เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 470
บทที่ 470 ฆาตกรกับคดีฆาตกรรม
เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง หลีเจียเวยมาที่โรงพยาบาลครั้งแล้วครั้งเล่า ขอให้หมอออกใบรับรองอาการป่วยที่ร้ายแรงของเธอ
แต่ว่าหมอก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดมานานแล้ว แค่รู้สึกว่าเธอเอาแต่ก่อความวุ่นวาย แล้วจะตกลงได้ยังไง?
ไม่ง่ายเลยกว่าจะไล่หลีเจียเวยไปได้อีกครั้ง พยาบาลหลายคนก็บ่นอย่างไม่พอใจ
“ใครไม่รู้บ้างว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ? ก็แค่อยากได้ใบรับรอง เพื่อจะได้เอาไปสร้างสถานการณ์กับเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ใช่หรอ? ”
“ร่างกายไม่ได้มีแผลอะไรแล้วด้วยซ้ำ มากี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีก็คือไม่มี”
พยาบาลหลายคนหัวเราะเยาะอย่างโหดร้าย
อีกด้านหนึ่ง หลีเจียเวยพึ่งจะออกมาจากห้องฉุกเฉิน เตรียมจะออกจากโรงพยาบาล ทันใดนั้นก็เห็นพยาบาลหลายคนรีบวิ่งอ้อมไปด้านหลังแผนกผู้ป่วยใน
วิ่งไปด้วยออกปากเร่งไปด้วย
“เร็วๆ ไม่ทันแล้ว
“ได้ยินมาว่าคนใหญ่คนโตคนนั้นจะเริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพก่อนล่วงหน้า! ”
“หมอจางให้พวกเราคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ตลอด ห้ามออกไปไหนแม้แต่ครึ่งก้าว”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว! ทุกครั้งที่ฉันเห็นเขาเริ่มฟื้นฟู ตัวเองก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย โชคดีจริงๆ ที่เขาสามารถทนได้”
“แล้วจะไม่ใช่ได้ยังไงกันล่ะ? ไม่ยังงั้นเขาคงไม่ได้มีกิจการที่ใหญ่โตขนาดนั้นได้หรอกใช่มั้ย? ”
“ระวังหน่อย พวกเธอไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าเกิดว่ามีใครได้ยินเข้าจะไม่ดี”
หลีเจียเวยได้ยินคำพูดพวกนี้ ค่อยๆ หยุดเดิน แล้วก็หันไปมองยังทิศทางที่พยาบาลพวกนั้นเดินไป
ลังเลอยู่หนึ่งวินาที แต่ก็เดินตามไป
เดินผ่านลานกว้าง หลังจากนั้นก็เข้าไปยังบริเวณVIPด้านหลังโรงพยาบาล
เธอเดินตามกลุ่มพยาบาลพวกนั้นเข้าไป ไม่นานก็มาถึงห้องที่อยู่ข้างๆ ห้องฟื้นฟูที่ได้ถูกเตรียมไว้
ยังไม่ทันจะได้เข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงของพยาบาลพวกนั้น
“คุณจี้ คุณพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ไม่ต้องต่อแล้ว”
“ระวังหน่อยค่ะ อย่าล้มนะ คุณจี้!”
“คุณจี้!”
หลีเจียเวยได้ยินชื่อเรียกนี้ ก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง แล้วก็มองลอดจากช่องประตูเข้าไป
ในห้องที่ใช้สำหรับการกายภาพนั้น จี้จิ่งเชินวางมือบนที่เท้าแขนทั้งสองข้าง พร้อมกับพยายามก้าวไปข้างหน้าทีละน้อยด้วยความยากลำบาก
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ เหงื่อไหลลงมาตามคาง ผมเปียกชุ่ม ติดอยู่ที่หน้าผากของเขา
ดวงตาสีเข้มคู่นั้นของเขา เต็มไปด้วยความพากเพียร
ทำให้คนหลงใหล
หลีเจียเวยเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ แทบจะอุทานออกมาแล้ว
จี้จิ่งเชินอยู่ที่นี่เองงั้นหรอ?
เขากำลังทำกายภาพบำบัดอยู่?
หลีเจียเวยมองไปรอบๆ แต่ว่าก็ไม่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้อยู่ที่นี่ยังงั้นหรอ?
เธอถอยออกมาอย่างระมัดระวัง เห็นพยาบาลเดินผ่านมา ก็เลยเรียกพวกเธอไว้
“จี้จิ่งเชินมาทำกายภาพบำบัดที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วเขาจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน? ”
พยาบาลกำลังจะตอบ พอเงยหน้ามองหน้าเธอ ก็รู้สึกไม่คุ้นหน้า
“คุณผู้หญิงคะ ที่นี่คือเขตของVIP คนไข้ธรรมดาเข้ามาไม่ได้นะคะ”
หลีเจียเวยกัดฟันแน่น แล้วพูดอย่างมุ่งมั่นว่า “ฉันเป็นคนในครอบครัวของจี้จิ่งเชิน อยากจะมาทำความเข้าใจหน่อย ไม่ได้หรือยังไง? ”
เธอพูดอย่างแสดงพลังอำนาจมาก สามารถทำให้พยาบาลคนนั้นหวาดกลัวได้ในพริบตา
มองหน้าเธอ ลังเลไปด้วย แล้วก็พูดไปด้วย “คุณจี้มาตั้งแต่สามวันที่แล้วค่ะ ได้ยินหมอจางบอกว่า น่าจะอยู่ที่นี่ประมาณสองอาทิตย์”
หลีเจียเวยฟัง หัวใจก็สดใสขึ้นมาทันที
เป๊ะเลย!
ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าจี้จิ่งเชินไปทำงานเมืองนอกสองอาทิตย์ ที่แท้ก็มาหลบอยู่นี่นี่เอง
แม้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ไม่รู้
เธอคิดไปด้วย แล้วในหัวก็เริ่มวาดแผนการเป็นรูปเป็นร่าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพึ่งจะก้าวเท้ากลับเข้ามาในปราสาท พอเดินผ่านห้องนั่งเล่น ก็ได้ยินข่าวที่กำลังรายงานในทีวี
เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นในป่าใกล้กับร้านกาแฟใจกลางเมือง
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ก็หยุดเดิน แล้วก็หันไปมองด้วยความสงสัย
ตรงนั้น เป็นตรงที่เธอนัดเจอกับเฟิงหมิงก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรอ?
“…… ผู้เสียชีวิตเป็นเพศหญิง ถูกหั่นศพเป็นชิ้นอย่างโหดร้าย แยกออกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ถูกโยนกระจายไปทั่วมุมป่า เวลาที่เสียชีวิตคาดการณ์ว่าเป็นประมาณสองชั่วโมงที่แล้ว……”
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจทันที
สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ก็คือตอนที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอออกจากร้านกาแฟมาไม่ใช่หรอ?
ทันใดนั้นเธอก็นึกออกว่าเธอได้เห็นบุคคลน่าสงสัยที่อยู่ด้านนอก……
ประโยคที่อีกฝ่ายพูดก็กลับมาปรากฏขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง……
คดีฆาตกรรมครั้งก่อน คนๆนั้นก็อยู่ในสถานที่เกิดเหตุเหมือนกัน
แล้วครั้งนี้มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆ หรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรไปหาตำรวจ เล่าเรื่องที่เธอสงสัยก่อนหน้านี้ให้ตำรวจฟังทั้งหมด
หลังจากที่ตำรวจรับรู้เรื่องราว ก็เริ่มการสืบสวนทันที
“คุณเวิน ถ้าพวกเราเจอเขาเมื่อไหร่จะแจ้งให้คุณทราบอีกที ให้คุณมาระบุอีกครั้งครับ”
“ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนวางสาย แล้วก็นั่งดูรายงานข่าวในทีวีต่ออีกสักพัก
ในข่าวบอกว่า เป็นไปได้มากว่าฆาตกรในครั้งนี้จะเป็นคนเดียวกับครั้งที่แล้ว
และคนๆนี้ ก็เคยก่ออาชญากรรมมาก่อน
ทางตำรวจก็ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ตอนเที่ยงของวันที่สอง ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะไปที่ตระกูลเฟิงนั้น ก็ได้รับสายจากตำรวจ
พวกเขาได้พบบุคคลต้องสงสัยคนนั้นแล้ว ก็เลยเชิญให้เธอไปยังที่เกิดเหตุเพื่อเป็นพยาน
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง เห็นว่าเวลายังเร็วอยู่ ก็เลยหมุนพวงมาลัยไปที่สถานีตำรวจแทน
พอเข้ามา ฉันเห็นชายน่าสงสัยในชุดดำ นั่งอยู่บนม้านั่งในห้องโถง
“คุณเวิน ลองดูหน่อยครับ คนๆนี้คือคนที่คุณบอกรึเปล่า? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างละเอียด หน้ากากอนามัยของฝ่ายตรงข้ามได้ถูกถอดออกแล้ว ดูอายุไม่น่าจะน้อยเท่าไหร่ น่าจะประมาณ40 แววตาดูเหมือนคนที่ผ่านโลกมามาก ท่าทางไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูเคร่งขรึมมาก
ดวงตาคู่นี้ ไม่มีวันจำผิดแน่นอน
“เขานี่แหละค่ะ”
พอตำรวจได้ยินดังนั้น ก็คลี่ยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา
“ถ้ายังงั้นก็ดีแล้วครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน”
“เรื่องเข้าใจผิดอะไรหรอคะ? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างไม่เข้าใจ
ตำรวจบอกว่า “ไม่มีทางที่คนๆนี้จะเป็นผู้ต้องสงสัยได้เลยครับ”
พอเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจ ตำรวจหลายคนนั้นก็มองหน้ากัน หลังจากถามผู้ชายชุดดำคนนั้นแล้ว ถึงได้กระซิบอธิบายเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เขาไม่มีทางเป็นผู้ต้องสงสัยได้ ก็เพราะว่าเขาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจเหยียนเจิ้งที่สืบสวนคดีในครั้งนี้ เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน คดีนี้เขาก็กำลังสืบสวนอยู่”
“ตำรวจงั้นหรอคะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่ชายคนนั้นอย่างสงสัย แต่ว่าเธอไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่เธอเห็นเหยียนเจิ้งก็จะเป็นช่วงเวลาก่อนคดีฆาตกรรม เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันจะเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น?
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น เหยียนเจิ้งก็ลุกขึ้น
รูปร่างของเขาสูงใหญ่มาก เขาก็ขยับเข้ามาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ดูน่ากลัวเล็กน้อย
“ผมกำลังติดตามคนที่ผมคิดว่าน่าสงสัยอยู่ เรื่องนี้ คุณเวินไม่รู้น่าจะดีกว่า”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน พลางพูดว่า “สิ่งที่ผมเตือนคุณก่อนหน้านี้ โปรดจำไว้ให้ขึ้นใจ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้วรู้สึกมึนงง มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
หลังจากคิดอยู่สักพัก ก็ไม่เข้าใจ ได้แต่พูดว่า “ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วล่ะก็ ฉันกลับก่อนนะคะ ฉันยังมีธุระต่อ”
“ขอโทษด้วยนะคะที่เข้าใจคุณผิด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าขอโทษเหยียนเจิ้งเบาๆ หลังจากนั้นก็เดินออกไป
พอเธอไปแล้ว ตำรวจหลายนายถึงได้เอ่ยปากถามเหยียนเจิ้ง
“คุณตำรวจเหยียน ครั้งนี้คุณพบเบาะแสมั้ยครับ? ”
“เจอนิดหน่อย แต่ว่ายังไม่สามารถยืนยันได้”
เขามองไปยังทิศทางที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกไป
พอตำรวจพวกนั้นได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็เบิกบานขึ้นมาทันที แล้วก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอโทษจริงๆ ครับ เดิมทีคุณไม่ได้มาเพื่อสืบคดีนี้ หวังว่าจะไม่ทำให้เรื่องที่คุณกำลังสืบสวนอยู่ล่าช้าไปนะครับ”
เหยียนเจิ้งโบกมือ หันกลับมาแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงในตอนนี้ คนครอบครัวนั้นคงไม่มีจิตใจและกำลังจะทำเรื่องอะไรอีกแล้ว”
“ โจมตีในเวลาที่เหมาะสมที่สุด ถึงจะบรรลุผลที่ไม่คาดคิด”