เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 602 ถูกบังคับอย่างไม่มีทางเลือก
บทที่ 602 ถูกบังคับอย่างไม่มีทางเลือก
พอฝ่ายจัดงานเดินออกไปจากห้องทำงาน ก็ไม่มีใครพูดอะไร เงียบไปสักพัก ถึงจะมีคนเดินมาด้านหน้า
หลังจากนั้นก็หยิบแก้วน้ำใบที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนออกแบบขึ้นมา ฝ่ายนั้นประคองไว้ในฝ่ามือ และทำการสังเกตอย่างละเอียด คล้ายกับว่ากำลังคาดคะเนว่าส่วนไหนของแก้วใบนี้ที่มีมูลค่าเท่ากับราคาห้าสิบล้านกันแน่
มองอยู่สักพัก ก็ยังหาสาเหตุไม่เจออยู่ดี
“ เวินเที๋ยนเที๋ยน คุณเก่งจริงๆเลยนะ ทำไมฉันคิดไม่ถึงว่าคุณยังสามารถซ่อมแซมแก้วน้ำแบบนี้ได้อีกด้วยล่ะ ”
“ ไม่คิดว่าแก้วใบเล็กๆจะมีมูลค่าหลายหมื่นเท่า เก่งเกินไปแล้วจริงๆ ”
“ ใช่ ใช่ คิดไม่ถึงว่าจะมีวิธีซ่อมแซมแบบนี้ด้วย ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงคิดไม่ได้นะ? ”
คนยิ่งอยู่ยิ่งมารวมกัน และรู้สึกสงสัยต่อโครงสร้างของแก้วใบนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเผชิญกับความสงสัยของทุกคน เธอกลับไม่รู้สึกรำคาญแม้แต่นิดเดียว แถมยังตอบคำถามของพวกเขาทีละคนอีกด้วย
ไม่นาน ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ค่อยๆปรองดองกัน และกลายเป็นสนิทกันในที่สุด ความขัดแย้งก่อนหน้านั้นก็ได้หายไปจนหมดสิ้น
อาจารย์ฟ่านที่ยืนอยู่ด้านข้างในตอนนี้เห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้า เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
เดิมที เธออยากจะใช้โอกาสเหล่านี้ขับไล่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกไปจากที่นี่ และสร้างความบาดหมางให้กับทั้งสองคน แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่คิดไว้มันจะสวนทางกัน คิดจะทำร้ายคนอื่น แต่ดันว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบซะเองจึงทำให้ความสัมพันธ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับคนในกลุ่มอื่นมีความก้าวหน้าขึ้นไปอีก
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คราวหลังถ้าอยากขัดขาเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ล้มลงก็คงจะทำได้ยากแล้ว
ถึงตอนนั้นคนพวกนั้นก็คงจะยืนอยู่ฝั่งเวินเที๋ยนเที๋ยน และเป็นอุปสรรคต่อการกระทำของตัวเธอเอง
พอคิดว่าจะเป็นแบบนั้น อาจารย์ฟ่านก็ยิ่งรู้สึกกังวลทันที
เพราะการแข่งขันครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเวินเที๋ยนเที๋ยนกับคนในฝ่ายชี้แนะก็ได้คลี่คลายลง และสามารถละทิ้งความขัดแย้งที่อยู่ในใจก่อนหน้านี้ไปได้
ช่วงเวลาต่อจากนี้ ไม่ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะมีหน้าที่อะไร คนอื่นๆก็จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และจะไม่แสดงความไม่พอใจต่อประสบการณ์กับอายุของเวินเที๋ยนเที๋ยนอีก
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นงานที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มาก แต่ศักยภาพกลับวางไว้ด้านหน้าสุดมาตลอด
แต่อาจารย์ฟ่านยังคงไม่พอใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เธอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนสนิทสนมกับคนอื่นๆ และยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนดึงเข้าไปในค่ายด้วยเช่นกัน จึงทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะนี้ โครงการที่สำคัญที่สุดในการประชุมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่ยังไม่สามารถไล่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกจากฝ่ายชี้แนะ แถมยังปล่อยให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่อย่างปลาได้น้ำอีกต่างหาก แบบนี้จะเป็นอุปสรรคต่อแผนการของพวกเขา
ถึงแม้ว่าในขั้นตอนการทำงาน เธอก็ได้หาวิธีสร้างความวุ่นวายให้เวินเที๋ยนเที๋ยนมาบ้างแล้ว แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าในการทำงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนเลย แถมยังไม่เกิดผลเสียหายอะไรอีกด้วย
และในตอนนี้ เวินหงไห่ที่รอต่อไปไม่ไหวแล้วก็ได้มาที่นี่
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ในฝ่ายชี้แนะมาตลอด และรู้สึกผิดหวังต่ออาจารย์ฟ่านเป็นอย่างยิ่ง
“ ไหนคุณบอกว่าภายในระยะเวลาสามวันคุณจะไล่เธอออกไปไง? ตอนนี้ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ผมเริ่มสงสัยว่าคุณจะสามารถทำตามแผนของเราก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่า! และคุณยืนอยู่ฝั่งไหนกันแน่! ”
อาจารย์ฟ่านรู้สึกลำบากใจมาก แต่เธอกลับไม่อยากทิ้งโอกาสที่อยู่ตรงหน้านี้ไป
“ ฉันทำได้ค่ะ คุณเชื่อมือฉัน ”
เวินหงไห่รู้สึกไม่พอใจ แต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถแทรกมือเข้าไปข้างในการประชุมได้ เขาไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงเชื่อมืออาจารย์ฟ่าน หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา
“ ก็ได้ ผมจะให้โอกาสกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้เป็นเวลาที่สำคัญที่สุด โครงการที่ใหญ่ที่สุดใกล้จะมาถึงแล้ว เรื่องอื่นผมสามารถไม่อะไร แต่โครงการนี้จะต้องเป็นของตระกูลเวิน ไม่ใช่จี้จิ่งเชิน! ”
อาจารย์ฟ่านพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม โครงการต่อจากนี้คืออุตสาหกรรมแบบจีนที่เป็นที่แพร่หลายในโลก ผลประโยชน์ในนี้มีมากซะจนทำให้คนตกใจ ไม่อย่างนั้นตระกูลเวินคงไม่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้หรอก
ตอนนี้ความโมโหของเวินหงไห่ก็ได้ผ่อนคลายลงนิดหน่อย หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อ: “ คิดหาวิธีพูดคุยกับฝ่ายจัดงาน ทางที่ดีคือหลอกถามแผนของบริษัทอื่นๆ และวิธีของเขามาให้ได้ ทำได้ไหม? ”
“ ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันทำได้แน่ๆ ”
“ ดี ถ้าคุณทำไม่สำเร็จ ผมจะทำให้คุณอยู่ที่เมืองหลวงไม่ได้อีกต่อไป ”
อาจารย์ฟ่านมีสีหน้าหวาดกลัว หลังจากนั้นเธอก็พูดอย่างตั้งใจ: “ คุณวางใจได้ ฉันทำสำเร็จแน่ๆ! ”
พอได้ยินเธอรับประกัน เวินหงไห่ถึงจะพยักหน้า และหมุนตัวเดินออกไปจากห้องประชุม
อาจารย์ฟ่านยืนอยู่ที่เดิม เธอมองลงต่ำและกำลังครุ่นคิด
เวลาต่อจากนี้คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ครั้งนี้เธอจะไม่แพ้ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเด็ดขาด
เพิ่งได้ตั้งปฏิญาณไปเมื่อสักครู่ กลับเกิดปัญหาซะแล้ว
พอเข้ามา ก็พบว่าลูกสาวของตัวเองที่ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลไม่สบาย ต้องการคนดูแลอยู่ตลอด
และตอนนี้ อยู่ๆแม่บ้านที่บ้านก็ดันมาลาออกอย่างกะทันหันอีกด้วย
ในช่วงปีแรกๆอาจารย์ฟ่านแสวงหากิจการงานกับความก้าวหน้าทางการงานมาตลอด จนกระทั่งอายุมากแล้วถึงได้แต่งงาน
แต่หลังจากแต่งงานได้สองปี ความรักความผูกพันก็แตกร้าว จึงทำให้หย่ากันตั้งแต่เนิ่นๆ ส่วนลูกก็ตกเป็นชื่อของตัวเองเช่นกัน
หญิงวัยกลางคน เธอเห็นลูกสาวของตัวเองสำคัญราวกับชีวิตของเธอ
ตอนนี้ที่เธอพยายามทำให้สำเร็จในด้านการงาน ก็เพื่อต้องการให้ลูกมีสภาพแวดล้อมที่ดี
แต่ช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ ลูกดันมาไม่สบายซะก่อน
มีไข้สูงบวกกับเป็นหวัด หลังจากที่รีบพาลูกมาส่งที่โรงพยาบาล หมอก็กำชับว่าต้องดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ห้ามให้เกิดความผิดพลาดใดๆเด็ดขาด
แม่บ้านที่บ้านก็ลาออกไปแล้ว พอจะเปลี่ยนแม่บ้านคนใหม่ให้มาดูแลลูก ตัวเธอเองกลับไม่วางใจอีก วันต่อมา เห็นลูกยังมีไข้สูง อาจารย์ฟ่านไม่มีทางเลือก ตอนเช้าวันนั้นเธอจึงไม่ได้มาที่บริษัท
จนกระทั่งตอนกลางวัน ไม่รู้ว่าเวินหงไห่ไปได้ข่าวมาจากไหน เขาก็ได้โทรศัพท์มาถาม
พอได้ยินว่าเธอไม่ได้อยู่ในที่ประชุมตอนนี้ เขาก็ต่อว่าเธอทันที และก็สั่งให้เธอรีบไปทำงานของตัวเองที่สถานที่ประชุมอย่างรวดเร็ว
ไม่อย่างนั้นงานที่ทำร่วมกันของทั้งสองคนจะต้องถูกยกเลิก
อาจารย์ฟ่านไม่มีทางเลือก เธอมองลูกที่กำลังนอนหลับเล็กน้อย จึงทำได้เพียงอุ้มลูกขึ้นมา และพาไปที่สถานที่ประชุม
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกจากบริษัทกลับมาที่สถานที่ประชุมอีกครั้ง พอเข้าไปก็รู้สึกว่าในห้องทำงานเงียบผิดปกติ
เธอกำลังจะพูด กลับถูกคนในกลุ่มพูดขัดจังหวะเสียก่อน
“ คุณเวิน พูดเบาๆนะครับ มีคนกำลังนอนหลับอยู่ครับ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามสายตาของเขาไป และเห็นว่าบนโซฟามีเด็กผู้หญิงนอนหลับอยู่
เธอเดินเข้าไปอย่างสงสัย และพบว่าสีหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นแดงมาก คล้ายกับเธอกำลังเป็นไข้ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แถมสีหน้ายังดูเหมือนกำลังทรมานนิดหน่อยอีกด้วย
“ เด็กคนนี้คือลูกของใคร? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถามเสียงเบา
คนในกลุ่มพูดอธิบาย: “ ลูกของอาจารย์ฟ่านค่ะ เมื่อเช้าเธอไม่ได้มาทำงานนี่นา? ตอนบ่ายก็รีบพาลูกมาที่นี่อย่างรีบร้อน น่าจะเป็นเพราะลูกป่วยค่ะ ”
อีกคนได้พูดแทรกขึ้นมา: “ กลับมาได้ไม่กี่นาทีเธอก็ออกไปอีกแล้วค่ะ ช่างสู้ชีวิตจริงๆ ลูกป่วยขนาดนี้ ยังมาทำงานต่อได้อีก ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเด็กผู้หญิงที่กำลังนอนหลับนิดหน่อย
เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเพิ่งสามถึงสี่ขวบเองอาจารย์ฟ่านอายุก็ไม่น้อยแล้ว เห็นทีก็น่าจะใกล้ห้าสิบปีแล้วด้วย เดิมที คิดว่าลูกของเธออายุน้อยสุดก็คงจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น แต่ไม่คิดว่าจะยังเล็กถึงขนาดนี้