เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 871
บทที่871 คุณก็คืออเดลิน่าของผม
จี้จิ่งเชินหัวเราะออกมาเสียงทุ้มต่ำ แล้วก้าวเดินไปด้านหน้าเปียโน
นิ้วที่เรียวยาว เป็นข้อชัดเจนนั้นวางลงบนคีย์บอร์ดเปียโนสีดำขาว ให้ความรู้สึกดีที่แตกต่างออกไปอีกทั้งยังดูลึกลับอีกด้วย
เสียงเปียโนดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนตามไปด้วย
ทำนองผ่อนคลายในช่วงเริ่มแรก เหมือนกับพรรณนาถึงปราสาทที่ว่างเปล่าและเงียบสงบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนราวกับรับรู้ได้ถึงแสงแดดอ่อนๆและสายลมเบาๆที่มาสัมผัสแก้มของเธอ
ช่างอบอุ่นและอ่อนโยน
ทำให้เธอเกือบจะลืมช่วงเวลาที่จะผ่านไป ดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งจินตนาการนี้
หลังจากนั้นท่วงทำนองก็เริ่มเพิ่มจังหวะเร็วขึ้น เสียงเปียโนผสมผสานดนตรีที่มีชีวิตชีวา
ราวกับเห็นใครทำให้เธอเสพติดและหลงใหลอย่างไรอย่างนั้น
ร่างของเธอเหมือนกับจะไหลไปตามแม่น้ำสายเล็กๆ
แสงจากคลื่นที่ส่องสะท้อนมายังร่างของเธอ และแสงพระอาทิตย์ที่ตกลงนี้ทำให้รู้สึกยิ่งน่าหลงใหลยิ่งนัก
แล้วเสียงเปียโนก็ค่อยๆผ่อนลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ผละออกมาจากอารมณ์ความคิดนั้นด้วยเช่นกัน
“เพราะไหมครับ?”
จี้จิ่งเชินกดคีย์บอร์ดเปียโนสุดท้าย แล้วเสียงเปียโนก็เงียบลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบพยักหน้า
“เพราะค่ะ แล้วก็สวยมากด้วย”
แววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม
ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจเรื่องของเปียโนนัก แต่ก็ฟังออก ว่าการเล่นดนตรีของจี้จิ่งเชินนั้นจะต้องมีความประณีตมากอย่างแน่นอน
มิเช่นนั้นแล้วจะทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องดนตรีอะไรเลยอย่างเธอนั้น เข้ามาอยู่ในโลกของเขาที่ถักทอด้วยเสียงเปียโนนี้ได้อย่างไรกัน?
ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนใช้สายตาที่ชื่นชมจ้องแล้ว จี้จิ่งเชินก็รู้สึกอายขึ้นมาบ้างซึ่งนับว่าน้อยครั้งนักที่จะได้เห็นเช่นนี้
แต่จะไม่พูดก็คงไม่ได้ ว่าสายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนนี้ ให้ความรู้สึกที่สุขใจและพอใจกับเขาเป็นอย่างมาก
เขาเอ่ยอธิบายกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ : “ชื่อเพลงเปียโนนี้ มีชื่อว่า 《Adeline by the water》เป็นเพลงที่โรแมนติกมากเพลงนึงเลยนะครับ”
“Adeline by the water?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนออกเสียงชื่อนี้ออกมาอีกครั้ง “ฟังแล้วเหมือนกับว่าจะเป็นชื่อของผู้หญิงคนนึงเลยนะคะ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงเล็กน้อย “ใช่ครับ เป็นชื่อของรูปปั้นแกะสลักของหญิงสาวคนนึงในตำนานเทพเจ้ากรีก”
รูปปั้นแกะสลักหญิงสาว?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกงงเล็กน้อย และยิ่งรู้สึกสงสัยกับเรื่องราวเบื้องหลังของเพลงนี้มากขึ้นไปอีก “หมายความว่า คนที่สร้างเพลงนี้ขึ้นมา ก็สรรเสริญรูปปั้นแกะสลักหญิงสาวรูปนี้ใช่ไหมคะ?”
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินจึงยกมุมปากขึ้น และในดวงตานั้นปรากฏรอยยิ้มออกมาแวบหนึ่ง
“อเดลิน่าเป็นรูปปั้นก็จริงอยู่ครับ แต่ในตำนานเทพเจ้ากรีก เล่ากันว่ามีกษัตริย์ที่โดดเดี่ยวองค์หนึ่ง เขาได้แกะสลักรูปปั้นหญิงสาวที่สวยงามเอาไว้หนึ่งคน และเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า เขาก็หลงรักเธอ”
คำพูดของจี้จิ่งเชินนั้นทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะเบิกตาขึ้นมาไม่ได้
“หลงรักรูปปั้นแกะสลักนี่หรือคะ?”
กษัตริย์องค์นี้เองก็ค่อนข้างจะโดดเดี่ยวเกินไป แล้วก็แปลกประหลาดมากเกินไปด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่าจะมีคนหลงรักรูปปั้นด้วย แต่ในเมื่อเป็นเรื่องเล่า ก็ไม่จำเป็นต้องไปสับสนกับรายละเอียดให้มากนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเสริมในส่วนที่ไม่สอดคล้องกับตรรกะของเรื่องนี้ขึ้นมา
“อืม”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า “เขาหลงรักรูปปั้นแกะสลักที่ตัวเองเป็นคนแกะสละออกมาเองจริงๆ ด้วยความรักที่มีและความพยายามพากเพียรอย่างไม่ลดละของเขา จนสุดท้ายแล้วเทพเจ้าแห่งความรักก็รู้สึกซาบซึ้ง จึงเปลี่ยนรูปปั้นแกะสลักนั้นให้กลายเป็นคน แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่กับกษัตริย์องค์นั้นอย่างมีความสุข”
บทสรุปของเรื่องราวนั้นเหมือนกับในนิทานอย่างไรอย่างนั้น
ความรักของกษัตริย์ทำให้สรวงสวรรค์รู้สึกซาบซึ้ง ก็เลยทำให้คู่รักได้มาครองเรือนกันในที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าที่มีความประทับใจ : “บทสรุปแบบนี้ดีจริงๆเลยนะคะ”
เธอหวังเป็นอย่างมาก ว่าเธอกับจี้จิ่งเชินนั้นจะสามารถเป็นเหมือนกับกษัตริย์และรูปปั้นแกะสลักในเรื่องนี้ ที่จะอยู่ดูแลกันและกันไปจนแก่
“พวกเราก็จะมีบทสรุปในตอนจบเป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ”
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ความอ่อนโยนในแววตานั้นแทบจะเอ่อล้นออกมา
เขาเอาผมของเวินเที๋ยนเที๋ยนทัดไปที่หลังใบหูของเธออย่างเบามือ การกระทำอ่อนโยนเป็นอย่างมาก
จี้จิ่งเชินกังวลว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะคิดมาก จึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “เรื่องราวที่สวยงามนี้ทำให้เพลงนี้ยิ่งมีความโรแมนติกมากขึ้นไงครับ”
“และต่อให้ไม่รู้เรื่องราวต่อจากเพลงนี้ ก็สามารถรู้สึกได้เหมือนกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่
จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “เพลงเปียโนทุกๆเพลงจะสามารถแสดงออกถึงความคิดที่ไม่เหมือนกัน”
เธอยิ้มตอบกลับมา นึกถึงเพลงที่เล่นก่อนหน้านี้แล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาบ้าง
“พี่กำลังจะสอนฉันเล่นเปียโนหรือคะ?”
“เปล่าครับ ผมจะบอกว่า……..”
เขาตั้งใจชะงักไป แล้วมองแววตาที่ดูสงสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างพอใจ แล้วถึงได้ตอบคำถามเธอ “ผมอยากจะบอกคุณว่า ในสายตาของผมแล้ว คุณก็คืออเดลิน่าของผม”
ในสายตาของจี้จิ่งเชิน เธอก็คือรูปปั้นแกะสลักอย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกประหลาดใจจนพูดไม่ออก
แต่กลับได้ยินจี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นมาต่อ : “ผมจะเฝ้ามองคุณวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ไม่ว่าคุณจะตอบรับผมหรือไม่ก็ตาม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา แต่ใบหูที่แดงระเรื่อได้แสดงออกถึงอารมณ์ของเธอในเวลานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทำไมจู่ๆถึงมาพูดจาแบบนี้กัน เล่นเอาเธอเขินไปหมดแล้ว
แต่จี้จิ่งเชินราวกับเหมือนไม่รับรู้ถึงความคิดของเธออย่างไรอย่างนั้น เขาเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “เดิมทีผมคิดว่า คุณโกรธผมแล้วจะไม่ยอมกลับมาที่คฤหาสน์ซักพักนึง ผมเตรียมที่จะไปรายงานตัวที่ตระกูลหล่อนทุกวันอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเตรียมเซอร์ไพรส์เอาไว้ให้ผมขนาดนี้”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ จี้จิ่งเชินก็ยังคงซึมซับอยู่กับความสุขที่เวินเที๋ยนเที๋ยนยอมกลับไปคฤหาสน์
“ถ้าหากว่าฉันไม่ยอมกลับมาล่ะคะ พี่ก็คิดจะอยู่ที่ตระกูลหล่อนไปตลอดเลยหรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถาม
แต่คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะพยักหน้า
“ผมก็คิดที่จะทำแบบนี้แหล่ะครับ”
ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ยอมกลับมาเป็นเวลาหนึ่งวัน เขาก็จะไปอยู่ที่ตระกูลหล่อนกับเธอหนึ่งวัน
จนกระทั่งเธอจะยอมกลับมาอยู่ข้างๆเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตกตะลึงกับน้ำเสียงที่ดูเป็นไปอย่างธรรมชาติของเขาจนพูดไม่ออก
แล้วจู่ๆจี้จิ่งเชินก็เอ่ยถามเธอ : “เที๋ยนเที๋ยน คุณยอมกลับคฤหาสน์เป็นเพราะพ่อบ้านมาพูดอะไรกับคุณหรือเปล่าครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนผงะไป แล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“ดูแล้วคงจะเป็นแบบนี้จริงๆสินะ…..”
แล้วความอ้างว้างก็แวบเข้ามาในดวงตาของจี้จิ่งเชิน
การแสดงออกที่ดูอ้างว้างนี้ บังเอิญถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนจับได้เสียก่อน ทำให้เธอรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
พ่อบ้านบอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงนี้ของจี้จิ่งเชินจริงๆ เธอถึงได้ตัดสินใจกลับมาที่คฤหาสน์
แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุหลัก อย่างมากก็นับว่าเป็นแรงจูงใจหนึ่งเพียงเท่านั้น
“พ่อบ้านบอกฉันจริงๆค่ะ เกี่ยวกับสถานการณ์ของพี่ตอนที่ฉันไม่อยู่ที่คฤหาสน์นี้”
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เขาอย่างสงบ “แต่นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในเหตุผลเดียวที่ฉันกลับมาที่คฤหาสน์นี่เท่านั้น”
“หนึ่งในเหตุผล?”
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินก็มองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความงงงวย
เห็นเธอพยักหน้าลง “ใช่ค่ะ พี่ลองคิดดูนะ ถ้าหากฉันยังโกรธพี่อยู่ ก็คงจะไม่เป็นเพราะคำพูดแค่สองสามคำของพ่อบ้านกับแม่ครัว แล้วทิ้งการรักษาตัวที่ตระกูลหล่อนแล้วกลับมาที่คฤหาสน์หรอกค่ะ”
“อีกอย่างฉันก็ไม่ได้กลับมาคนเดียว ฉันยังพาพ่อกับแม่มาด้วย ยังไม่พอจะพิสูจน์การตัดสินใจของฉันอีกหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินตกตะลึงอยู่ตรงนั้น และสายตาจ้องมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
ในหัวใจของเขานั้นรู้สึกอบอุ่น แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกมาอย่างไร
“ผมกลัวว่าคุณจะฝืนตัวเองน่ะครับ”
แน่นอนว่าจี้จิ่งเชินหวังอยากจะให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่คฤหาสน์นี่ แต่เขาก็จะไม่ยอมให้ในใจของเธอมีความรู้สึกที่ไม่ดีตอนอยู่ที่นี่อย่างเด็ดขาด
แบบนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ส่งผลดีกับการรักษาตัวของเธอเท่านั้น แต่กลับจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกของเธอและส่งผลต่อร่างกายของเธอด้วย
ร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สามารถทนกับความทรมานใดๆได้ ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้เกิดปัจจัยที่ไม่เหมาะสม จึงต้องกำจัดออกไปให้หมด