เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 546 รูดบัตรไม่ได้
บทที่ 546 รูดบัตรไม่ได้
ทั้งสองข้างทางของถนนของกินเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส ออกเดินจากตรงนี้ กลิ่นหอมก็ปะทะกับจมูก ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกหิวมากกว่าเดิม
กลิ่นของเนื้อย่างปริศนา เนื้อหมูที่ตุ๋นจนเละ ก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ละเอียดเกลี้ยงเกลา ซาลาเปาหมูสับนิ่งที่มีไอร้อนระอุ เต้าหู้เหม็นที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์……
มีหมดทุกอย่าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้กินของพวกนี้นานมากแล้ว?
ตาของเธอเป็นประกาย เธอมองไปรอบๆอย่างไม่หยุดหย่อน และเลือกไม่ได้ว่าจะกินอะไรอยู่สักพัก
พวกเขาเดินครบหนึ่งรอบ ในที่สุดก็เลือกร้านเนื้อย่างร้านสุดท้าย
จี้จิ่งเชินเป็นตัวอย่างของสัตว์กินเนื้อ รสชาติของอาหารอื่นๆค่อนข้างโดด มีอันนี้ที่เหมาะสมที่สุด
“ เราไปกินร้านนั้นกันเถอะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกนิ้วชี้ให้จี้จิ่งเชินดู หลังจากนั้นเธอก็จูงมือจี้จิ่งเชินเดินไปที่ร้านนั้น
พอเข้าไปใกล้ ถึงรู้ว่าร้านนี้ขายดีมาก ไม่คิดว่าทั้งด้านในและด้านนอกจะเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังต่อแถว
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะเข้าไปด้านใน แต่อยู่ๆเธอกลับถูกคนด้านหน้าชนเข้าเสียก่อน
จี้จิ่งเชินรีบยื่นมือออกไปพยุงเธอไว้ทันที
“ เป็นอะไรไหม? ”
“ ไม่เป็นอะไรค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า และก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน
รอบๆร้านมีผู้คนรวมตัวกันอยู่จำนวนไม่น้อย แออัดมาก
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว เขากลัวเวินเที๋ยนเที๋ยนจะถูกคนอื่นชนเข้าอีก จึงกางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อเป็นเกราะป้องกันอยู่ข้างตัวเธอ พอคนอื่นเข้ามาใกล้ เขาก็จะพาเวินเที๋ยนเที๋ยนหลบ
บริเวณรอบๆมีคนอยู่ประมาณสามสิบคนโดยประมาณ ล้วนกำลังอัดเข้าไปด้านใน
ไม่นาน บนหน้าผากของจี้จิ่งเชินก็มีเหงื่อผุดขึ้นมามากมาย
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกอาหารเลิศรสตรงหน้าดึงดูดไปจนหมดแล้ว เธอจึงไม่ได้สังเกตสถานการณ์ด้านหลัง
รอจนพวกเขามาถึงด้านหน้าสุด เพื่อทำการสั่งอาหาร เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้หันกลับไปดู กลับเห็นว่าจี้จิ่งเชินมีสภาพที่ค่อนข้างดูไม่ได้สักเท่าไหร่
เสื้อเชิ้ตสีขาวยับยู่ยี่ ไม่รู้ว่ารองเท้าหนังถูกเหยียบไปกี่ครั้ง ถึงได้ดำขนาดนั้น แถมยังเต็มไปด้วยรอยเท้าอีกต่างหาก บนหน้าผากของเขาก็มีเหงื่อเกาะอยู่มากมายเช่นกัน
“ นายเป็นอะไร…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้าง เธอหันไปมองผู้คนที่อัดกันอยู่ด้านหลัง
มิน่าเมื่อสักครู่เธอถึงได้เดินอย่างราบรื่น แถมยังไม่ถูกคนชนอีกด้วย ที่แท้จี้จิ่งเชินก็ปกป้องเธออยู่ที่ด้านหลังนี่เอง
“ ขอโทษ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันดื้อจะกินอันนี้ นายคงไม่…… ”
เธอยังพูดไม่จบ อยู่ๆจี้จิ่งเชินก็ยื่นมือมาจับเธอไว้
“ ไปเถอะ กว่าจะเข้ามาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องลองชิมรสชาติของร้านนี้สิถึงจะถูก ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน เธอก็พยักหน้า และพูดขึ้นอย่างตั้งใจ: “ เมื่อก่อนฉันเคยมา นายจะต้องชอบแน่ๆ ”
ตรงกลางร้านมีที่ว่างพอดี ทั้งสองคนสั่งเนื้อย่างขึ้นชื่อของที่นี่เสร็จ ก็ไปนั่งลงตรงที่ว่าง
ถ้าเทียบร้านนี้กับร้านอาหารที่จี้จิ่งเชินพาเธอไป ร้านนี้ดูธรรมดาไปเลย
บนหัวประดับด้วยเพิงง่ายๆ โต๊ะพับ เก้าอี้พลาสติกตัวละห้าสิบบาท
เตี้ยมาก จี้จิ่งเชินร่างใหญ่ขายาว พอนั่งลง ขาทั้งสองข้างของเขาจึงไม่มีที่วาง ท่านั่งของเขาจึงค่อนข้างแปลกนิดหน่อย
ไม่นาน พนักงานร้านสองคนก็ได้นำอุปกรณ์การกินเนื้อย่างมาเสิร์ฟ
นี่เป็นเนื้อย่างบุฟเฟ่ต์ อุปกรณ์จึงมีครบครัน
สำหรับคนส่วนใหญ่ถือว่าสะดวกมาก แต่พอจี้จิ่งเชินมองดู เขากลับทำหน้างุนงง
เขาจ้องเนื้อสดที่หมักดีแล้ว ไม่ขยับไปไหน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเข้า เธอจึงหยิบที่คีบ
“ ฉันทำเอง ”
เธอลงน้ำมัน และคีบเนื้อมาใส่บนเตาย่าง
ถ่านด้านล่างแดงขึ้น ไม่นานน้ำมันในเนื้อก็ถูกย่าง และเกิดเป็นเสียงขึ้น ยิ่งทำให้คนรู้สึกอยากกิน
รอจนเนื้อเปลี่ยนสี เธอก็ราดน้ำจิ้ม และตักไปใส่ในจานของจี้จิ่งเชิน
“ ลองกินดูว่ารสชาติเป็นไง ”
หัวคิ้วของจี้จิ่งเชินไม่ได้คลายลงตั้งแต่เริ่มเข้ามาในร้าน
ได้ยินคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาถึงค่อยหยิบตะเกียบ และลองชิมหนึ่งคำ
สายตาที่เริ่มเกิดความสงสัย เขาลองเคี้ยวดู
พอชิมถึงรสชาติอร่อยที่อยู่ในเนื้อ การกระทำของจี้จิ่งเชินก็ค่อยๆเร็วขึ้น
“ เป็นไงบ้าง ” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างคาดหวัง
นี่เป็นครั้งแรกที่จี้จิ่งเชินได้กินอาหารเลิศรสแบบนี้ ดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้สะอีก และทำให้คนรู้สึกตกใจไม่น้อย
มิน่าตรงทางเข้าถึงได้มีคนต่อแถวยาวขนาดนั้น
“ อร่อยมาก ”
ได้ยินคำตอบของเขา ในตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เป็นประกายทันที
เมื่อสักครู่ เธอยังกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะไม่ชอบอยู่เลย ในที่สุดตอนนี้ก็โล่งใจแล้ว
เธอรู้สึกเบิกบานในใจ กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ที่คีบในมือกลับถูกคนรับไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองเห็นจี้จิ่งเชินพับแขนเสื้อขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย และเตรียมย่างเนื้อด้วยตัวเขาเอง
“ ผมทำเอง คุณกินก่อนเถอะ ”
พูดเสร็จ เขาก็เลียนแบบท่าทางเมื่อสักครู่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน ลงน้ำมัน วางเนื้อลง และราดน้ำจิ้ม
ถึงแม้ว่าขั้นตอนจะเหมือนกัน แต่รูปร่างหน้าตาของอาหารกลับห่างไกลกันมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเนื้อที่ดำเกรียมในจานของตัวเอง เธอลังเลนิดหน่อย แต่ก็ยังคีบใส่ปากตัวเองอยู่ดี
“ เป็นยังไงบ้าง? ”
อึก……
เวินเที๋ยนเที๋ยนไตร่ตรองการใช้คำของตัวเอง
รสชาติซับซ้อนแบบนี้ควรบรรยายยังไงดีล่ะ?
ย่างนานเกินไปจนทำให้ไหม้เกรียม เครื่องปรุงรสเยอะเกินไป จึงรู้สึกเค็มนิดหน่อย กินแล้วทำให้ไม่รับรู้ถึงรสชาติของเนื้อย่าง……
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจี้จิ่งเชินจะเคยตั้งใจทำอาหารให้เธอกิน แต่สำหรับเนื้อย่าง นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก
“ ไม่เลวเลยหนิ ” เวินเที๋ยนเที๋ยนวิจารณ์อย่างอ้อมค้อม
ความสนใจของจี้จิ่งเชินพุ่งทะยานขึ้น เขาวางเนื้อลงไปบนเตาย่างอย่างต่อเนื่อง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างอธิบายไม่ถูก เธออยากจะย่างเอง แต่เห็นจี้จิ่งเชินมีความสนใจขนาดนั้น เธอจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงมุมปากลงไป
ทุกครั้งที่ย่างเสร็จ เขาจะคีบไปใส่ในจานของเวินเที๋ยนเที๋ยน และมองเธอกิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้เพียงกลืนลงไปอย่างฝืนๆ
โชคดีที่ความสามารถด้านการเรียนรู้ของจี้จิ่งเชินทึ่งจนน่าตกใจ หลังจากผ่านการถูกทำร้ายมาหลายครั้ง ในที่สุดก็กินรู้รสชาติของเนื้อย่างสักที
เวินเที๋ยนเที๋ยนกินอย่างเอร็ดอร่อย คนนึงป้อน คนนึงกิน
ลูกค้าคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังเห็นพวกเขา ก็บ่นว่าแฟนของตัวเองอย่างอดไม่ได้
“ คุณย่างให้ฉันด้วยสิ เอาอย่างพวกเขาบ้าง ”
ได้ยินเสียงนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หน้าแดงทันที เธอรู้สึกอิ่มแล้ว จึงรับที่คีบมา
“ ฉันทำเอง คุณก็หิวไม่ใช่หรอ? ”
จี้จิ่งเชินไม่ได้ปฏิเสธ เขายกตะเกียบขึ้นมารออยู่ข้างๆ คล้ายกับกำลังคาดหวังอะไรอยู่
ทุกครั้งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งย่างเสร็จ เนื้อในจานก็จะถูกเขากินจนหมดเกลี้ยง
ในระหว่างนั้นก็ได้สั่งมาอีกหนึ่งชุด ถึงจะอิ่ม
พนักงานมาคิดเงิน เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปทางด้านนอก และเห็นคนจำนวนไม่น้อยกำลังต่อแถวอยู่นอกร้าน
พนักงานคนนั้นมองจี้จิ่งเชินบ่อยๆ หน้าของเธอก็ค่อยๆแดงขึ้น เธอคำนวณในสมุดสักครู่ หลังจากนั้นถึงพูดขึ้น: “ คุณผู้ชายคะ ทั้งหมดสองร้อยบาทค่ะ ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า เขาไม่คิดว่าของกินที่นี่จะถูกแบบนี้ หลังจากนั้นเขาก็ดึงบัตรเครดิตออกมาจากในกระเป๋าเงิน
พนักงานชะงักไปนิดหน่อย
“ คุณผู้ชายคะ ร้านเรารูดบัตรไม่ได้ค่ะ ”
จี้จิ่งเชินเก็บบัตรเครดิตใบนั้นลง หลังจากนั้นก็หยิบแบล็คการ์ดออกมา
พนักงานถือบัตรในมือ เธอมีสีหน้าลำบากใจและรู้สึกจนปัญญา
นี่คือแบล็คการ์ดที่ไม่จำกัดจำนวนเงินแต่จำกัดการขาย เธอเคยเห็นครั้งเดียวในชีวิต แต่……
“ คุณผู้ชายคะ แบล็คการ์ด……ก็ไม่ได้ค่ะ ”
ใครเขากินอาหารมื้อดึกที่ราคาไม่กี่บาท แล้วใช้แบล็คการ์ดกันล่ะ?
ถ้าบริษัทที่จัดจำหน่ายแบล็คการ์ดรู้เข้า พวกเขาจะคิดยังไง?
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้ว หลังจากนั้นเขาก็เปิดกระเป๋าเงินไปมา แต่เขากลับหาเงินสดไม่เจอเลยสักใบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับรู้ถึงความไม่ปกติ เธอจึงหันกลับมาดู
“ มีอะไรหรอ? ”
พนักงานพูดขึ้น: “ คุณผู้หญิงคะ ที่นี่รูดบัตรไม่ได้ คุณมีเงินสดไหมคะ? ”
“ เงินสด มีค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบกระเป๋าเงินออกมา พอเธอล้วงหาเงิน การกระทำของเธอก็แข็งทื่อไปทันที เธอค่อยๆล้วงเงินสดจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบสามบาทออกมาอย่างช้าๆ