เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 560 หลวนจื่อหายตัวไป
บทที่ 560 หลวนจื่อหายตัวไป
“ได้”
ได้ยินคำตอบคำนี้ หมินอันเกอที่นั่งอยู่ข้างหน้ายิ้มขึ้นมาเบาๆ จนโล่งอกโล่งใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่การหายตัวของหลวนจื่อ ทำให้คนไม่น้อยรู้สึกร้อนใจ
จากปากของผู้จัดการส่วนตัว หลวนจื่อบอกว่าจะกลับบ้านจริงๆ แต่พ่อแม่เธอที่ตระกูลหลวนไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
เคยเช็คสายการบินในวันนั้นแล้ว ไม่มีข้อมูลการเช็คอินของหลวนจื่อเลย
พวกเขาอยู่ต่างประเทศตั้งไกล ถึงแม้หลังจากที่รู้เรื่องของหลวนจื่อและหมินอันเกอแล้ว พ่อของเธอทั้งโกรธทั้งโมโห ป่าวประกาศว่าจะจับตัวกลับมาขังไว้ในบ้าน
แต่ว่าได้ยินว่าหลวนจื่ออาจจะมีอันตราย ก็ร้อนใจยิ่งกว่าใคร
แต่ว่าพวกเขาอยู่ต่างประเทศ ตัวอยู่ตั้งไกลแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ในขณะนั้น ได้แต่ติดต่อเหยาเย้นให้ช่วยตามหา
เหยาเย้นเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องของหลวนจื่อ แต่หลังจากที่แต่งเข้าไปในตระกูลเวินแล้ว มีแต่หลวนจื่อที่มาเยี่ยมเธออยู่บ่อยๆ ทั้งสองคนสนิทกันไม่น้อย ได้ยินว่าหลวนจื่อหายตัวไป ก็รีบร้อนออกตามหา
วันนั้นยังเห็นอยู่ในงานแถลงข่าวบนทีวีและบนเว็บไซต์อยู่เลย ข่าวถูกเผยแพร่อย่างร้อนแรงไม่เงียบลงเลย
เป็นเพราะหลวนจื่อทำเพื่อการงานของหมินอันเกอ แต่ไม่รู้ว่าทำไมสุดท้ายหมินอันเกอถึงไปอยู่ที่นั่น? อีกทั้งยังพูดคำพูดเหล่านั้น?
พอการแถลงข่าวจบลง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พยายามติดต่อทั้งสองคน แต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย
พอผ่านไปอีกสองวัน ก็ยังติดต่อไม่ได้ สุดท้ายเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกกังวลใจอย่างมาก
ในเวลานั้นพอดี เหยาเย้นก็มาที่บ้านกะทันหัน
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกจากบ้านตระกูลเวินแล้ว ก็ไม่เคยกลับไปอีก นึกไม่ถึงว่าเหยาเย้นจะมาในตอนนี้
“คุณหญิง จะให้เธอเข้ามาไหม?” พ่อบ้านถาม
ตอนนี้จี้จิ่งเชินไม่อยู่ ส่วนคนในบ้านตระกูลเวิน เขารู้สึกกลัวมาก ต้องคอยระวังถึงจะดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไปคิดมา แล้วบอกว่า: “เข้ามาเถอะ”
พูดแล้ว เธอก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป
เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็เห็นเหยาเย้นมาถึงแล้ว
ท่าทางของเธอดูห่อเหี่ยวมากกว่าครั้งก่อนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เจอเธอ อยู่บ้านตระกูลเวินอาจจะไม่ค่อยสบายมากเท่าไหร่
ส่วนเวินเที๋ยนเที๋ยน ตั้งแต่ที่กลับมาอยู่คฤหาสน์นี้แล้ว ภายใต้ความดูแลของจี้จิ่งเชินและแม่ครัวทั้งหลาย ดูสีหน้าแล้วดีขึ้นมากเลยทีเดียว
เหยาเย้นเห็นแล้ว ทั้งรู้สึกอิจฉาทั้งรู้สึกดีใจ
“คุณตัดสินใจออกมาในตอนนั้นเป็นทางเลือกถูกต้องแล้ว”
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่บ้านตระกูลเวินนั้น เธอก็เห็นอยู่ในสายตา
ทั้งคนดูแล้วไม่มีความสุขเลย เหมือนเสียอะไรไปอย่างนั้น ตอนนี้ดูดีขึ้นมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มอย่างเกร็งๆและเอ่ยปากพูด: “คุณทำไมถึงมาที่นี่?”
“ที่จริงแล้วฉันมาที่นี่ ก็เพราะเรื่องของหลวนจื่อ คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เธออยู่ไหน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำสีหน้าที่แปลกใจ คิดไปพูดไป: “หลังจากแถลงข่าวในวันนั้นแล้ว ฉันก็ติดต่อหลวนจื่อไม่ได้เลย แต่ได้ยินผู้จัดการส่วนตัวของเธอบอกว่า เหมือนจะกลับบ้านแล้ว ฉันกำลังคิดจะติดต่อไปสองวันนี้พอดีเลย”
“ไม่ เธอไม่ได้กลับบ้านตระกูลหล่อน”
“อะไรนะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอด้วยความตกใจ
สีหน้าของเหยาเย้นพูดด้วยความเคร่งเครียดมาก: “วันนี้ฉันมาที่นี่ก็เพราะพ่อแม่ของหลวนจื่อบอกกับฉัน ว่าเธอไม่ได้กลับบ้าน ฉันถึงได้มาถามคุณดู รู้ไหมว่าตกลงหลวนจื่อเป็นยังไงกันแน่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งไม่เข้าใจ
“ฉันกับหลวนจื่อไม่ได้ติดต่อกันหลายวันแล้ว โทรไปก็ไม่รับสาย เธอไม่กลับบ้าน แล้วจะไปไหนได้ล่ะ?”
“หลวนจื่อเป็นคนที่มีความคิดส่วนตัวสูงตั้งแต่เด็ก ตอนแรกบอกว่าอยากเป็นนางแบบ ดื้อที่จะทำตามความคิดของตัวเอง ไม่มีใครห้ามได้ อีกทั้งคุณก็รู้เกี่ยวกับความรักที่เธอมีให้หมินอันเกอ ไม่มีทางจะปล่อยมือง่ายๆ ถ้าอยากจะหลบซ่อนตัวขึ้นมา ไม่มีใครหาเจอได้หรอก”
เหยาเย้นกับหลวนจื่อสนิทสนมกันมาก ตอนนี้เครียดมาก
“ฉันกังวลว่า เธอได้รับการปกป้องและความคุ้มครองจากตระกูลหลวนมาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้หายไปอย่างกะทันหัน ถ้าได้รับความลำบากจะทำยังไง? อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น คิดไปคิดมา ลองถามดูว่า: “คุณเคยไปถามหมินอันเกอไหม?”
“หมินอันเกอ?”
เหยาเย้นขมวดคิ้วขึ้น ก่อนหน้านั้นเธอก็รู้สึกดีต่อหมินอันเกออยู่เหมือนกัน แต่ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นแล้ว แม้แต่เธอก็เริ่มไม่อยากจะคบหาหมินอันเกอคนนี้แล้ว
นอกจากนี้ มองจากการแถลงข่าวในวันนั้นแล้ว ระหว่างหมินอันเกอและหลวนจื่อไม่ค่อยถูกกันจริงๆ หรือหลวนจื่อยังจะกลับไปหาเขาอีก?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองแววตาของเธอแล้วเดาใจเธอออกและพูดว่า: “หมินอันเกอน่าจะไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้ายังมีใครคนไหนที่พอจะรู้ที่อยู่ของหลวนจื่อล่ะก็ คนๆนั้นก็น่าจะมีแต่เขาแล้ว”
ได้ยินดังนั้นแล้ว ในที่สุดเหยาเย้นก็พยักหน้า
“ฉันจะไปดูพร้อมกับคุณเดี๋ยวนี้เลย ต้องหาหลวนจื่อให้เจอจนได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบของ แล้วก็บอกกับพ่อบ้านว่าตนเองจะออกไปข้างนอก
เพิ่งจะเดินได้สองก้าว เธอก็หันหน้ามาถามเหยาเย้น
“ถ้าหาหลวนจื่อเจอแล้วจริงๆ พวกคุณจะทำยังไง?”
เหยาเย้นขมวดคิ้ว “ทางตระกูลหลวน น่าจะให้พาหลวนจื่อกลับบ้านก่อน ทางที่ดีต้องตัดขาดจากหมินอันเกอ เด็กก็เลี้ยงด้วยตนเอง”
คล้ายๆกับที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไว้
เธอคิดไปคิดมา แล้วก็พูด: “พวกคุณเคยคิดไหม บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอรู้ว่าพวกคุณต้องทำเช่นนี้แน่นอน หลวนจื่อถึงได้เลือกที่จะจากไป?”
เหยาเย้นได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักอย่างกะทันหัน
เหมือนจะนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีอะไรสักอย่างหนึ่ง ขมวดคิ้ว แล้วก็ไม่พูดอะไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถึงจุดสำคัญแล้วก็หยุด ไม่พูดอะไรต่อไปอีก พาเธอขึ้นรถ แล้วไปถึงที่บริษัทหวนฉิว
ในขณะนี้ สถานะของหมินอันเกอไม่ดีเหมือนแต่ก่อนแล้ว ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ งานหลายๆที่เขาถูกเปลี่ยนตัวออกจากงาน บริษัทที่เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ก็ฟ้องร้องหลายๆที่จนเกินครึ่ง ไม่ว่าวงการนักร้อง หรือวงการภาพยนตร์ หรืองานอื่นๆ ถูกหยุดชั่วคราวทั้งหมด
เข้าไปถึงประตูบริษัทแล้ว ทุกทิศทุกมุมบรรยากาศเงียบเหงา
พูดได้ว่าหมินอันเกอเป็นเสาหลักสำคัญของบริษัทหวนฉิว รายได้ครึ่งหนึ่งของบริษัทมาจากผลงานของหมินอันเกอ
ตอนนี้เขาเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ได้รับผลกระทบหนักที่สุดก็คือบริษัท ตอนนี้ทุกคนต่างคิดกันอยู่ว่าจะแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้อย่างไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นไปบนชั้นที่เป็นสำนักงานของหมินอันเกอโดยตรง กำลังจะเคาะประตู
ยังไม่ทันเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงที่วุ่นวายดังออกมาจากข้างใน เหมือนมีอะไรขว้างลงบนพื้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงตะโกนด่า
“นายพูดว่าอะไรนะ? นายไม่รู้เลยหรือว่าตอนนี้ทุกคนทั้งบริษัทต่างเครียดกับปัญหาเรื่องนี้ คิดอยากจะช่วยนายแก้ข่าว ตอนนี้นายกลับพูดอะไรแบบนี้ นายไม่อยากจะอยู่วงการบันเทิงต่อไปแล้วจริงๆใช่ไหม?”
“หมินอันเกอ นายคิดให้ดีๆ วันนี้สามารถมาถึงจุดนี้ได้ต้องทุ่มเทขนาดไหน? จะให้สูญสิ้นทั้งหมดเพราะคำๆเดียวของนายไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว หันหลังไปสบตากับเหยาเย้นที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็เคาะประตูออฟฟิศ
เสียงที่วุ่นวายด้านในเงียบลงทันที ผ่านไปสองวินาที ถึงมีเสียงที่กำลังโมโหอยู่ดังออกมา
“เข้ามา!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหมุนกลอนประตูและผลักประตูเข้าไป เห็นข้างออฟฟิศยุ่งเหยิงไปหมด
หมินอันเกอยืนอยู่ตรงมุมห้อง สองมือเสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกง ยืนพิงผนังอยู่ ก้มหน้าเล็กน้อย ท่าทางเฉื่อยชาไม่สนใจฟังอะไรเลย
ผู้จัดการส่วนตัวของเขาพี่เจี้ยนโมโหจนหน้าแดง นั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าหงุดหงิดและดึงคอเสื้ออย่างไม่สบอารมณ์