เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 605 การแข่งประมูลอย่างบ้าคลั่ง
บทที่ 605 การแข่งประมูลอย่างบ้าคลั่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น เธอจึงเลิกคิ้วเรียนแบบการกระทำของจี้จิ่งเชิน
“ หรอ? ผู้ชายของฉันอยู่ที่ไหน? ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะ? ”
พอจี้จิ่งเชินได้ฟัง เขาก็ไม่คิดว่าจะมีสักวันที่ตัวเองจะถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนหยอกล้อได้ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่โกรธ เขากลับพูดขึ้นยิ้มๆอีกด้วย
“ ในเมื่อคุณไม่รู้ งั้นผมก็ทำได้เพียงให้ร่างกายของผมบอกคุณแทนแล้วล่ะ ว่าใครกันที่เป็นผู้ชายของคุณ? ”
เขากดเสียงให้เล็กลง ในน้ำเสียงมีกลิ่นอายของการข่มขู่อยู่ในนั้น
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง เธอก็รีบโบกมือทันที
“ ไม่ต้องไม่ต้อง”
วันก่อนก็เพราะเธอใช้วิธีแข่งขันที่จี้จิ่งเชินบอก จึงทำให้สมาชิกในฝ่ายชี้แนะยอมรับเธอเป็นเพื่อน
หลังจากที่กลับไป เธอก็ถูกจี้จิ่งเชินพัวพันทั้งคืน เขาบีบบังคับเก็บค่าลิขสิทธิ์กับเธอ วันต่อมา เธอก็เกือบพลาดเวลาเข้างานแล้ว
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วจริงๆ ว่าผู้ชายตรงหน้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง และไร้ความรู้สึกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอถึงทีของตัวเองเหมือนกับว่าเขาถูกจุดไฟในชั่วพริบตาอย่างนั้นแหละ แทบจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย ทั้งยังหน้าหนากว่ากำแพงเมืองอีกด้วย
กลัวว่าจี้จิ่งเชินจะใช้ร่างกายมาปฏิบัติจริงๆ เธอจึงรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ที่เดิม เขามองกระตายขาวตัวน้อยที่กำลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็ก้มหน้าลง และหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
วันต่อมา ก็คือวันสุดท้ายของการประชุมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแล้ว
นี่เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดในการประชุมทั้งหมด และเป็นโครงการที่เผยแพร่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สไตล์จีนในระดับโลก
แตกต่างจากครั้งก่อนๆ โครงการนี้จะเปิดให้แข่งประมูลอย่างเปิดเผย เพราะฉะนั้นมันจึงกลายเป็นโครงการที่นักลงทุนของแต่ละบริษัทอยากได้มากที่สุด
เฉพาะกำไรของโครงการนี้ ถ้าประมาณการเบื้องต้นก็เกินยอดรวมของโครงการก่อนหน้าทั้งหมดแล้ว มิน่าถึงได้ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากมายขนาดนี้
บริษัทที่สามารถเข้าร่วมโครงการสุดท้ายก็มีข้อกำหนดด้วยเช่นกัน พอผ่านการตรวจสอบขั้นต้น สุดท้าย บริษัทที่หลงเหลืออยู่ก็มีเพียงห้าบริษัทเท่านั้น ตระกูลเวินกับบริษัทเอ็มไอกรุ้ปก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แต่คนส่วนมากคิดว่า ถึงแม้ว่าจะมีทั้งหมดห้าบริษัทที่เข้าร่วม แต่ผลลัพธ์ครั้งนี้คงต้องเกิดจากน้ำมือของตระกูลเวินกับบริษัทเอ็มไอกรุ้ปอย่างแน่นอน และถึงกับมีคนอีกส่วนมากคิดว่าโครงการนี้จะต้องถูกตระกูลเวินคว้าเอาไปได้อย่างแน่นอนอีกด้วย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน บริษัทเอ็มไอกรุ้ปในนามของจี้จิ่งเชินก็อาจจะยังมีแรงต่อต้านกับตระกูลเวินอยู่บ้าง
แต่หลังจากประสบปัญหาสภาวะซบเซาที่ใกล้จะล่มสลายของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปเมื่อก่อนหน้านั้น กิจการของเครือข่ายทั้งหมดก็ได้รับผลกระทบที่รุนแรงเช่นกัน ในเวลาสั้นๆจึงทำให้ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
วันแข่งประมูล เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มาสถานที่ประชุมตั้งแต่เช้า
ภายใต้การสอบถาม กลับพบว่าอาจารย์ฟ่านไม่ได้โผล่มาที่นี่เลย
พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอก็รู้สึกกังวลอย่างอดไม่ได้
ตกลงว่าเมื่อวานอาจารย์ฟ่านไปทำอะไรมากันแน่? จะส่งผลกระทบต่อผลการแข่งประมูลหรือเปล่า
สำหรับคำมั่นสัญญาที่จริงใจของจี้จิ่งเชิน เธอกลับรู้สึกสองจิตสองใจ
เธอกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็มีคนในกลุ่มเดินเข้ามาหา
“ คุณเวิน เมื่อวานอาจารย์ฟ่านได้ไปหาคุณหรือเปล่า? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันที “ เป็นพวกคุณที่บอกเธอว่าฉันอยู่ที่โรงพยาบาลหรอกหรอ? ”
ฝ่ายนั้นเบะปาก
“ ใช่น่ะสิ? เมื่อวานเธอโทรศัพท์มาด่าทุกคนก่อน ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องไปช่วยเธอ ความหวังดีจึงถูกมองว่าเป็นเจตนาร้ายเลยเห็นไหม ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับคำขอบคุณ แถมยังถูกด่าอีกต่างหาก ”
“ ใช่ คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือคุณไง เที๋ยนเที๋ยน เห็นอยู่ว่าหวังดีอยากช่วยเธอ ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นแบบนี้ไปซะได้ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดาอะไรได้คร่าวๆแล้ว อารมณ์ของเธอจึงรู้สึกสงบขึ้นไม่น้อย
“ ไม่เป็นไร เด็กไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ”
พวกคนในกลุ่มเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ถอนหายใจออกมา และไม่ได้พูดอะไรอีก
โครงการที่ยืนยันก่อนหน้าก็ได้เดินมาถูกทางแล้ว หน้าที่ของฝ่ายชี้แนะจึงค่อยๆเบาลง เหลือแค่โครงการชิ้นสุดท้ายเท่านั้น
รอให้โครงการชิ้นสุดท้ายสิ้นสุดลง พอคิดว่าต้องแยกกับพวกเขา เธอก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย
“ ถึงแม้ว่าพวกเราจะทำงานแค่ครึ่งเดือน แต่ต่อไปถ้าพวกคุณมีความยุ่งยากอะไร ก็มาหาฉันได้นะ ”
พวกเขาพยักหน้า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดความขัดแย้งขึ้นในในฝ่ายชี้แนะมากมาย แต่ผ่านการคบค้าสมาคมมาเป็นเวลานาน ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันขึ้นไม่น้อยเลย
“ ใช่แล้ว เที๋ยนเที๋ยน เมื่อสองวันก่อนอาจารย์ของฉันเตือนคุณอยู่ตลอด ว่าถ้ามีเวลาก็ให้ไปหาที่พระราชวังต้องห้ามบ้าง ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟัง หลังจากนั้นก็พยักหน้าอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะพูด กลับเห็นอาจารย์ฟ่านเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเสียก่อน
พอเห็นเธอเดินเข้ามา คนอื่นๆที่อยู่ในห้องก็เงียบลงทันที ไม่มีใครอยากจะสนใจเธอ จึงพากันเดินออกไป
ฝีเท้าของอาจารย์ฟ่านชะงักลง คล้ายกับเธอรับรู้ถึงสายตาของคนอื่นๆ เธอจึงขมวดคิ้วนิดหน่อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไปคิดมา สุดท้ายก็เดินเข้าไปหาอยู่ดี
“ เมื่อคืนลูกสาวของคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? ”
คล้ายกับเธอคิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับเธอก่อน เธอจึงชะงักไปนิดหน่อย หลังจากนั้นถึงจะขานรับจากในลำคอ แต่ไม่ได้พูดอะไร และหมุนตัวเดินจากไปทันที
ผ่านไปสักครู่ รอจนคนมาครบแล้ว ฝ่ายจัดงานถึงจะเดินเข้ามาในห้องทำงาน
เนื่องจากโครงการชิ้นสุดท้ายสำคัญมาก เขาจึงเรียกให้เวินเที๋ยนเที๋ยนกับอาจารย์ฟ่านไปเข้าร่วมพิธีการแข่งประมูลด้วยกัน
พอถึงห้องประชุม ก็เห็นว่าคนอื่นๆมาครบแล้ว
จี้จิ่งเชินกับเวินหงไห่ก็นั่งอยู่ในนั้นด้วย เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไป จี้จิ่งเชินก็มองมาพอดี เขายิ้มให้เธอนิดหน่อย คล้ายกับเขามีความมั่นใจว่าจะชนะการแข่งประมูลครั้งนี้
แต่ตอนที่สายตาไปหยุดที่เวินหงไห่ ฝ่ายนั้นกลับถลึงตาใส่เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างโหดเหี้ยม
อีกฝั่ง ฝ่ายจัดงานก็ได้ประกาศเริ่มการแข่งประมูลอย่างเป็นทางการ
เขาเพิ่งพูดเสร็จ ก็มีหลายบริษัทเสนอราคาอย่างรีบร้อนทันที
มีเพียงเวินหงไห่กับจี้จิ่งเชินที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ คล้ายกับกำลังรอคอยเวลาที่เหมาะสมอยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองราคาที่ยิ่งอยู่ยิ่งสูงขึ้น จึงทำให้เธอก็รู้สึกตื่นเต้นไปโดยไม่รู้ตัว
บริษัทเหล่านี้สามารถเดินมาถึงขั้นตอนการแข่งประมูลในช่วงสุดท้ายได้ ก็แสดงว่ามีเงินทุนที่เพียงพอ
ไม่นาน ราคาการแข่งประมูลก็เพิ่มสูงถึงจำนวนที่ทำให้คนตกใจจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
จนถึงตอนนี้ จี้จิ่งเชินกับเวินหงไห่ก็ยังไม่พูดอะไร
เวลาค่อยๆผ่านไป ในสามคนที่เหลือ ก็ได้มีคนเริ่มรู้สึกลังเลแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดเวินหงไห่ก็ยกมือขึ้นมา
“ หนึ่งพันห้าร้อยล้าน ”
พอเขาพูด ก็พลิกจำนวนเงินประมูลก่อนหน้านั้นไปเท่าตัว ทำให้สามคนที่เหลือมีสีหน้าเปลี่ยนไป และเงียบลงทันที
คนที่อยู่ในที่ประชุมส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะ และตอนที่ทุกคนกำลังตกใจจนพูดไม่ออกอยู่นั้น วินาทีต่อมา จี้จิ่งเชินก็ได้ยกป้ายในมือขึ้น
ฝ่ายจัดงานเห็นเข้า เขาก็ตาเป็นประกายนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้นเสียงสูง
“ บริษัทเอ็มไอกรุ้ปเสนอราคาสองพันล้าน! ”
ราคานี้ทำให้ทุกคนพากันตกตะลึงอีกครั้ง แต่การเสนอราคายังคงไม่หยุดเพียงเท่านี้
เวินหงไห่มีสีหน้าหงุดหงิด เขาเพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆ และทุกครั้งที่พูดออกไปก็มักจะไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้าน
ไม่นาน ราคาก็กระโดดสูงถึงระดับที่น่ากลัว แถมยังเพิ่มขึ้นหลายเท่าจากจำนวนเดิมอีกต่างหาก แต่กลับไม่หยุดเพียงเท่านี้
แม้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ฟังถึงตอนสุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาอย่างตะลึง
การแข่งประมูลครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ก่อนเริ่มการแข่งประมูลจะต้องเสนอหลักฐานทรัพย์สินส่วนบุคคลกับเงินทุนของบริษัทมาก่อน และราคาที่เสนอไปก็ต้องพิจารณาถึงขอบเขตราคาที่ตัวเองได้เสนอมาด้วยเช่นเดียวกัน เงื่อนไขนี้จึงทำให้จำกัดขอบเขตการแข่งขันของหลายๆบริษัท