ เขาดีออกจะตาย แถมยังเป็นลูกครึ่งอีกด้วย ไม่ด้อยไปกว่าประธานจี้ของพวกเราหรอก ทั้งอ่อนโยน ทั้งสุภาพบุรุษ ดูเหมาะสมกับคุณเวินมากๆ ฉันกลับหวังให้เขากับคุณเวินคบกัน ”
จี้จิ่งเชินฟังถึงตรงนี้ เขาก็เดินเข้าไป
“ พวกคุณกำลังพูดอะไรกันอยู่? ”
พวกเขาได้ยินเสียงของเขา ก็พากันตกใจจนแทบกระโดด และรีบซ่อนของที่อยู่ในมือไปไว้ข้างหลังทันที
พวกเขาพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก
“ ท่าน ท่านประธานจี้? ประชุมเสร็จแล้วหรอคะ? ฉันจะจัดเวลากิจกรรมต่อไปให้คุณเดี๋ยวนี้! ”
จี้จิ่งเชินเห็นเธอมีท่าทีตื่นกลัว หัวคิ้วของเขาจึงขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิม
เขาพูดขึ้นเสียงหนักแน่น: “ เมื่อสักครู่ พวกคุณกำลังพูดอะไรกันอยู่? ”
พูดจบ สายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของคนคนนั้น และเขาก็ได้ยื่นมือออกมา
“ เอาของมาให้ผม ”
เลขากับอีกสองสามคนลังเลอยู่สักครู่ เห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของจี้จิ่งเชิน จึงทำได้เพียงหยิบนิตยสารที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมาอย่างระมัดระวัง
“ ท่านประธานจี้ คุณใจเย็นนะคะ…… ”
ยังพูดไม่เสร็จ นิตยสารในมือก็ถูกจี้จิ่งเชินดึงไปทันที
บนหน้านิตยสารมาหยุดที่รูปภาพขนาดใหญ่รูปหนึ่งพอดี
ในรูป เวินเที๋ยนเที๋ยนกับเฟิงหมิง กำลังจับมือกันแน่น พวกเขายืนด้วยกัน
คล้ายกับพวกเขายืนอยู่ด้านหน้ารีสอร์ทหวินช่วย รอบข้างยังมีคนจำนวนไม่น้อยอีกด้วย
เฟิงหมิง ที่ยืนอยู่ข้างหน้า บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มบางๆ ความรู้สึกหวานชื่นแทบจะทะลุออกมาจากในนิตยสารมาถาโถมใส่ตัวเขา และกลายเป็นดาบแหลมคมที่แทงเข้าไปในหัวใจ
จี้จิ่งเชินตกใจจนตัวสั่น สายตาของเขาแทบจะฆ่าคนได้แล้ว
เลขาเห็นสีหน้าของเขาก็ตกใจกลัว เธออยากหยิบนิตยสารกลับคืนมา เพื่อจะได้ไม่เป็นการกระตุ้นจี้จิ่งเชินอีกต่อไป
แต่นิตยสารกลับถูกจี้จิ่งเชินยกมือหลบหลีก และเขาก็ได้เปิดไปหน้าหลังอย่างรวดเร็ว
รูปภาพห้าถึงหกรูป ทุกรูปกินขนาดไปทั้งหน้า
มีรูปที่ทั้งสองคนเจอกันที่รีสอร์ทหวินช่วยเฟิงหมิง กำลังโค้งตัวลงไปบนไหล่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
และก็มีรูปที่ทั้งสองกำลังเข้าไปในที่นั่งพิเศษด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น มีรูปที่ทั้งสองกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ในที่นั่งพิเศษ
ทุกรูปเหมือนมีดแหลมคมที่แทงเข้าไปในหัวใจของจี้จิ่งเชิน เจ็บปวดไปทั้งตัว จนทำให้เขาหายใจลำบาก
มือข้างที่ถือนิตยสารค่อยๆกำเข้าหากันแน่น ไม่คิดว่านิตยสารที่หนาถึงขนาดสามเซนติเมตรจะถูกเขาขยี้จนกลายเป็นขยะไปแล้ว
เลขากับอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆมองเขาอย่างเป็นกังวล อยากจะพูดปลอบเขา แต่ไม่กล้าพูด
จึงทำได้เพียงมองสีหน้าของจี้จิ่งเชินที่แย่ขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาเชื่อว่า ถ้าเฟิงหมิง โผล่มาตรงหน้า เขาจะต้องถูกจี้จิ่งเชินฉีกเป็นชิ้นๆอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ถ้ารู้แบบนี้ พวกเขายอมโดนตีตาย แต่จะไม่ยอมให้จี้จิ่งเชินเห็นข่าวนี้อย่างเด็ดขาด