เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 544 วันเกิดจริงๆ
บทที่ 544 วันเกิดจริงๆ
วันต่อมาแม่หลวนก็รีบกลับไปที่บ้านตระกูลหลวนทันที
เธออยากพูดกล่อมพ่อของหลวนจื่อให้สำเร็จเร็วๆ แบบนั้นก็จะสามารถไปรับหลวนจื่อกลับมาที่บ้านได้แล้ว
ตอนบ่ายของวันนั้น ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังอยู่เป็นเพื่อนหลวนจื่อ เธอก็เจอกับผู้ช่วยที่ แม่หลวนขอให้มาดูแลหลวนจื่อ
เคอเหยียนรุ่ยเป็นดีไซน์เนอร์ที่โดดเด่นในประเทศ เขามีชื่อเสียงตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน
ตอนนั้น อาชีพดีไซน์เนอร์ยังไม่ค่อยเจริญในประเทศ และเขาก็เป็นกองหน้ารุ่นแรกๆที่มีตำแหน่งสูงในสายอาชีพดีไซน์เนอร์กับวงการนางแบบ
เพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้ เพราะการผุดขึ้นมาอย่างฉับพลันของนักออกแบบแต่ละสายงาน ผลงานของเขาจึงค่อยๆตกอยู่ในรูปแบบเดิมๆ และไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเปิดประตู พอเธอเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอก เธอก็จำเขาได้ทันที
เคอเหยียนรุ่ยใกล้จะอายุสี่สิบปีแล้ว เขาใส่ชุดสูทสีดำ พิถีพิถันตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้าเทียบกับรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้ล้ำเลิศอะไร พลังสุขุมนุ่มลึกบนตัวเขายิ่งทำให้คนจับจ้องเขามากกว่า
อายุวัยกลางคน แต่ไม่เห็นร่องรอยการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาเลยสักนิดเดียว เขากลับยิ่งมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ไม่คิดว่าคนที่แม่ของหลวนจื่อเชิญมาจะเป็นเขา
คิดไปคิดมา ตลอดสามปีมานี้ เคอเหยียนรุ่ยก็ไม่เคยรังสรรค์ผลงานอีกเลย
“ คุณคือคุณเวินใช่ไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เธอเบี่ยงตัวให้เขาเดินเข้ามา
เคอเหยียนรุ่ยถอดเสื้อคลุม และพูดไปด้วย: “ ขออภัย เพราะการจราจรบนท้องถนน จึงทำให้เสียเวลานิดหน่อย…… ”
เขาเดินเข้าไปด้านใน พอเห็นหลวนจื่อที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในขณะนี้ เขาก็ชะงักไปทันที และสายตาของเขาก็ได้เป็นประกายนิดหน่อย
“ ซุปเปอร์โมเดลเชื้อสายจีนคนแรกของต่างประเทศ หลวนจื่อ ”
เขารีบเดินเข้าไปหาหลวนจื่อทันที สายตาของเขาหยุดอยู่ที่หลวนจื่อไม่ไปไหน และรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
“ ผมเคยดูแคทวอล์คที่คุณไปเข้าร่วมบ่อยๆ เมื่อก่อนก็เคยคิดจะไปหาคุณ เพื่อเดินแคทวอล์ค แต่ผมไม่มีผลงานที่โดดเด่นมานานแล้ว ”
พูดถึงประโยคสุดท้าย เขาก็หัวเราะออกมาอย่างฝืนๆ
หลวนจื่อก็จำเขาได้เหมือนกัน เธอเพิ่งกลับมาในประเทศได้ไม่นาน แต่เมื่อก่อนเธอเคยเข้าสถานที่ เพื่อเข้าไปติดตามการเคลื่อนไหวในประเทศ และได้รู้จักผู้บุกเบิกด้านวงการแฟชั่นคนนี้ด้วยเช่นกัน
และเธอก็เข้าใจความหมายในประโยคที่ เคอเหยียนรุ่ยพูดเป็นอย่างดี จึงได้พูดขึ้น: “ รอยยิ้มของโมนาลิซ่าก็ใช้เวลาวาดถึงสี่ปีถึงได้วาดสำเร็จ ผลงานที่ดีมักไม่ต้องกังวลว่าจะมาสายหรอกค่ะ ”
“ หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ”
เคอเหยียนรุ่ยยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดต่อ: “ ครั้งนี้ ผมได้รับการขอร้องของป้าหลวนให้มาดูแลคุณ ผมรู้เรื่องของคุณแล้ว และวางใจได้ ผมจะไม่บอกคนอื่นแน่นอน ”
เขาสังเกตหลวนจื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นเธอผอมถึงขนาดนี้ เขาก็ขมวดคิ้วทันที
“ ทำไมคุณผอมแบบนี้ล่ะ โรงแรมนี้ก็ไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่ ถ้าเข้าออกบ่อยๆ คงจะถูกนักข่าวเจอตัวอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกนักข่าวอาจจะยังไม่พบ แต่ผ่านไปไม่กี่เดือนก็คงจะซ่อนตัวที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เราเปลี่ยนสถานที่กันเถอะ? ”
ได้ฟังดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกับหลวนจื่อก็มองหน้ากันทันที
เดิมที เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าจะเอาที่นี่เป็นที่พักชั่วคราวก็แค่นั้น ไม่ออกไปไหนสักสองสามวัน รอให้แม่ของหลวนจื่อพูดกล่อมคนในบ้านสำเร็จ หลังจากนั้นเธอคงจะมารับหลวนจื่อกลับไปอย่างแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังรู้สึกลังเล แต่หลวนจื่อกลับพยักหน้าเสียแล้ว
“ แต่ที่อยู่ในนามของฉันถูกนักข่าวรู้หมดแล้ว ”
“ คุณวางใจได้ ” คล้ายกับว่าเคอเหยียนรุ่ยได้เตรียมไว้ก่อนแล้ว หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นยิ้มๆ: “ ผมมีคฤหาสน์อยู่ที่ชานเมืองหนึ่งหลัง ปรกติมักเป็นที่ที่ผมใช้วาดภาพ เงียบสงบ ไม่มีคนมารบกวน สิ่งอำนวยความสะดวกก็ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี รับรองว่านักข่าวเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าพวกคุณตกลง สองสามวันนี้ก็ย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย ”
เขาบอกตำแหน่ง และพบว่าอยู่ใกล้กับปราสาทของจี้จิ่งเชินพอดี ถ้าเป็นแบบนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็สามารถไปเยี่ยมเยือนได้บ่อยๆ
ตอนนี้ หลวนจื่อไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่จริงๆนั่นแหละ ถ้าย้ายไปที่ชานเมือง บางทีเธออาจจะบำรุงร่างกายตัวเองเป็นอย่างดีก็ได้
แต่ เคอเหยียนรุ่ยที่อยู่ตรงหน้าไว้ใจได้จริงๆหรอ?
อาจเป็นเพราะความสงสัยที่อยู่ในสายตาของเวินเที๋นเที๋ยนชัดเจนจนเกินไป เคอเหยียนรุ่ยจึงหัวเราะ และยกมือขึ้นมาพูด: “ แม่ของผมกับคุณนายหลวนเป็นเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลวนจื่อแม้แต่นิดเดียว แม่ของผมก็คงจะฉีกผมเป็นชิ้นๆด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น…… ”
เขาหันกลับมา สายตาของเขาไปหยุดที่หลวนจื่อ และพูดขึ้น: “ หลวนจื่อเป็นซุปเปอร์โมเดลที่ผมชื่นชมมากที่สุด ต่อไปถ้าผมยังสามารถจัดงานแถลงข่าวได้อีก ผมจะเชิญคุณไป ถึงตอนนั้นหวังว่าคุณจะตอบรับคำเชิญของผมนะครับ ”
“ ได้สิคะ ”
พูดถึงอาชีพของตัวเอง สีหน้าของหลวนจื่อก็ค่อยๆผ่อนคลายลง และเธอก็ได้เผยรอยยิ้มบางๆขึ้นมา
ทั้งสองคนนั่งอยู่บนโซฟา และคุยเรื่องที่เกี่ยวกับวงการนางแบบกับสายงานดีไซน์เนอร์เมื่อไม่นานมานี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนฟังอยู่ด้านข้าง เธอคิดว่าแม่หลวนหามาถูกคนแล้ว ตลอดหลายวันมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหลวนจื่อพูดเยอะขนาดนี้ ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว
ตอนพลบค่ำของวันนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ช่วยหลวนจื่อจัดเก็บของและไปที่คฤหาสน์ของเคอเหยียนรุ่ย
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากปราสาทของจี้จิ่งเชิน สภาพแวดล้อมสวยงาม มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม เหมาะแก่การเป็นสถานที่ผ่อนคลายความคิดจริงๆด้วย
“ เธอวางใจได้ ไม่เกิดอะไรขึ้นกับฉันหรอกน่า ” หลวนจื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนมีท่าทีกังวล เธอจึงพูดขึ้น
ตอนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เก็บสายตาลง
“ ฉันรู้ งั้นสองสามวันนี้เธอก็พักผ่อนเยอะๆ ดูแลตัวเองดีๆ ”
เธอกำลังพูด อยู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
พอหยิบออกมาดู ก็เห็นว่าจี้จิ่งเชินโทรมา
ถึงแม้ว่าก่อนมาเธอจะบอกกับจี้จิ่งเชินแล้วว่ามาดูหลวนจื่อ และยังบอกอีกว่าจะรีบกลับ แต่เพราะต้องช่วยหลวนจื่อเก็บของเพื่อย้ายที่อยู่ เก็บไปเก็บมา ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำสะแล้ว
“ จี้จิ่งเชินเรียกให้กลับไปหรอ? ” หลวนจื่อแค่ดูก็รู้แล้ว หลังจากนั้นเธอจึงพูดขึ้น: “ เธอกลับไปเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร ที่นี่ยังมี เคอเหยียนรุ่ยอยู่ทั้งคนนะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองคนที่กำลังยกสัมภาระลงมาอยู่อีกฝั่ง
“ สองสามวันนี้เขาจะพักอยู่ที่นี่กับเธอหรอ? ”
“ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว เขาไม่วางใจ เห็นบอกว่าจะอยู่คุ้มครองจนกว่าแม่ฉันจะกลับมาน่ะ ”
ผ่านการพูดคุยเมื่อสักครู่ ทั้งสองคนเหมือนเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาก่อน
ให้หลวนจื่ออยู่ในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คนเดียว ทำให้รู้สึกไม่วางใจจริงๆนั่นแหละ
เคอเหยียนรุ่ยอยู่ที่นี่ก็ดี จะได้ดูแลซึ่งกันและกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิด โทรศัพท์ในมือก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง และยังเป็นจี้จิ่งเชินที่โทรเข้ามา
คงเป็นเพราะเห็นเธอไม่รับโทรศัพท์ เขาจึงรู้สึกร้อนใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบพูดขึ้นทันที: “ งั้นฉันกลับก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาดูเธอใหม่ ”
พูดเสร็จ เธอก็โบกมือให้หลวนจื่อ หลังจากนั้นก็เดินออกไป และกดรับโทรศัพท์ไปด้วย
พอรับสายแล้ว ในสายโทรศัพท์ก็มีเสียงโล่งใจของจี้จิ่งเชินดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็รู้ว่าจี้จิ่งเชินเป็นห่วงแย่แล้ว
“ ขอโทษ ” เธอเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน: “ คนที่แม่หลวนเชิญมาถึงแล้ว พวกเราช่วยกันพาหลวนจื่อมาส่งที่คฤหาสน์แถวนี้ ตอนนี้ ฉันก็กำลังกลับ ”
เสียงทุ้มของจี้จิ่งเชินดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์
“ อย่าเพิ่งกลับมาก่อน ผมจะพาคุณไปที่ที่นึง ”
“ ไปไหน? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมีความไม่เข้าใจ เธอมองเวลา นี่ก็ตีสิบแล้ว
เธอเพิ่งขับรถมาถึงตีนเขา ไม่ได้กลับไปที่ปราสาท ก็เห็นว่ารถของจี้จิ่งเชินมาจอดรออยู่ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ และเดินเข้าไปหา ก็เห็นจี้จิ่งเชินกำลังยืนรออยู่ข้างรถ
“ ตกลงว่าจะไปที่ไหนกันแน่? ”
จี้จิ่งเชินเปิดประตูให้เธอขึ้นรถ บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มขี้เล่น
“ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ แม้แต่วันเกิดของตัวเองก็ยังลืมหรอ? ”
“ วันเกิด? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างสงสัย “ แต่วันนี้ไม่ใช่วันเกิดของฉันนี่นา วันเกิดของฉันยังไม่ถึงเลย ยังอีกหลายวันเลยนะ ”
“ ผมหมายถึงวันเกิดจริงๆของคุณ