เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 477
บทที่ 477 หยุดเพียงเท่านี้
ไฟห้องผ่าตัดสว่างอยู่อย่างนั้นมาเป็นเวลาหกชั่วโมงเต็ม ถึงค่อยดับลง
ในขณะที่ไฟดับลง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบยืนขึ้นจากเก้าอี้ทันที
ในระยะเวลาหกชั่วโมงที่ผ่านมา พวกบอดี้การ์ดได้บอกเรื่องของจี้จิ่งเชินในช่วงเวลานี้หมดแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังเรื่องทั้งหมดด้วยความรู้สึกที่กล้าๆกลัวๆ อารมณ์ของเธอก็หนักอึ้งขึ้นทันที
เธอไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะปิดบังเรื่องทำการฟื้นฟูสมรรถภาพกับเธอ
เธอรู้จากปากของหมอแล้วว่าการทำการฟื้นฟูสมรรถภาพครั้งนี้ มีอุปสรรคและมีความเจ็บปวดมากมายขนาดไหน
ที่แท้จี้จิ่งเชินก็กำลังอดทนกับความเจ็บปวดมากมายขนาดนั้นมาตลอด
มิน่าล่ะ ตอนเห็นเขาเมื่อครั้งก่อนๆ สีหน้าของจี้จิ่งเชินถึงได้มีความผิดปกติไป
สีหน้าขาวซีดผิดปกติ บนหน้าผากก็มีเหงื่อเกาะอยู่มากมาย
ไม่คิดว่าจะเจ็บถึงขนาดนั้น
คนซื่อบื้อ ทำไมถึงไม่บอกเธอล่ะ?
ทำไมถึงตัดสินใจเรื่องที่มันสำคัญขนาดนี้ด้วยตัวเอง?
เจ็บขนาดนั้น ทำไมต้องเข้ามาช่วยเธอด้วย?
พอนึกถึงความเจ็บปวดที่จี้จิ่งเชินอดกลั้นเพียงลำพังมาตลอด จมูกของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ร้อนขึ้นมาทันที
เธอออกแรงขยี้ตา และเดินเข้าไปหาหมอ
จี้จิ่งเชินนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาถูกเข็นออกมา สีหน้ายังคงขาวซีด สองตาปิดลงแน่น และกำลังสลบไม่ได้สติ
หมอจางเพิ่งผ่านการผ่าตัดที่มีขั้นตอนซับซ้อนมาหมาดๆ บนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาใช้แรงไปจนหมด และรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
เขาเช็ดเหงื่อ และสั่งพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆไปด้วย
“ พาคนไปส่งที่ห้องICUก่อน ระวังขาของเขาด้วย แม้แต่สัมผัสก็ไม่ได้ ”
เขาพูดไปด้วย และพูดบ่นในใจไปด้วย
ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินไปทำอะไร? ระดับการบาดเจ็บที่ส่วนขาถึงได้รุนแรงกว่าที่เขาจินตนาการไว้!
กระดูกที่แตกเป็นเสี่ยงๆแทงเข้าไปในกล้ามเนื้อ ระดับความลึกกว่าสิบเซนติเมตร!
จินตนาการไม่ออกเลยว่าจี้จิ่งเชินใช้ขาสองข้างนั้นยืนขึ้นมาได้ยังไง
คนบ้าชัดๆ!
“ หมอจาง? หมอจางคะ ”
เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนดังขึ้นข้างตัว หมอจางจึงรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็นึกอะไรออกทันที
ใช่ จี้จิ่งเชินช่วยคุณเวินไว้ เขาถึงได้เจ็บสาหัสขนาดนี้ไงล่ะ
มิน่าล่ะ
ถ้าเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยน ต่อให้ต้องตาย จี้จิ่งเชินก็จะไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
หมอจางคิดไปด้วย บนใบหน้าของเขาก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีมารยาท และพยักหน้าในที่สุด
“ คุณเวิน มีเรื่องอะไรหรอครับ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองท่าทีของจี้จิ่งเชิน หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นอย่างกังวล: “ อาการของจี้จิ่งเชินเป็นยังไงบ้างคะ? ร้ายแรงหรือเปล่า? ”
หมอจางขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ จี้จิ่งเชินได้ให้พวกเขาปิดบังเวินเที๋ยนเที๋ยนเรื่องทำการฟื้นฟูสมรรถภาพของเขา
แต่ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนมาหาเขาถึงที่โรงพยาบาลเอง จึงไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปแล้ว
เขาคิดสักพัก หลังจากนั้นก็พูดออกมาตามความจริง: “ ร้ายแรงมากครับ ”
หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนกระทบกันจนหนักอึ้ง ทั้งตัวของเธอเหมือนถูกค้อนใหญ่ทุบใส่อย่างรุนแรง จนแทบยืนไม่มั่นคง
ดูเหมือนสีหน้าของเธอจะไม่ค่อยสู้ดีมากกว่าจี้จิ่งเชินเสียอีก และในสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกังวล
“ ร้ายแรงขนาดไหน…… ”
“ ตอนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น สองขาของประธานจี้ถูกเสากระทุ้งใส่อย่างรุนแรง จนทำให้กระดูกหน้าแข้งหัก แต่เพราะไม่ได้รักษาให้ทันเวลา ในระยะเวลาครึ่งปี กระดูกหน้าแข้งจึงเริ่มหายดีในระดับนึงแล้ว และทำให้ไม่สามารถยืนและเดินได้ครับ ”
“ แผนการฟื้นฟูสมรรถภาพของพวกเราคือทำให้กระดูกที่ผิดตำแหน่งเมื่อครั้งก่อนหักอีกครั้ง หลังจากที่ทำความสะอาดแล้วก็จะกระตุ้นให้บาดแผลหายสนิท และจัดวางให้ตรงตำแหน่งอีกครั้ง แต่เส้นประสาทตรงส่วนขา มีบางที่เริ่มเสื่อมถอยลงแล้ว ภายใต้การกระตุ้นที่เจ็บปวด เขาก็ต้องขยันใช้สองขาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ถึงจะสามารถบรรลุถึงประสิทธิผลนั้น ”
“ เพียงแต่…… ”
พูดถึงตรงนี้ หมอจางก็หยุดพูด หลังจากนั้นก็หันไปมองจี้จิ่งเชินอย่างลำบากใจ และพูดขึ้น: “ การฟื้นฟูสมรรถภาพที่ผมบอก ไม่ใช่ให้เขายืนขึ้นแล้วออกไปวิ่ง แต่ต้องอาศัยกำลังภายนอกในการทดลองใช้ขาสองข้าง แต่ก่อนหน้านี้ เขาเคยออกไปข้างนอกถึงสองครั้ง ทำให้สภาพบาดแผลที่ขาทั้งสองข้างของเขายิ่งรุนแรงขึ้น ”
“ เมื่อสักครู่ ตอนที่พาเขามาส่ง กระดูกที่ขาทั้งสองข้างของประธานจี้ก็ได้ผิดตำแหน่งอีกครั้ง และถึงขั้นแทงเข้าไปในกล้ามเนื้อ นี่เป็นผลที่เกิดจากการฝืนเดิน และร้ายแรงเป็นอย่างมาก ”
“ ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกผมจะทำการรวมกระดูกเป็นอันเดียวกันแล้ว และได้กระตุ้นประสิทธิภาพการฟื้นคืนสภาพในร่างกายของเขาด้วยเช่นกัน แต่จะฟื้นคืนสภาพได้หรือไม่ อันนี้ยังต้องติดตามอาการกันต่อไป…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วแน่น
ที่จี้จิ่งเชินออกไปข้างนอกสองครั้ง ล้วนเป็นเพราะเธอ……
“ เขาจะรักษาเสร็จตอนไหนคะ? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถามเสียงเบา
พอได้ยินคำถามนี้ หมอจางก็ขมวดคิ้วทันที เขาเกิดความลังเลขึ้น
“ ก่อนหน้านี้ ผมเคยรับรองว่าถ้าจะรักษาให้สำเร็จ สี่เดือนก็สามารถเริ่มเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้ออกจะพูดยากครับ ”
“ หมายความว่ายังไงคะ? ”
“ เมื่อก่อน สองขาของประธานจี้ยังไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่สอง อัตราสำเร็จยังมีอยู่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้จี้จิ่งเชินออกไปข้างนอก ระดับความแตกร้าวของกระดูกที่ขาทั้งสองข้างรุนแรงกว่าเมื่อครั้งก่อนมาก อัตราที่จะกลับมายืนได้อีกครั้งจึงเหลือไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ ”
“ ส่วนเขาจะสามารถคว้าโอกาสสิบเปอร์เซ็นต์นั้นได้หรือเปล่า แม้แต่ผมก็ยังไม่ทราบเลยครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟังก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
เธอหลับตาลง ในหัวปรากฏภาพของจี้จิ่งเชินขึ้นมาอีกครั้ง
เลือดที่ชุ่มไปทั่วขาทั้งสองข้าง……
สายตาที่หนักแน่น……
สีหน้าที่ขาวซีด……
ในความทรงจำ เธอไม่เคยเห็นจี้จิ่งเชินมีท่าทีอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน คล้ายกับเขาสามารถหายไปได้ทุกเมื่อ
เธอกำหมัดแน่น แม้แต่จะอ้าปากพูดก็ยังทำได้ยากเหลือเกิน
“ การรักษาแบบนี้ ลำบากมากไหมคะ? ”
เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนมีความสะอื้น เธอแค่คิด ก็แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“ ลำบากมากครับ ”
หมอจางพูดอย่างทอดถอนใจ: “ พูดตามความจริง ในบรรดาผู้ป่วยที่ผมรับมา คนที่สามารถยอมรับการรักษาแบบนี้ แถมยังยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ ก็มีเพียงจี้จิ่งเชินคนเดียวเท่านั้น ”
เดิมที เขาทำการรักษาขั้นที่หนึ่งเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มทำการรักษาขั้นที่สองทันที
แต่เพราะการออกไปข้างนอกทั้งสองครั้งของเขาทำให้ไม่ต่อเนื่อง ตอนนี้จึงต้องเริ่มทำการรักษาใหม่ตั้งแต่ต้น
อีกทั้ง เนื่องจากระดับความแตกร้าวที่ขาทั้งสองข้างของเขารุนแรงกว่าเมื่อครั้งก่อนมาก ในการฝึกฝนครั้งต่อไปก็คงจะเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกระคายเคืองในตา น้ำตาทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และคลออยู่ที่เบ้าตาของเธอ
จี้จิ่งเชินรู้ผลลัพธ์ที่ตัวเองทำถึงขนาดนี้อยู่แล้ว เห็นอยู่ว่าผ่านความเจ็บปวดมาตั้งมากมาย
กลับยังคงขยันฝึกฝนคนเดียวเพียงลำพังในที่ที่เธอไม่รู้
แค่คิดถึงตรงจุดนี้ หัวใจของเธอก็เจ็บจนหายใจไม่ออกแล้ว
“ หยุดเถอะค่ะ ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดขึ้น
“ อะไรนะ? ”
หมอจางหันมามองเธออย่างไม่เข้าใจ เขารู้สึกไม่เข้าใจในความหมายของเวินเที๋ยนเที๋ยนสักเท่าไหร่
แต่สายตาของเธอกลับแน่วแน่มาก
“ หยุดการทำฟื้นฟูสมรรถภาพ ไม่ต้องทำต่อแล้ว ”
หมอจางตะลึงไปทันที เขาหันไปมองห้องผู้ป่วยที่จี้จิ่งเชินพักรักษาอยู่ในนั้น และพูดขึ้นอย่างลังเลใจ: “ แต่นี่เป็นคำสั่งของจี้จิ่งเชิน อีกอย่าง การรักษาบำบัดก็ได้เริ่มขึ้นแล้วนะครับ ”
เขามีความลังเล แต่ท่าทีของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเด็ดเดี่ยวมาก
“ หยุดตั้งแต่ตอนนี้ รอให้จี้จิ่งเชินฟื้นขึ้นมา หลังจากนั้นก็ไม่ต้องทำต่อแล้วค่ะ ”
ถ้าการที่จี้จิ่งเชินทำแบบนี้ เพื่อให้เธอสบายใจ
จนต้องใช้โอกาสสิบเปอร์เซ็นต์มาขยันฝึกฝน และต้องแบกรับความเจ็บปวดมากมายขนาดนี้
เธอจะแข็งใจมองเขาเจ็บปวดได้ยังไงกันล่ะ?
หยุดเพียงเท่านี้เถอะ
และเหมือนตอนนี้ ไม่ต้องไปแบกรับความเจ็บปวดที่คนข้างกายจินตนาการไม่ถึงอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ชั่วชีวิตนี้เธอก็จะไม่จากจี้จิ่งเชินไปไหนอย่างแน่นอน