เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 489
บทที่ 489 ยังดีที่ไม่ยอมแพ้
เหมือนพวกเขาสังเกตเห็นแววตาของท่านจางพร้อมกัน จี้จิ่งเชินก็หันหน้าชำเลืองไปมองเขา ในใจอดไม่ได้ที่จะบ่น
ปกติเวลาที่ท่านจางอยู่กับท่านเปิง แม้ว่าจะไม่น่าเชื่อถือ แต่อย่างน้อยก็ยังรู้ขอบเขต ไม่ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องตกอยู่ในอันตราย
แต่ว่าตอนนี้ เพียงแค่ไปจากท่านเฟิง ก็ต้องหลงกลเฟิงหมิง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาระมัดระวัง ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกส่งไปที่สถานที่ไหน
นึกถึงตรงนี้ จี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้วอีก
คิดไม่ถึง เฟิงหมิงกลับสามารถทำให้บอดี้การ์ดหลายคนข้างเวินเที๋ยเที๋ยนออกไปได้
ดูท่าว่างานคุ้มครองเวินเที๋ยนเที๋ยน ยังต้องเพิ่มความแข็งแกร่งอีกครั้ง
กำลังคิดอยู่ เขาก็ยื่นมือไปโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วกล่าวว่า: “ไปทานข้าวก่อนเถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า บอกลาท่านจาง แล้วหันหลังขึ้นรถไป
ในที่สุดก็ออกมาจากบริเวณร้านกาแฟ เวินเที๋ยนเที๋ยนผ่อนคลายลงมาก ต่อมา กลับสังเกตเห็นว่ารถไม่ได้มุ่งไปทางปราสาทเก่า แต่ว่ามุ่งไปตามถนนอีกด้านหนึ่งของใจกลางเมือง
“จะไปทานมื้อค่ำจริงๆ เหรอ?”
หล่อนคิดว่าเมื่อกี๊จี้จิ่งเชินแค่หาข้ออ้างไปอย่างงั้น เพื่อที่จะพาหล่อนออกมา คิดไม่ถึงว่าจะมีแพลนนี้จริงๆ
“ในเมื่อออกมาแล้ว ก็ต้องทานอาหารให้เต็มที่สักมื้อค่อยกลับ ยิ่งไปกว่านั้น นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ทานข้าวพร้อมคุณ” จี้จิ่งเชินกล่าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย แท้ที่จริงแล้ว ทุกวันที่ทั้งสองอยู่โรงพยาบาล ก็ทานข้าวพร้อมกันตลอด
แต่ไม่รู้เพราะอะไร จี้จิ่งเชินกลับดื้อรั้นกะทันหัน
ผ่านไปสักพัก เมื่อเห็นว่ารถกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในใจกลางเมือง หล่อนจ้องมองไปยังทิศของรีสอร์ทหวินช่วย เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เข้าใจขึ้นมา
ที่นี่ เป็นที่ที่หล่อนกับเฟิงหมิงพบกันครั้งแรกไม่ใช่เหรอ?
“จะไปรีสอร์ทหวินช่วย?”
หล่อนหันหน้ามาแบบไม่เข้าใจ แต่ไหนแต่ไรมาจิ่งเชินชอบพาหล่อนไปที่ร้านอาหารTHALIA
ที่นั่นเป็นร้านอาหารมิชลิน ตั้งแต่การบริการไปจนถึงรสชาติอาหารนั้นถือเป็นชั้นเลิศ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิวกลางคืนที่สวยงามน้อยมากที่จะมาร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นของรีสอร์ทหวินช่วย
ได้ยินเสียงของหล่อน จี้จิ่งเชินกลับหลีกเลี่ยงหัวข้อสำคัญ
“ครั้งที่แล้วบนนิตยสาร เห็นว่าคุณกับเฟิงหมิงมาทานอาหารพร้อมกันที่นี่ ที่นี่ผมเพิ่งมาเป็นครั้งแรก เดี๋ยวช่วยแนะนำหน่อยนะ เมนูสุดฮิตที่นั่น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง กลับหันหน้าไปมองเขาอย่างประหลาดใจ รู้สึกว่าท่าทางของจี้จิ่งเชินดูแปลกๆ
เห็นเพียงเขาหันหน้าแล้วกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง……
หรือว่ากำลังหึง?
ความคิดนี้แวบออกมาจากหัวใจ เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ตกใจ
ที่แท้ความสัมพันธ์จอมปลอมในเมื่อก่อนของตัวหล่อนกับเฟิงหมิง จี้จิ่งเชินรับรู้มาโดยตลอด
แล้วยังคิดไม่ถึง ว่าผู้ชายที่ใจแคบคนนี้กลับยังจำมาถึงทุกวันนี้
เขาเริ่มคิดวางแผนตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่จะพาหล่อนมาทานข้าวที่รีสอร์ทหวินช่วย?
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดถึงตรงนี้ ในใจมีความหวานจางๆ ลอยขึ้นมา
หล่อนโน้มตัวไปข้างหน้า เข้าใกล้จี้จิ่งเชิน แล้วพูดเสียงเบา: “จี้จิ่งเชิน นายกำลังหึงอยู่ใช่ไหม?”
ชายที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างได้ยินดังนั้น ร่างกายขยับช้าๆ ใบหน้ามีความเคอะเขินกะทันหัน
บางทีเขาอาจคิดว่าการที่ตัวเองมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้หันหน้ากลับมา สามารถหลีกเลี่ยงสายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้
กลับไม่รู้ว่า กระจกหน้าต่างกลับทำให้อาการบนหน้าเขา สะท้อนกลับมาสู่สายตาของอีกคนในรถให้ได้เห็นความจริงตั้งนานแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม มองดูสีหน้าของจี้จิ่งเชินที่มีอาการจากประหลาดใจไปจนถึงเคอะเขิน สุดท้ายก็กลับมาเป็นปกติ ในใจมีความสุขมาก
“ใช่หรือไม่?”
หล่อนคะยั้นคะยออีกครั้ง
จี้จิ่งเชินจึงทำหน้าตึง
“ไม่มี ทำไมต้องหึงเพราะผู้ชายคนนั้น?เพียงแค่คิดขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนไม่เคยไป ก็เลยอยากพาคุณไป”
“ไม่ใช่เพราะเฟิงหมิงจริงๆ เหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโน้มตัวเข้าใกล้อีก พูดแบบได้ใจ: “ฉันยังไม่เคยรู้ ที่แท้นิตยสารที่ฉันทานข้าวที่รีสอร์ทหวินช่วยในเมื่อก่อน นายก็เคยดูแล้ว?”
โดยนิสัยของจี้จิ่งเชินแล้ว ต่อให้จะเห็นจริงๆ ก็ไม่ยอมรับอยู่ดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะติดตลกขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้ามองจากกระจกหลังแล้ว อดที่จะหัวเราะไม่ได้แล้วเลยรีบพูดขึ้น
“ไม่แปลกใจที่หลายเดือนก่อน คุณผู้ชายให้ผมไปกว้านซื้อนิตยสารทั้งหมดกลับบ้าน ที่แท้ก็เพื่อที่จะดูคุณหนู”
คำพูดของคนขับที่ดังขึ้นกะทันหัน ทำให้สีหน้าของจี้จิ่งเชินเย็นชาอีกครั้งในทันใด
“จริงเหรอ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้ามาถามแบบประหลาดใจ: “ ซื้อกลับบ้านหมดเลย?”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร? ทั้งเล่มใหญ่เล่มเล็กหลายร้อยเล่ม ก็ส่งเข้าไปในห้องสมุดของคุณผู้ชายแล้ว ไม่แน่ตอนนี้ยังวางอยู่ที่นั่นก็เป็นได้”
คนขับรถพูดแบบหัวเราะ ไม่ได้สังเกตเห็นอาการหน้าเสียของจี้จิ่งเชินสักน้อยเลย
ภาพในตอนนั้นเขาจำได้ย่างชัดเจน เพราะว่าเขาเองก็ได้รับคำสั่งที่แปลกประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนนี้ดูแล้ว ที่แท้ก็เพื่อเวินเที๋ยนเที๋ยน
คิดถึงตรงนี้ คนขับรถอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แล้วจี้จิ่งเชินที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นว่าความคิดเขาโดนคนอื่นเปิดเผย สีหน้ายิ่งดูไม่ดีเลย ถึงขั้นหน้าดำเคร่งเครียด
แต่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะตะโกนใส่เวินเที๋ยนเที๋ยน ดังนั้นเขาเลยพุ่งเป้าไปที่คนขับรถ
“ที่ผมจ้างคือคนขับรถ ไม่ใช่ปาปารัสซี่ที่ชอบนินทา หรือว่า นักข่าวจะเหมาะกับแกมากกว่า?”
เขาพูดแบบเย็นชา คนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้าเลยหยุดลงแบบกะทันหัน ไม่กล้าที่จะพูดอีก มองดูกระจกหลังด้วยความตกใจ
เห็นสายตาเยือกเย็นของจี้จิ่งเชินแล้ว ปิดปากอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะพูดอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ไหวเลยดึงจี้จิ่งเชิน
“นายขู่เขาทำไม?ที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหมดเลยใช่ไหม?”
ความเย็นชาบนตัวจี้จิ่งเชินหลอมละลายในทันใด
กลับยังคงทำหน้าเข้ม เพื่อต้องการซ่อนความตื่นตระหนกและเคอะเขินของตนเอง
แต่ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมองออกได้อย่างชัดเจน ใบหูของเขาแดงอ่อนๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังอาย
อาย?
คำนี้ปรากฏอยู่บนตัวของจี้จิ่งเชิน จะแปลกประหลาดขนาดไหน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งได้ใจใหญ่ เป็นครั้งแรกที่เห็นจิ่งเชินอยู่ในลักษณะนี้ อดไม่ไหวโน้มตัวขึ้นไป จ้องมองที่หูเขาอย่างละเอียด
“ แสดงว่าเป็นเรื่องจริง?ตกลงนายดูนิตยสารฉันไปแล้วเท่าไหร่?”
“127…… “
“อะไร?”
เป็นเสียงที่เล็กมาก เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับยังฟังไม่ชัดเจน ถามขึ้นอีก
“127 เล่ม”
จี้จิ่งเชินค่อยๆ ทำสียงสูง
“นิตยสารทุกเล่มที่เคยลงเรื่องราวเกี่ยวกับคุณและเฟิงหมิงไปทานข้าวที่รีสอร์ทหวินช่วย ผมดูหมดแล้ว รวมตัวเลขทั้งหมดก็รูปภาพ15แผ่นที่ไม่เหมือนกัน ผมเคยดูทุกเล่ม ตอนนี้ยังอยู่ที่ห้องสมุด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะกล้าตอบจริงๆ มองเขาด้วยความตกใจ และกำลังตะลึง
เวลานี้ จี้จิ่งเชินกลับหันหน้าแล้วมองมา จับมือหล่อน
“เป็นอย่างไร?คุณอยากดูมั้ย?”
คำที่โดนสวนกลับ กลับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติในทันใด
ความจริงที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของหล่อน
ถ้าหากหล่อนไม่มีเรื่องที่เคยวางแผนกับเฟิงหมิง เพื่อมากระตุ้นจี้จิ่งเชิน บางทีก็คงจะไม่มีเรื่องราวหลังจากนั้นแล้ว
ได้ยินคำเยาะเย้ยของจี้จิ่งเชิน หล่อนหงุดหงิดขึ้นมาทันที
หล่อนยักคิ้วเบาๆ แล้วเงียบลง
จี้จิ่งเชินดูเหมือนจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของหล่อน
“ขอโทษนะ ยังดีที่มีคุณ จึงทำให้ฉันคิดได้”
เขาสวมกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอ่อนโยน
แล้วพูดเสียงเบา: “ยังดีที่ผมยังไม่ยอมแพ้ แล้วก็ยังดี ที่คุณก็ยังไม่ยอมแพ้