เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1070 จงใจเป็นแน่
ก่อนหน้านั้นคนขององค์กรบูรพาวัตถุโบราณ ไม่ยอมอนุมัติสักที ก็คงเพราะมีคนจำนวนมากที่มีความสามารถ กับตำแหน่งภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติล่ะมั้ง ?
ในประเทศจีนมีคนที่มีความสามารถมากกว่าเธออยู่เยอะมาก เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นมือใหม่ ยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมาก จะรับตำแหน่งที่สำคัญแบบนี้ได้ยังไง ?
อาจารย์ฉู่พยักหน้า
“นี่เป็นข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ของพวกเราทุกคน แม้ว่าเธอจะอายุยังน้อย แต่ว่าอนาคตเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอเองก็เป็นที่หนึ่งของโลกแล้ว มีเธอมารับตำแหน่งเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไม่มีใครกล้าโต้แย้งแน่นอน ”
“แต่ว่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงลังเล
และในตอนนี้เอง จี้จิ่งเชินก็เดินเข้ามา โอบไปที่เอวของเธอ
“คุณชอบโบราณวัตถุ ชอบดูแลและบูรณะฟื้นฟูพวกมันไหม ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“ฉันชอบแน่นอน”
จี้จิ่งเชินยกยิ้ม แล้วพูดว่า:“เป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สามารถปกป้องสิ่งที่คุณรักได้อย่างเต็มที่ อยากจะลองดูไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกใจเต้นแรง หากสามารถเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้ ก็สามารถเข้าใกล้กับของสะสมทุกอย่างที่เธอชอบได้
นอกจากนั้น ยังสามารถใช้ตำแหน่งตัวเอง ให้ความรู้กับผู้อื่นเกี่ยวกับการบูรพาวัตถุโบราณ เพื่อให้ทุกคนปกป้องดูแลทรัพย์สมบัติของโลกร่วมกัน
“หม่าม้า!”ในขณะนี้เอง จี้หยู๋ชิงยื่นมือจับไปที่นิ้วชี้ของเธอ
“หม่าม้าสู้ๆ!”
มองมาที่พวกเขาด้วยแววตาที่เป็นประกาย และเต็มไปด้วยความหวัง
ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แล้วพยักหน้ารับ
“ได้ค่ะ ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว ฉันจะลองดูค่ะ”
เธอก้าวไปข้างหน้า แล้วโค้งทำความเคารพให้กับอาจารย์ฉู่
“รบกวนแล้วค่ะ”
อาจารย์ฉู่ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“วางใจเถอะ หากในอนาคตมีปัญหาอะไร ก็มาหาฉันได้ตลอด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็คือภัณฑารักษ์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเลยนะ!”
เมื่อพูดจบ ทุกคนต่างก็โห่ร้องออกมา ช่างภาพยกกล้องในมือขึ้น เก็บภาพตรงหน้าเอาไว้ทันที
ภัณฑารักษ์ที่อายุน้อยและสวยที่สุดของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ!
วันรุ่งขึ้น ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
ทุกคนต่างก็เคยดูการถ่ายทอดสดของเวินเที๋ยนเที๋ยน รู้ว่าเรื่องก่อนหน้านั้นทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด และต่างก็เห็นด้วยและยอมรับกับบทสรุปที่เกิดขึ้นนี้เช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนพักผ่อนเพียงไม่กี่วัน ก็กลับมายุ่งอีกครั้ง
เพื่อทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เธอค้นหาข้อมูลมาไม่น้อย หวังว่าจะมีความสามารถมากพอกับตำแหน่ง
ในขณะนี้เอง จู่ๆหลวนจื่อก็มาเยี่ยมเธอ
เธอมองดูหนังสือที่เวินเที๋ยนเที๋ยนวางกองอยู่บนโต๊ะมากมาย ดวงตาฉายแววความอิจฉา
“เห็นคุณไล่ตามความฝันตัวเองได้แบบนี้ ฉันดีใจกับคุณจริงๆ”
ตั้งแต่เช้า เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอาแต่ดูเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับการจัดการของห้องสมุด
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้เธอ
“ในเมื่อตัดสินใจที่จะทำมันแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้มันดีที่สุด แล้ว ช่วงนี้งานเธอเป็นยังไงมั้ง ? ยังมีงานหรือเปล่า ? ฉันไปสนับสนุนให้กำลังใจเธอได้นะ ”
หลวนจื่อส่ายหัว
“ในช่วงนี้คงจะยังไม่มีอะไร ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกถึงความผิดปกติของคำพูดนี้ จึงเงยหน้าขึ้นมอง
“เกิดอะไรขึ้น ? เธอต้องการพักผ่อนเหรอ ? ”
“พักผ่อนก็ส่วนหนึ่ง แต่อยากที่จะเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่มากกว่า ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอด้วยความประหลาดใจ
หลวนจื่อพูดต่อว่า:“ครั้งที่แล้วที่ฉันไปเดินแฟชั่นโชว์ เธอยังจำได้ไหม ? นักออกแบบเหล่านั้นได้แนะนำอาจารย์คนหนึ่งให้ฉัน และเขาก็ยอมฉันเป็นลูกศิษย์ด้วย”
“ถึงตอนนั้น ต้องใช้เวลาเรียนสองปี”
ทันทีที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็ดีใจมาก
“ก็เป็นเรื่องดีนะสิ ! แบบนี้ ก็แสดงว่าเธอจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้ว ? ”
หลวนจื่อพยักหน้า แววตามีความลังเลปรากฏ
“อันที่จริงแล้วฉันก็วางแผนมานานแล้วเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้บอกเธอก็เท่านั้น เพราะตัวฉันเองก็ยังลังเลอยู่เหมือนกัน”
พูดไป ก็พลางเงยหน้าขึ้นมองเวินเที๋ยนเที๋ยน ยิ้มแล้วพูดว่า:“แต่พอเห็นเธอได้แชมป์ และกลายเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไล่ตามความฝันของตัวเองแบบนี้ ฉันก็ยิ่งมุ่งมั่นในความคิดของตัวเอง ”
“แล้วโดว์โดว์กับหมินอันเกอทำยังไง ? ”
“ฉันจะพาโดว์โดว์ไปด้วย ส่วนหมินอันเกอนั้น ……”
หลวนจื่อขมวดคิ้ว “ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขาเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ “เธอจะปิดเขาแล้วจากไปเงียบๆเหรอ ?”
หลวนจื่อส่ายหัว พูดแล้วถอนหายใจไปว่า :“พอฉันเดินทางแล้ว จะทิ้งจดหมายไว้ให้เขา ถึงตอนนั้นเขาคงรู้ว่าฉันจะไปที่ไหน หากฉันบอกเขาล่วงหน้า เขาไม่ให้ฉันไปแน่ๆ อีกอย่างมันจะทำให้ความมุ่งมั่นที่มีของฉันหวั่นไหว ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง ก็ขมวดคิ้ว แต่ก็เห็นว่าแววตาที่มุ่งมั่นของหลวนจื่อ เห็นได้ชัดว่าเธอตัดสินใจแล้ว จะออกไปตามความฝันของตัวเอง
เธอทำได้เพียงพยักหน้ารับ
“เธอจะไปเมื่อไหร่ ? ”
“พรุ่งนี้”
“ทำไมเร็วจัง!”
หลวนจื่อพูดว่า:“หากยังยื้อเวลาต่อไป ฉันกลัวว่าฉันจะไม่อยากจากไป วันนี้ที่ฉันมาก็เพื่อมาบอกลา และหวังว่าเธอจะไม่บอกเรื่องนี้ให้กับหมินอันเกอ ถึงตอนนั้น ฉันจะเป็นคนบอกเขาเอง ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน แต่แล้วก็พยักหน้ารับ
“หากนี่เป็นการตัดสินใจของเธอเอง ฉันสนับสนุนเธอ ทุกคนมีสิทธิ์ไล่ตามความฝันของตัวเอง แต่ฉันก็อยากให้เธอไตร่ตรองเรื่องระหว่างเธอกับหมินอันเกอให้ดี แล้วยังโดว์โดว์อีก เธอคิดไว้หรือยังไงว่าจะอธิบายมันยังไง ? ”
หลวนจื่อพยักหน้า
“ฉันวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
“งั้นก็ดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูหลวนจื่อที่อยู่ตรงหน้า คิดไปถึงตอนที่เจอเธอครั้งแรก อีกฝ่ายยังเป็นเด็กหญิงที่เย่อหยิ่งและอวดดี ทำอะไรตามใจตัวเอง
“เป็นอะไรไป ? ”หลวนจื่อเห็นเธอจ้องมองตัวเอง จึงถามไปด้วยความสงสัย
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกยิ้ม แล้วพูดว่า:“ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อย เธอโตขึ้นมาก และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย ”
“เจอเรื่องราวต่างๆมากมาย ก็ต้องโตขึ้น และมองทุกอย่างได้เข้าใจมากขึ้น รวมถึงการปล่อยวาง ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็ขมวดคิ้ว
เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดี
ทางฝั่งของหมินอันเกอนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหลวนจื่อกำลังจะจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจ เมื่อไรทั้งสองจะปล่อยวางปมในใจได้ และมองเห็นการมีอยู่ของกันและกัน
อยู่ต่ออีกสักพักหนึ่ง หลวนจื่อก็ลากลับไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอจากไปอย่างเป็นกังวล และขมวดคิ้วยุ่ง
“อย่าห่วงไปเลย พวกเขามีทางที่ตัวเองต้องเดิน และทุกคนก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว”จี้จิ่งเชินโอบไปที่เอวเธอเบาๆจากด้านหลัง
“ฉันแค่หวังว่าพวกเขาจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน ”
จี้จิ่งเชินรั้งเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ค่อยๆก้มหน้าลง แล้ววางศีรษะลงบนไหล่ของเธอ
เขากระซิบ:“พวกเขาจะทุกข์ทรมานหรือเปล่าไม่รู้ แต่ปีศาจน้อยที่บ้านนำพาความทุกข์ทรมานอย่างมาก ”
“จี้หยู๋ชิง?เขาทำไมค่ะ?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว และดูอารมณ์เสีย
“เมื่อกี้เขาบอกว่าจะมานอนกับเราคืนนี้ ไอตัวแสบนี่ต้องจงใจแน่ๆ”