เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 468
บทที่ 468 ลดระยะเวลาลงครึ่งหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนนอนอยู่บนเตียง แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจ
ใบหน้าที่ซีดเผือดของจี้จิ่งเชินปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอไม่หยุด
นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
หลังจากที่จี้จิ่งเชินออกมาจากบ้านตระกูลเวิน ก็ตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
เขาพึ่งจะผ่าตัดเสร็จ พอได้ยินข่าวของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบตามไปทันที
ฤทธิ์ยาชาหายไปนานแล้ว ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการจัดกระดูกใหม่ ทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทา
เสื้อผ้าของจี้จิ่งเชินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หน้าซีดจนเกือบจะโปร่งใสแล้ว ทุกนาที ทุกวินาที ต่างก็เป็นความทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ว่าระหว่างทางนั้น เขาไม่เคยร้องว่าเจ็บเลยแม้แต่ครั้งเดียว
พอได้ยินว่าจี้จิ่งเชินกลับมาแล้ว หมอจางก็รีบส่งเขาเข้าไปอย่างร้อนใจ
พอเห็นท่าทางของจี้จิ่งเชิน ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“คุณจี้ คุณห้ามวิ่งออกไปไหนอีกแล้วนะ! ”
พระเจ้ายังรู้ ว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ จี้จิ่งเชินพึ่งจะออกมาจากห้องผ่าตัด แต่พอเขาไปเอายาแค่แป๊บเดียว เขาก็หายไปแล้ว
ยาชาบนร่างกายของเขาสามารถอยู่ได้แค่สิบนาทีเท่านั้น เขาไม่รู้หรือยังไง?
ความเจ็บปวดแบบนั้น ถ้าไม่มียาชาคอยช่วยไว้ สามารถทำให้เจ็บจนตายได้เลย!
ริมฝีปากบางของจี้จิ่งเชินเม้มแน่นจนเป็นเส้น ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
หลังจากที่หมอจางตรวจเช็กขาของเขาทั้งสองข้าง สุดท้ายก็พูดออกมา “โชคดีที่ไม่ได้เคลื่อน เร็วหน่อย มาฉีดยาชาก่อน! ”
พอเขาออกคำสั่ง ทุกคนในที่นั้นก็ตื่นตระหนกทันที รีบไปเตรียมตัวทันที
ถึงแม้ว่าจะกินยาแก้ปวดไปแล้วก็ตาม แต่ว่าประสิทธิภาพของยาก็ไม่สามารถตีเสมอความเจ็บปวดที่รุนแรงขนาดนี้ได้หรอก
เหงื่อที่หน้าผากของจี้จิ่งเชินไหลลงมาไม่หยุด
หมอจางทั้งโกรธทั้งวิตกกังวล
เกิดว่าเมื่อกี้จี้จิ่งเชินไม่ออกไปข้างนอก ตอนนี้ก็คงไม่ต้องมารับกรรมแบบนี้หรอก
แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆ ที่เขาสามารถทนได้
“คุณจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงแบบนี้ไปอีกสามวัน หลังจากนั้นความเจ็บปวดก็จะค่อยๆ เบาลง แต่ว่าคุณก็ต้องเริ่มพักฟื้นด้วย เมื่อเท้าเหยียบพื้นเมื่อไหร่ ความเจ็บปวดนั้นก็จะกลับมาอีกครั้ง คุณเตรียมพร้อมรึยัง? ”
จี้จิ่งเชินนอนอยู่บนเตียง ร่างกายแน่นตึงจนเป็นเส้น พร้อมกับกัดฟันแน่น
สีหน้าของเขาเกือบจะโปร่งใสอยู่แล้ว ริมฝีปากเปิดขึ้นเล็กน้อย
หมอจางนึกว่าเขาจะไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดนี้ได้ และต้องการยกเลิกการรักษา
พึ่งจะขยับเข้าไปใกล้ แต่จี้จิ่งเชินกลับพูดว่า “ผมต้องขอร้องคุณ ให้ลดระยะเวลาการรักษาเหลือครึ่งหนึ่ง”
“อะไรนะ? ”
หมอจางมองเขาอย่างตื่นตะลึง
“เป็นไปไม่ได้! ”
“ลดระยะเวลาการรักษา” จี้จิ่งเชินพูดอย่างแน่วแน่ กัดฟันแน่น แล้วก็ค่อยๆ เค้นแต่ละคำออกมาจากฟัน “ผมไม่ได้มีเวลาเยอะขนาดนั้น”
“ทำไมกัน? การรักษาก่อนหน้านี้ก็ใช้เวลาสั้นที่สุดแล้ว! ถ้าเกิดว่าจะย่นระยะเวลาอีก……”
หมอจางคิดแล้วก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“เป็นไปไม่ได้”
เขาไม่เข้าใจ ทำไมจี้จิ่งเชินถึงบอกว่าตัวเองไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น
เห็นได้ชัดว่าจากสถานการณ์ตอนนี้ของเขา เวลาส่วนใหญ่ต้องเอามาใช้สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
แววตาของจี้จิ่งเชินแน่วแน่มาก
หมอจางหายใจติดขัด ไม่มีทางเลือก ก็เลยได้แต่พูดว่า “งั้นก็ได้ แต่เกิดว่าคุณแน่ใจแล้วล่ะก็ ผมจะเปลี่ยนแผนใหม่ แต่ว่าถ้าเกิดว่าทำแบบนั้น ภาระก็จะตกอยู่ที่คุณแล้วนะ”
จี้จิ่งเชินไม่พูดอะไรเลย หมายความว่าให้คำตอบอย่างชัดเจนแล้ว
วันที่สอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้นมาแต่เช้า มาถามพ่อบ้านกับแม่ครัว แต่ว่าคนพวกนั้นก็ไม่รู้เลยว่าจี้จิ่งเชินอยู่ที่ไหน
นึกถึงท่าทางตอนที่เขาอยู่บนรถเมื่อวานนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่สามารถวางใจได้จริงๆ
แต่ว่าพ่อบ้านกลับไม่เป็นกังวล พร้อมกับพูดว่า “คุณผู้หญิงครับ คุณไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะครับ ในเมื่อคุณผู้ชายบอกว่าอีกสองอาทิตย์จะกลับมา นั่นก็หมายความว่าต้องกลับมาตรงเวลาแน่นอน ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ”
“มันไม่ใช่เหตุผลนั้นหรอก” เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า พร้อมกับพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นห่วงว่าจี้จิ่งเชินจะไม่กลับมา แต่กลัวว่าเขาจะปิดบังอะไรฉันอีก”
จี้จิ่งเชินทำอะไรกันแน่? บาดเจ็บยังงั้นหรอ? หรือว่าอาการก่อนหน้านี้กำเริบขึ้นมา?
ถึงได้ทำให้เขาเจ็บจนเป็นแบบนั้นได้
ใบหน้าที่ซีดเซียวนั้นยังปรากฏอยู่ในหัวของเธอ ทำให้จิตใจของเธอฟุ้งซ่าน
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ทนรอต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป
“ไม่ได้ ฉันต้องออกไปดูหน่อย หรือบางทีพวกจงหลีอาจจะรู้ข่าวอะไรบ้างก็ได้”
พวกบอดี้การ์ดของจี้จิ่งเชิน พวกเขาต้องรู้อะไรแน่นอน
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะไม่ได้ออกหน้า แต่ว่าบริษัทไม่ได้วุ่นวายเพราะว่าเขาไม่อยู่ แต่ว่ากลับเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมั่นคงเพราะว่าจี้จิ่งเชินได้สั่งการไว้แล้ว
หลังจากเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา ก็ตรงไปที่ห้องทำงานของผู้ช่วยประธานทันที
พอจงหลีเห็นว่าเธอเข้ามา ก็ลุกขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เที๋ยนเที๋ยน มาได้ยังไงน่ะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “จงหลี นายรู้มั้ยว่าตอนนี้จี้จิ่งเชินอยู่ที่ไหน? เมื่อวานฉันเจอเขาที่บ้านตระกูลจี้ เขาไม่ได้ออกไปทำงานที่เมืองนอกสักหน่อย”
“เธอมาหาประธานจี้งั้นหรอ? ”
แววตาของจงหลีมีประกายความผิดหวัง พร้อมกับพูดว่า “ตั้งแต่ตอนที่ประธานจี้ไปครั้งที่แล้ว ฉันก็ไม่เคยได้ข่าวจากเขาอีกแล้ว ถ้าดูจากที่เขาสั่งการไว้ น่าจะอีกประมาณอาทิตย์กว่าถึงจะกลับมา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าแม้แต่จงหลีก็ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินอยู่ที่ไหน
เธอมองไปรอบๆ แล้วก็ถามอีก “แล้วพวกบอดี้การ์ดที่ปกติอยู่กับจี้จิ่งเชินล่ะ? ฉันมีเรื่องบางเรื่องอยากจะถามพวกเขาหน่อย”
สีหน้าจงหลีเต็มไปด้วยความสงสัย
“บอดี้การ์ดถือว่าเป็นคนของประธานจี้ ถึงแม้ว่าฉันจะมีข้อมูลติดต่อของพวกเขา แต่ถ้าจะเรียกมาก็น่าจะยากหน่อย เธอมีอะไรอยากรู้ล่ะ เดี๋ยวฉันช่วยถามให้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น แต่กลับรู้สึกลังเล
ต่อให้จงหลีบอกช่องทางการติดต่อของบอดี้การ์ดพวกนั้นให้เธอรู้ แต่ว่าคนพวกนั้นก็ต้องฟังคำสั่งของจี้จิ่งเชินอยู่แล้ว ยังไงก็ไม่มีวันบอกข้อมูลอะไรหรอก
บางทีจงหลีอาจจะถามแล้วได้อะไรบ้างก็ได้
“ถ้าเกิดถามได้ว่าจี้จิ่งเชินทำอะไรก็จะดีมาก แต่อย่าบอกว่าฉันเป็นคนถามนะ เพราะว่าถ้าพวกเขารู้พวกเขาก็คงจะไม่บอก”
“ได้”
จงหลีพยักหน้า แต่ว่าในใจก็รู้สึกสับสนมากกว่าเดิม
จี้จิ่งเชินไปทำงานเมืองนอกสองอาทิตย์ แล้วทำไมเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องเป็นกังวลด้วย แล้วต้องรู้ที่อยู่ของเขาให้ได้ จะไปเรียกเขากลับมายังงั้นหรอ?
เขาคิดไปด้วย แล้วก็พูดว่า “รอให้ได้ข่าวคราวเมื่อไหร่ ฉันจะติดต่อเธอไป”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยสายตาที่มีความหวัง อยากจะเชิญให้เธออยู่ต่อ
แต่ว่ายังไม่ทันจะได้พูด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดออกมาก่อน “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันกลับก่อนนะ”
จงหลีกลืนคำพูดที่อยู่ตรงมุมปากลงไป ได้แต่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ประธานจี้น่าจะไม่เป็นอะไรหรอก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปด้วยจิตใจที่สับสน พึ่งจะเดินออกมาจากประตูใหญ่ของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ก็ได้รับสายจากเฟิงหมิง
พอเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นบนจอโทรศัพท์ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
เมื่อวานที่บ้านตระกูลเวิน ทั้งสองคนเกือบจะได้หมั้นกันแล้ว
เธอไม่แน่ใจว่าเฟิงหมิงรู้เรื่องนี้รึเปล่า แต่ว่าการที่ตัวเองออกมาก่อน ต้องทำให้เฟิงหมิงอับอายแน่นอน
สร้างเรื่องวุ่นวายไว้เยอะแยะขนาดนี้ เรื่องที่เคยตกลงไว้ก่อนหน้านี้ ก็ต้องหยุดลงชั่วคราว
เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลพักหนึ่ง แต่ว่าสุดท้ายก็ตัดสินใจรับสาย
“เที๋ยนเที๋ยน? ดีจังเลย! ฉันก็นึกว่าเธอจะไม่มีวันรับสายฉันอีกแล้วซะอีก” พอรับสาย ก็ได้ยินเสียงเฟิงหมิงลอดเข้ามาทันที
“ขอโทษด้วยนะ เฟิงหมิง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูด “เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน แล้วก็เรื่องข้อตกลงระหว่างเราสองคน ฉันอยากจะคุยกับนายหน่อย พวกเรามาเจอกันหน่อยเถอะ”
เหมือนกับว่าเฟิงหมิงจะฟังออกว่าน้ำเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนไป เสียงของเขาหยุดชะงัด แล้วก็พูดแบบเรียบๆ เหมือนกัน
“โอเค ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันไปหา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนบอกที่อยู่ แล้วก็วางสาย หลังจากนั้นก็เดินไปที่ร้านกาแฟ