เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 1118 ชื่อสามชื่อบนก้อนหิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเปิดแผนที่ในมือขึ้นมาดู กลับพบว่าบริเวณใกล้ๆนี้ดูเหมือนกับเมื่อก่อนเธอจะเคยมาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นไปมองจี้จิ่งเชินอย่างแปลกใจ
“ที่นี่ใช่ว่าอยู่ใกล้ๆกับเกาะเล็กที่พี่ให้ฉันไว้หรือเปล่าคะ?”
“ครับ” จี้จิ่งเชินหันหน้ามา “พวกเรากลับไปดูกันเถอะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้นยืน แล้วมองไปรอบๆ
ครั้งที่แล้วตอนที่พวกเขามาด้วยกันแล้วปลูกต้นไม้เอาไว้ที่นี่หนึ่งต้น ไม่รู้ว่าจะเติบโตเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
“เกาะอะไรหรือครับ?” จี้หยู๋ชิงมองอย่างสงสัย
ตอนนั้นเขายังไม่เกิด จึงไม่รู้เรื่องนี้
“จี้จิ่งเชินให้เกาะแม่เอาไว้เกาะนึง ทิวทัศน์ข้างบนเกาะนั้นสวยมากเลยนะลูก” เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองเขา : “หยู๋ชิง อยากไปดูด้วยกันไหมครับ?”
จี้หยู๋ชิงรีบพยักหน้าลง
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะครับ”
ก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินกำลังคิดอยู่ว่าจะไปดูดีหรือเปล่า เห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเอง จึงเปลี่ยนทิศทางไปทันที
พอแน่ใจในการเดินทางแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มเตรียมของด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ไม่รู้ว่าชาวประมงบนเกาะนั้นตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะคะ?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้น : “หลังจากที่พวกเรากลับไปงานก็พัฒนาไปพร้อมๆกันด้วย คงจะพัฒนาไปได้ไม่เลวเลยล่ะครับ”
ความจริงแล้ว วิวทิวทัศน์บนเกาะนั้นดีมาก ประกอบกับปลาทะเลบริเวณใกล้ๆนั้นก็รสชาติดีมาก หลังจากที่จี้จิ่งเชินค้นพบเกาะนั้น ก็ดึงดูดคนจำนวนไม่น้อยให้ไปที่นั่นได้อย่างรวดเร็ว
อ้างอิงตามรายงานที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ ตอนนี้เกาะนั้นได้พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปแล้ว แต่ละปีจะสร้างรายได้สูงถึงพันล้าน ประกอบกับการพัฒนาในช่วงหลัง ต่อไปคงจะสามารถได้มากกว่านี้
คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจนี้จะนำผลประโยชน์มาได้มากขนาดนี้ ถ้าหากไม่ใช่ประโยคเดียวของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินก็จะไม่มีการยื่นการวางแผนแบบนี้
หลังจากที่ค้นหาจนพบแล้ว เดิมทีชาวประมงที่ยากจนก็ค่อยๆมั่งมีขึ้นมา เริ่มมาลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นสถานการณ์ที่บรรลุผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
วันรุ่งขึ้น พวกเขาทั้งสามคนถึงได้เดินทางมาถึง
เมื่อขึ้นฝั่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น คิดอยากจะเห็นสภาพของต้นไม้ต้นนั้นที่เธอและจี้จิ่งเชินร่วมกันปลูก
เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงตัวจี้หยู๋ชิงเดินไปด้านใน
จี้หยู๋ชิงไม่เคยมาเกาะแห่งนี้มาก่อน มองดูรอบๆด้วยความแปลกใหม่
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ไม่ได้มาที่นี่สามปีแล้ว เพียงแต่ในความทรงจำดูเหมือนกับต้นไม้ต้นนั้นจะอยู่บริเวณใกล้ๆบ้าน
แต่พาจี้หยู๋ชิงหาไปรอบหนึ่งแล้ว กลับไม่พบแม้แต่เงาของต้นไม้ต้นนั้นเลย
“ไปอยู่ที่ไหนแล้วนะ? ฉันจำได้ว่าควรจะอยู่ใกล้ๆนี้สิถึงจะถูก”
ตอนนั้นเป็นเพียงต้นกล้าต้นเล็กๆเท่านั้น ตอนนี้ควรจะโตประมาณนึงแล้ว
เวลานี้เองจี้จิ่งเชินเดินเข้ามา เห็นทั้งสองคนงงๆกันอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ใบหน้าของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อยู่ตรงหน้าคุณนี่ไงครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองรอบหนึ่ง
“ที่ไหนคะ?”
จี้จิ่งเชินเดินเข้าไป แล้วดึงมือของเธอมาที่ข้างๆต้นไม้ต้นสูงต้นหนึ่ง
“ที่นี่ไงครับ”
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกยกขึ้นมา แล้ววางลงบนลำต้น
เธอเงยหน้าขึ้นมองสูง ถึงได้เห็นต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าต้นนี้อย่างชัดเจน แล้วเบิกตาขึ้น
ระยะเวลาสั้นๆสามปี ต้นกล้าต้นเล็กๆในความทรงจำได้เติบโตขึ้นสูงถึง5-6เมตรแล้ว! สูงเท่าๆกับตึกสองชั้น! ลำต้นแข็งแรง ใบแตกแขนงเต็มไปหมด
“คือต้นนั้นที่พวกเราปลูกด้วยกันจริงๆหรือคะ?”
เธอรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง “โตเร็วเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
จี้จิ่งเชินดึงตัวเธอเดินไปทางอีกด้านหนึ่ง แล้วนั่งยองๆลงเขี่ยใบไม้หนาๆที่อยู่ตรงพื้นออก ก้อนหินก้อนนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งลงมองดู และเห็นชื่อของตัวเองและจี้จิ่งเชินอยู่ด้านบนนั้น เป็นต้นนั้นที่พวกเขาปลูกกันก่อนหน้านี้จริงๆ
“โตเร็วจังเลยค่ะ”
“นี่คือต้นสนเรดวูด เพราะที่นี่อยู่โพ้นทะเล ก็เลยเติบโตได้เร็วกว่าอยู่ในประเทศน่ะครับ”
ต้นสนเรดวูด ถูกเรียกว่าเป็นต้นไม้ที่มีมูลค่ามากที่สุดชนิดหนึ่ง สามารถมีอายุได้ถึงพันๆปี
ถึงแม้เขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่อยู่แล้ว ต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของพวกเขาต้นนี้ ก็จะอยู่ที่เกาะแห่งนี้ตลอดไป ไม่ล่วงลับไปกับกาลเวลา
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เมื่อก่อนจี้จิ่งเชินเลือกต้นไม้ประเภทนี้นั้นเอง
จี้หยู๋ชิงเดินเข้ามาด้วยความสงสัย มองดูก้อนหินที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ด้านบนนั้นมีชื่อของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินสลักอยู่ด้วยกัน
แววตาของเขาปรากฏแสงแห่งความอิจฉาออกมา และตอนนี้เอง มีดเล่มหนึ่งก็ปรากฏมาตรงหน้า
จี้หยู๋ชิงหันไปมอง กลับเห็นจี้จิ่งเชินก็อยู่ข้างๆด้วยเช่นกัน แม้แต่ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็มองเขาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“สลักสิ” จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้น
ดวงตาของจี้จิ่งเชินนั้นเป็นประกายขึ้นมาในทันที “ได้หรือครับ?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้วสิลูก ลูกเป็นคนที่สำคัญที่สุดของเรา ครั้งนี้พาลูกมาด้วย ก็อยากจะเอาชื่อของหนูสลักไว้ข้างบนด้วยเหมือนกัน ใช่ไหมคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองทางจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากไม่สลัก เจ้าเด็กขี้หึงนี่อาจจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว พลางเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะหน่อย!”
ถึงแม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่อารมณ์กลับดูมีความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากเขียนชื่อของตัวเองลงไปด้านบนด้วยล่ะก็ ความรักของพวกเขาก็จะเหมือนกับต้นสนเรดวูดต้นนี้ ที่นับวันจะยิ่งเติบโตยิ่งขึ้นไปใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าต่อไปตัวเองจะลืมความรู้สึกนี้ไปแล้ว เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา ไม่มีความรู้สึก เมื่อได้เห็นต้นสนต้นนี้ เห็นชื่อที่สลักอยู่บนก้อนหินก้อนนี้ คงจะนึกขึ้นมาได้ในทันทีเช่นกัน
จี้หยู๋ชิงหยิบมีดเล่มเล็กมา แล้วสลักชื่อของตัวเองลงทีละนิดๆ
ก้อนหินแข็งมาก ใช้มีดสลักชื่อลงไปนั้นยากมากเช่นกัน แต่จี้หยู๋ชิงกลับมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก
จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ข้างๆ แววตานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่มีขีดจำกัด
ความจริงแล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนคิดจะทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจี้จิ่งเชินจะมีความคิดเดียวกันกับเธอ
จี้หยู๋ชิงสลักชื่อลงไปด้วยจิตใจที่จดจ่อเป็นอย่างมาก คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเล็กๆดูตื่นเต้น ปลายจมูกและหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมา
รอจนสลักขีดสุดท้ายเสร็จแล้วนั้น ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา เงยหน้าขึ้นไปมองทั้งสองคนที่อยู่ทางด้านหลัง
“สลักเสร็จแล้วครับ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปดู ชื่อของทั้งสามคนสลักเอาไว้ด้วยกัน ต่อให้จะผ่านลมฝนพายุก็ไม่มีจางหายตลอดไปเช่นกัน
เธอยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ต่อไปพวกเรามาดูกันทุกๆปี เพื่อดูแลต้นไม้ต้นนี้ จะต้องทำให้มันมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปถึงจะดีนะคะ”
“ได้ครับ”
จี้จิ่งเชินตอบรับเสียงเบา แล้วโอบเอวเธอเอาไว้อย่างเบามือ รับปากด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ลมทะเลพัดมา พัดใบไม้บนพื้น สามชื่อที่อยู่บนก้อนหินนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น แม้แต่เส้นที่ดูแข็งๆนั้นก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปดูอ่อนโยนขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ใบหน้าของจี้หยู๋ชิงนั้นปรากฏรอยยิ้มกว้างๆออกมา ใบหน้านั้นแสดงอาการแห่งความสุขเป็นพิเศษออกมาอย่างหาดูได้ยาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนลูบศีรษะเขา
“เราเข้าไปดูกันเถอะ หยู๋ชิงยังไม่เคยมาที่นี่ใช่ไหมครับ?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง แล้วเดินตามหลังพวกเขาไปยังด้านใน
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาที่นี่เป็นเวลาสามปีแล้วก็ตาม แต่ห้องนั้นกลับรักษาสภาพเอาไว้เหมือนเดิมกับครั้งที่แล้วตอนจากไปอยู่ตลอดเวลา ตู้เย็นก็มีวางวัตถุดิบที่สดใหม่เอาไว้ใหม่แล้วเช่นกัน
สองสามวันนี้พวกเขาอยู่บนเรือกันตลอด ทานพวกปลา กุ้งกันจนพอแล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นของมากมายเต็มไปหมด ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา
“ถ้าไม่อย่างนั้นทำปิ้งย่างกันดีไหมคะ? เตาปิ้งย่างที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ยังอยู่เลย จี้หยู๋ชิงอยากทานไหมครับ?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง ดวงตาแวววาว ดูมีความประจบประแจงยิ่งนัก
“อยากทานครับ! คุณแม่ เดี๋ยวผมช่วยนะ”
ว่าแล้ว ก็รีบวิ่งไปช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนทันที