เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 463
บทที่ 463 เริ่มเถอะ
“ตอนนี้ได้เลย”
หมอจางเตรียมยาฉีดสองสามเข็ม เดินเข้ามา หายใจเข้าลึกๆ เตือนอีกครั้ง : “อีกสักพักฉีดยาแล้ว ความเจ็บที่คุณจะได้รับมันเกินกว่าที่คุณจะคิดไว้ และยังไม่เคยมีใครมีประสบการณ์มาก่อน”
“ถึงแม้จะช่วยฉีดยาชาให้คุณแล้ว แต่เพราะคุณต้องตื่นอยู่ตลอดเวลา ปริมาณของยาชาก็ไม่เยอะ ตอนท้ายคุณต้องได้รับความเจ็บปวดแน่ๆ คุณสามารถทนได้ไหม? ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“เริ่มเถอะ”
พูดจบ ก็นั่งบนที่ผ่าตัด
หมอจางตามหลังเขาไป รอเตรียมตัวพร้อมแล้ว ถึงเอาเข็มในมือฉีกเข้าไปที่ขาของจี้จิ่งเชิน
เนื่องจากใช้ยาชา เข็มเเรกไม่มีความรู้สึกใดๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปทีละนิด ยาชาในร่างกายของจี้จิ่งเชินค่อยๆ ลดประสิทธิภาพลง
ตอนแรกมีความรู้สึกแค่จั๊กจี้เหมือนมดไต่ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเจ็บเหมือนเข็มแทง
ความรู้สึกเจ็บค่อยๆ ลึกขึ้น ไวมาก ก็เหมือนเนื้อที่ขาถูกควักออกมาทีละชิ้นๆ
ขาทั้งสองข้างทุกเส้นประสาทกำลังส่งเสียงดัง เหมือนกับจะทรยศ
เร็วมาก แม้แต่กระดูกสันหลังและศีรษะก็เริ่มปวด
จี้จิ่งเชินเม้มปากอย่างเเน่น ริมฝีปากซีดจางเนื่องจากความเจ็บปวด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดจาง เม็ดเหงื่อหนาแน่นเริ่มไหลซึมบนหน้าผาก ไม่นานมันก็กลายเป็นถั่วเม็ดโตและเหงื่อก็หยดลงมา
สีฟ้าอ่อนบนร่างกายทะลุด้วยน้ำเหงื่อ สีค่อยๆ เข้มขึ้น
แต่ถึงตรงนี้ แต่ความเจ็บปวดก็ไม่หยุด
รวมทั้งหมดมีห้าเข็ม จนถึงตอนนี้ฉีดไปแค่สองเข็มเฉยๆ
เห็นท่าทางของเขา หมอจางก็ลังเลเล็กน้อย
“คุณจี้ คุณแน่ใจว่าจะทำต่อไปใช่ไหม? นี่ยังไม่ถึงครึ่ง…….”
จี้จิ่งเชินมือทั้งสองข้างกำแน่นเป็นกำปั้น
“ทำต่อไป”
เขากัดฟันแน่น ตอบระหว่างกัดฟัน
หมอจางเช็ดเหงื่อเนื่องจากความตึงเครียด พยักหน้า สายตามั่นคงขึ้นมา หยิบเข็มขึ้นมาฉีดอีกครั้ง
พอฉีดเข็มที่สามเสร็จ ทันใดนั้นจี้จิ่งเชินตัวสั่น ปลายนิ้วลงบนฝ่ามือ มีกลิ่นเลือดจาง ๆ ออกมา
แต่เขาก็ยังกัดฟันแน่น ไม่ออกเสียงใดๆ
พยาบาลสองคนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นพวกเขา กลัวว่าฉีดเข็มแรกเข้าไป คงร้องไปทั่วฟ้าดินแล้ว แต่ตอนนี้ยังเหลืออีกสองเข็ม…..
พวกเขาจับมือทั้งสองอย่างแน่นด้วยความกังวล ไม่รู้จี้จิ่งเชินจะสามารถอดทนต่อไปได้ไหม
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงรอข้อความของจี้จิ่งเชินอย่างวิตกกังวล
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน แต่ก็ยังไม่มีจี้จิ่งเชินที่เธอกำลังรออยู่มา
ไม่โทรมา ไม่มีข้อความ ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวใดๆ สงบเหมือนแอ่งน้ำนิ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หมดปัญญาที่จะรอ วันที่สองออกไปจากบ้านตระกูลเวิน มุ่งหน้าไปทางปราสาท
ผ่านไปหลายวัน ออกมานอกปราสาทอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองที่ปราสาทโบราณขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์สับสน
เวลานี้ จี้จิ่งเชินน่าจะอยู่บริษัทนะ?
เธอยังคงไม่กล้าปรากฏตัวอยู่หน้าจี้จิ่งเชิน กลับทนไม่ไหวอยากจะมาที่ปราสาทดูสักหน่อย หรือว่าอาจจะสามารถได้ข่าวของจี้จิ่งเชินจากปากพ่อบ้านหรือแม่ครัว
พ่อบ้านได้ยินว่าเธอมา ออกมาจากไกลๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพลางเดินเข้าไปข้างใน พลางมองรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง
“จี้จิ่งเชินไม่อยู่หรอ? ”
พ่อบ้านพอได้ยิน สักพักยกคิ้วขึ้น ก็บ่นขึ้นมา
“คุณผู้ชายไม่ได้กลับมาสองวันแล้ว บอกว่ามีเรื่องต้องออกไป ให้พวกเราไม่ต้องเป็นห่วง”
“เขาไปแล้ว? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างตกใจ ฝีก้าวก็หยุดตาม : “เขาไปที่ไหน? ”
ที่จี้จิ่งเชินไม่ปรากฏตัว เพราะว่าไปดูงานแล้ว? ถึงไม่ได้เห็นข่าวพวกนั้นหรอ? พ่อบ้านส่ายหน้า
“พวกเราก็ไม่แน่ใจ การตัดสินใจของคุณผู้ชายไม่สามารถบอกพวกเราได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆ ลดสายตาลง คิดๆ แล้วถามอีกว่า : “งั้นเขา……รู้ข่าวพวกนั้นของฉันกับเฟิงหมิงไหม? ”
พ่อบ้านค่อยๆ อึ้ง หันไปดูเวินเที๋ยนเที๋ยนที่หยุดอยู่ กำลังลังเลว่าจะเอาความจริงพูดออกมาดีไหม
เงียบไปสักพัก ถึงพูดอย่ามีความทุกข์ : “รู้แล้ว วันที่นิตยสารออกมา ฉันบอกคุณผู้ชายไปแล้ว แต่ว่าเขา……”
“เขาไม่การตอบสนองอะไรเลย ใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดาออกแล้ว
เธอหัวเราะอย่างขมขื่น
พ่อบ้านรีบพูด : “ต้องมีเหตุผลแน่ๆ หรือว่าคุณผู้ชายมีเรื่องยากที่จะพูดถึง! ”
เขาคิดถึงวันที่เวินเที๋ยนเที๋ยนสารภาพรักในโทรทัศน์ รอยยิ้มบนหน้าของจี้จิ่งเชิน กังวลเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่สบายใจ รีบอธิบาย
“วันนั้นคุณผู้หญิงสารภาพรักในโทรทัศน์ ฉันแน่ใจว่าเห็นคุณผู้ชายยิ้มแล้ว แน่ใจว่าไม่มีผิดพลาด! ”
อีกอย่างเรื่องนี้กลับไม่ได้ปลอบใจเวินเที๋ยนเที๋ยน
“หรือว่าเป็นแบบนี้จริงๆ แหละ ”
เธอไม่ได้เดินเข้าไปข้างในต่อ แล้วพูดว่า : “ยังไงจี้จิ่งเชินก็ไม่อยู่ที่นี่ งั้นฉันไปถามจงหลีดีกว่า ดูว่าเขาจะรู้ไหม ฉันไม่เข้าไปแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระตุกมุมปาก ยิ้มอย่างฝืนๆ ออกมาหนึ่งครั้ง
“ฉันกลับแล้ว รอจี้จิ่งเชินกลับมาแล้วค่อยว่ากัน ”
“แต่ว่าคุณผู้หญิง……”
พ่อบ้านยังอยากให้เธออยู่ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือแล้ว หันกลับไปเดินออกไปข้างนอก
รอขึ้นรถ ออกไปจากสายตาของพ่อบ้าน ท่าทางของเธอก็หยุด
เธอก้มลง วางหน้าผากบนพวงมาลัย สายตามีแต่ความผิดหวัง
หลังจากรักกันมานาน เธอถึงหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาจงหลี ถามข่าวคราวเกี่ยวกับจี้จิ่งเชิน
แต่ว่า ขนาดจงหลีก็ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินจริงๆ แล้วไปที่ไหน
“ฉันแค่รู้ว่าประธานจี้มีเรื่องออกไป ต้องสองอาทิตย์กว่าจะกลับมา ขนาดเรื่องในบริษัทก็ให้ฉันกับผู้จัดการคนอื่นสองสามคนรับผิดชอบไปก่อน”
“เป็นแบบนั้นหรอ…..”เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบอย่างเบาๆ
จงหลีอีกฝั่งได้ยินเสียงของเธอ ไตร่ตรองสักครู่
“เที๋ยนเที๋ยน ก่อนหน้านี้ฉันเห็นข่าวของคุณกับเฟิงหมิง……”
เธอก็หยุด แล้วถาม : “นั่นเป็นความจริงไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินประโยคนี้ รอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นขมขื่นมากขึ้น
เธอรอให้เฟิงหมิงมา แต่กลับได้ความเป็นห่วงจากพ่อบ้าน ตอนนี้ก็มีความสงสัยของจงหลี
คนเดียว คนที่เธอคิดถึงจริงๆ ตอนนี้กลับหายไปไม่มีแม้แต่เงา
“ไม่ใช่…..” เธอตอบสั้นๆ
น้ำเสียงของจงหลีก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง
“ที่จริงก็เหมือนกับที่ฉันคิด ผมเชื่อคุณตั้งแต่เริ่ม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม พูดว่า : “รอจี้จิ่งเชินกลับมาแล้ว คุณสามารถบอกฉันเลยได้ไหม? ”
“ได้”
พูดขอบคุณแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็วางโทรศัพท์ ถึงเตรียมตัวออกไปจากปราสาท
แต่เธอไม่ได้กลับตระกูลเวิน แต่กลับมาที่ห้องทำงานของท่านเปิง
ห้องทำงานนี้ ปกติท่านเปิงมาน้อยมาก
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในมักจะได้รับการร้องขอให้บูรณะโบราณวัตถุ เวลาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอารมณ์ไม่ดี ก็จะมาที่นี่เพื่อซ่อมวัตถุโบราณชิ้นหนึ่ง เหมือนกับฟื้นฟูจิตใจ
เธอทำงานตั้งแต่เช้าจนถึงดึก รออารมณ์สงบลงแล้ว ถึงออกไป
กลางคืนมืดมิด พึ่งจะเข้าประตูใหญ่ของตระกูลเวิน มาถึงห้องรับแขก มองไปข้างหน้าก็เห็นเวินหงไห่กับเวินฉี่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ยังไม่ได้ไปพักผ่อน
พอเห็นเธอเข้ามา เวินหงไห่ก็เอ่ยปากดุออกมา
“ผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ข้างนอกถึงเวลานี้ ไม่เข้าท่าจริง! ”