เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 585 ของขวัญที่ทำเองกับมือ
บทที่ 585 ของขวัญที่ทำเองกับมือ
เสียงจากห้องน้ำยังคงดังเข้าสู่หูของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างต่อเนื่อง
“เธอไม่เห็นเมื่อกี้ที่เธอเดินไปเดินมาในงาน แล้วขยิบตาให้พวกคนเหล่านั้น ไม่มีความละอายใจเลยแม้แต่นิดเดียว!”
เธอฟังอยู่ด้วยสีหน้าที่งงๆ
เธอไปส่งสายตาแบบนั้นให้กับคนอื่นตอนอยู่ในงานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แล้วไปจับจุดอ่อนของจี้จิ่งเชินอีกเมื่อไหร่?
กำลังคิดอยู่นั้น คนที่อยู่ด้านนอกยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเกินไป
“ได้ยินมาว่าเธอเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยนะ แม้แต่ปริญญาบัตรก็ยังไม่มี ไม่รู้ว่าวนมาอยู่ตรงจุดนี้ได้อย่างไร”
“ก็ไม่ใช่ว่ามีพ่อแม่หรอกรึไงล่ะ? ใครให้เขาได้กลับชาติมาเกิดได้ดีขนาดนี้?”
“ก็ใช่นะ ถ้าหากฉันเป็นเธอล่ะก็ จะไม่ทำตัวให้ไม่มีสง่าราศีแบบนั้นเลย ไม่เหมือนเป็นลูกคุณหนูตระกูลร่ำรวยเลยสักนิด มาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ด้วยกัน ขายหน้าตายเลย”
ได้ยินมาถึงตรงนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ทนต่อไปไหวอีกแล้ว ความโมโหในใจนั้นโหมซัดเข้ามา จึงเปิดประตูแล้วเดินออกมาทันที
“ฉันไปส่งสายตาให้กับคนอื่นในงานตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เลยล่ะ?”
เมื่อเอ่ยออกมานั้น ทำให้สองคนที่อยู่ตรงหน้านั้นตกใจขึ้นมาในทันที
พวกเธอรีบหันกลับมามอง เห็นว่าคนที่ตัวเองเพิ่งจะพูดถึงนั้นมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของตัวเองแล้ว จึงพากันหลบตาด้วยความตื่นตกใจ
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินเข้าไปหาอีก
เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย : “คำพูดพวกนี้พวกเธอไปได้ยินมาจากที่ไหนกัน?”
ในตลอดทั้งงานเลี้ยงนั้น เธอกับจี้จิ่งเชินตัวติดกันเหมือนเงาตามตัวตลอด ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ในเมื่อมีคำพูดที่ระคายเคืองหูออกมาแบบนี้ แล้วถูกจับได้ว่านินทาคนอื่นลับหลัง ทั้งสองคนนั้นสบตากัน โดยไม่เห็นแก่หน้าของอีกฝ่ายเลยเสียอย่างนั้น
“ทุกคนต่างก็พูดกันทั้งนั้นแหละ นั่นไม่ใช่เรื่องจริงหรอกหรือ?”
“ใช่ ถ้าเรื่องไม่มีเหตุมันจะเกิดขึ้นได้อย่างนั้นหรือ? เธอไม่คิดดูเองล่ะ ว่าพวกฉันรู้ได้อย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนบอกพวกเธอ เอาหลักฐานออกมาสิ ถ้าหากไม่มีหลักฐาน ก็อย่าพูดอะไรมั่วๆแบบนี้อีก”
“ยังต้องการหลักฐานอะไรอีก หลักฐานก็ไม่ได้อยู่ตรงหน้าหรอกหรือ? เธอกล้าพูดไหมล่ะว่าเธอไม่ได้อาศัยตระกูลเวินและตระกูลหล่อน? เธอกล้าพูดไหมว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ของเธอ? เรื่องก่อนหน้านี้อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะ แพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างชัดเจนขนาดนั้น!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำหมัดแน่น
คนๆเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “เธอกล้าปฏิเสธหรือ? แล้วดูชุดนี้ของเธอ น่าเกลียดมาก จริงๆ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโมโหเสียจนร่างกายสั่นเทาไปหมด
และกำลังจะเอ่ยพูดออกมานั้น จู่ๆเสียงดังปึงก็ดังขึ้นมา
ประตูห้องน้ำอีกด้านหนึ่งจู่ๆก็ถูกเปิดออก ประตูกระแทกลงบนผนังกำแพง ส่งเสียงดังออกมา เป็นการขัดจังหวะการพูดคุยกันของพวกเขา
ทั้งสามคนหันไปมองพร้อมกัน เห็นเพียงแค่คนที่ไม่น่าจะมาปรากฏตัวอยู่ในที่แบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ตรงหน้าพวกเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาขึ้นด้วยความตกตะลึงแล้วมองเธอ
และอีกสองคนนั้นมีใบหน้าที่หวาดกลัวมากกว่าเดิม สีหน้าซีดขาวขึ้นมาในทันใด
“คุณ….คุณนายหล่อน?” เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะเคยบอกเธอจริงๆว่าวันนี้คุณนายหล่อนและเวินหงไห่จะมา แต่กลับไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอเธอในที่แบบนี้ และยังให้เธอต้องมาได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาของคนพวกนั้นอีกด้วย
ใบหน้าที่เคร่งขรึมของคุณนายหล่อนเวลานี้ ร่างกายมีคลื่นลูกใหญ่แห่งความโมโห สายตาจับจ้องยังผู้หญิงสองคนนั้นอย่างเยือกเย็น
สองคนนั้นตกใจอำนาจที่อยู่บนเรือนร่างของเธอจนอดที่จะถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ถึงแม้ว่าจะมีพ่อแม่แบบนี้ มีวงศ์ตระกูลแบบนี้ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมาเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนตรงจุดนี้ได้”
เธอเดินเข้ามา ถึงแม้ว่าเสียงจะดูเย็นชา แต่การเคลื่อนไหวนั้นช่างสง่างามยิ่งนัก
“คุณหลี่ คุณหวาง”
เอ่ยชื่อของทั้งสองคนนั้นออกมา คุณนายหล่อนเอ่ยขึ้น : “วงศ์ตระกูลของพวกคุณถึงแม้จะไม่เทียบเท่ากับตระกูลหล่อน แต่ก็อย่าประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไปนะ พวกคุณได้รับการอบรมจากตระกูล ก็คือการมาพูดถึงคนอื่นในห้องน้ำแบบนี้หรอกหรือ? ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆล่ะก็ ฉันคงจะต้องพิจารณาเรื่องความร่วมมือกันครั้งสำคัญระหว่างตระกูลหล่อนกับสองตระกูลนี้ใหม่แล้วล่ะ ว่ายังจำเป็นที่จะต้องดำเนินต่อไปอยู่อีกหรือเปล่า?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว สีหน้าของทั้งสองคนก็ดูแย่ขึ้นมาเป็นอย่างมาก ทั้งตื่นตระหนกและทั้งกลัว
ทั้งสองตระกูลล้วนแต่มีความสัมพันธ์ในการร่วมมือครั้งสำคัญกับตระกูลหล่อน ถ้าหากเป็นเพราะคำพูดเมื่อครู่นี้ของตัวเองทำให้ความร่วมมือครั้งนี้พังลงนั้น ก็จะทำให้เกิดผลที่ไม่คาดคิดขึ้นกับกิจการทั้งตระกูล
ทุกคนรู้ ว่าคุณนายหล่อนเป็นคนที่เยือกเย็นมาโดยตลอด คำพูดที่พูดออกมาแล้วก็ไม่ได้จะเปลี่ยนกันง่ายๆ
ถ้าหากคนในครอบครัวรู้เข้าล่ะก็ พวกเธอคงจะถูกตีตายอย่างแน่นอน
ทั้งสองคนตกใจจนหน้าซีด ร้องไห้ออกมาพลางและอ้อนวอนขอให้ยกโทษให้อีกด้วย
“คุณนายหล่อน พวกเราผิดไปแล้วค่ะ ขอร้องคุณอย่าตำหนิติโทษพวกเราเลยนะคะ”
“เมื่อครู่นี้พวกเราก็แค่พูดๆไปแบบนั้น ไม่คิดว่าจะทำให้พวกคุณทั้งสองคนไม่พอใจ…..ต้องขอโทษจริงๆค่ะ พวกเราผิดเอง”
“ขอโทษค่ะ…….”
พวกเธอเอ่ยพูดขอโทษออกมาไม่หยุด แต่อาการที่แสดงออกมาทางสีหน้าของคุณนายหล่อนนั้นไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงดูเยือกเย็นเหมือนเดิม มองดูพวกเขาอย่างไม่มีการแสดงความคิดเห็นใดๆออกมาทั้งสิ้น
ผ่านไปพักหนึ่ง ถึงได้หันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยน น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
“จะกลับหรือยัง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกตกใจกับการปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันของคุณนายหล่อน และสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตรงหน้า จึงรีบพยักหน้าลง แล้วถึงได้เดินออกไปทางด้านนอกด้วยกันกับเธอ
ก่อนที่จะออกมาจากตรงประตูนั้น เธอหันกลับมามอง เห็นทั้งสองคนนั้นยังนั่งเป็นอัมพาตอยู่ที่พื้น ร้องไห้ฟูมฟาย
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองโตจนสามารถทำอะไรเองได้เพียงลำพังแล้ว แต่ตอนนี้เห็นวิธีการและอำนาจที่คุณนายหล่อนปฏิบัติกับทั้งสองคนนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นยังโตไม่พอ ยังจะต้องเรียนรู้ต่ออีกมาก
ทั้งสองคนค่อยๆเดินออกไปจากห้องน้ำ ทะลุผ่านลานกว้าง แล้วเดินไปยังห้องโถงที่จัดงาน
เงียบอยู่พักหนึ่ง คุณนายหล่อนถึงได้เอ่ยพูดขึ้น
“สองสามวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ฉันได้ยินว่าเหยาเย้นย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว เวินหงไห่ได้มาทำอะไรให้พวกเธอวุ่นวายหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้เจอหน้าคุณนายหล่อนมาสองสามวันแล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะคอยติดตามสังเกตสถานการณ์ของเธออยู่ตลอด
“ไม่มีค่ะ ทุกอย่างดีหมด”
“อืม”
แล้วทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
เดินไปสักพักหนึ่ง จู่ๆถึงได้นึกถึงของขวัญที่ตัวเองเตรียมเอาไว้ตั้งนานแล้วขึ้นมาได้ จึงรีบเรียกคุณนายหล่อนเอาไว้
“คุณนายหล่อนคะ”
เธอตะโกนออกมา แล้วรีบเร่งฝีเท้าเดินไปตรงด้านหน้าของคุณนายหล่อน
เธอยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ฉันเกือบจะลืมไปแล้ว ฉันเตรียมของขวัญเอาไว้ให้คุณกับคุณเวินด้วยค่ะ”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว คุณนายหล่อนที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางอาการที่แสดงออกมานั้นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่ออย่างไรอย่างนั้น
“เธอจะให้ของขวัญฉันอย่างนั้นหรือ?”
เห็นเธอดีใจขนาดนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกอึ้งไปพักหนึ่งถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่านี่เหมือนกับว่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอให้ของขวัญกับคุณนายหล่อน
คิดแล้วนั้น เธอก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมาในทันที เสียงเบาลง รู้สึกว่าของขวัญชิ้นนี้ของตัวเองนั้นธรรมดาเกินไป
“เป็นแค่ของชิ้นเล็กๆที่ฉันทำเองก่อนหน้านี้ หวังว่าคุณจะชอบนะคะ”
ว่าแล้วเธอก็เปิดกระเป๋าออก แล้วหยิบกล่องเล็กๆที่บรรจุอย่างสวยงามสองกล่องออกมาจากด้านใน
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ร่วมงานซ่อมแซมต้นทองสัมฤทธิ์ของพระราชวังแห่งชาติ ก็เลยได้แรงบันดาลใจมาบ้างจึงทำสิ่งนี้ขึ้นมา”
คุณนายหล่อนเปิดกล่องที่อยู่ในมือด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์
“นี่เธอทำเองใช่ไหม?