เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 624 ถือโอกาสกลั่นแกล้ง
บทที่ 624 ถือโอกาสกลั่นแกล้ง
“คุณถูกไล่ออกแล้ว?”
หล่อนเจียนีหันมาด้วยความตกใจ ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
“เธอจะกล้าได้ยังไง?”
พูดถึงเช่นนี้ สีหน้าของเหลียงจี้อานยิ่งน่าเกลียดมาก
หล่อนเจียนีหยุดกินและหันตัวเข้าไปใกล้ๆ ควงแขนของเหลียงจี้อานไว้
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะบอกพ่อเอง เขาต้องช่วยคุณจัดการเรื่องทั้งหมดแน่นอน ก็แค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวไม่ใช่เหรอ? อีกสองสามวันเธอไปแล้ว อย่าว่าแต่ผู้จัดการใหญ่ หลังจากนี้ทั้งบริษัท คุณอยากจะทำอะไรก็ได้”
เธอมองหน้าเหลียงจี้อานด้วยความลุ่มหลง
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของหล่อนเจี้ยนกั๋ว แต่หน้าตาของหล่อนเจียนีไม่สวยมากเท่าไหร่
อยู่แต่บ้านมานาน ทำให้เธออ้วนขึ้นเล็กน้อย โครงหน้าแบนๆ ตรงแก้มยังมีฝ้ากระ พูดได้ว่าธรรมดามาก
แต่เหลียงจี้อานที่อยู่ตรงหน้าเธอมีหน้าตาที่หล่อมาก ตอนที่ทั้งสองคนออกไปไหนคู่กัน น้อยคนที่จะคิดว่าเขาสองคนเป็นคู่สามีภรรยากัน
ยิ่งไม่ต้องพูด เหลียงจี้อานเป็นคนที่ขอเข้ามาเป็นคนในตระกูลหล่อนเอง สาเหตุเบื้องหลังคืออะไร ทุกคนต่างรู้กันดี
มองดูหน้าตาของหล่อนเจียนีที่อยู่ตรงหน้าตนเอง ในใจของเหลียงจี้อานรู้สึกรังเกียจพะอืดพะอม แต่พอนึกถึงเบื้องหลังของเธอหมายความถึงความร่ำรวยและอำนาจ จึงยอมอดทนแต่โดยดี
เขายกมือขึ้นมา ลูบเล่นเส้นผมของหล่อนเจียนี ใบหน้าทำท่าทางเหมือนอย่างกับรักเธอมาก
“มีแต่คุณเท่านั้นที่ดีกับผม”
หล่อนเจียนีมองหน้าเขาด้วยความอิ่มเอมใจ
ส่วนเหลียงจี้อานได้ยินคำรับประกันแล้ว ในใจที่รู้สึกโมโหก็ค่อยๆใจเย็นลง
และพูดขึ้นว่า: “ที่จริงตัวผมไม่สำคัญ ผมก็แค่กังวลถ้าหลังจากที่ผมไม่มีงานทำแล้ว จะไม่สามารถเลี้ยงดูคุณได้ในอนาคต คุณรู้ว่าผมรักคุณมากที่สุด อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่คุณทั้งหมด”
หล่อนเจียนีพยักหน้าด้วยความตื้นตันใจ
“คุณไม่ต้องกังวล พ่อไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
กำลังพูดอยู่พอดี หล่อนเจี้ยนกั๋วก็ได้ยินข่าวเรื่องที่เหลียงจี้อานถูกไล่ออกและเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยความโกรธ
เข้ามาปุ๊บ เห็นหล่อนเจียนีและเหลียงจี้อานที่กำลังกอดกันอยู่ในตอนนี้ ก็ขมวดคิ้วและมีสีหน้าที่ไม่น่าดูเลย
“ได้ยินว่านายถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนไล่ออกจากบริษัทเหรอ?”
เขาดุด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ขัดจังหวะชายหญิงทั้งคู่ที่กำลังกอดกันอยู่
เหลียงจี้อานรีบหันหลังกลับไปดู เห็นว่าเป็นหล่อนเจี้ยนกั๋ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที หน้าตาแสดงอาการซวยแน่ๆแล้ว ทำท่าทำทางดูน่าสงสาร
“ผมก็ไม่รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นบ้าอะไรขึ้นมา วิ่งมาไล่ผมออกถึงห้องทำงานของผม”
“ผมเองไม่มีงานทำไม่เป็นไร แต่ว่าเจียนีจะทำยังไง? ทุกคนในบริษัทมีใครไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับท่าน? ผมก็ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ว่าเธอกลับบอกว่าเธอไม่แค่สักนิด บอกว่า แม้กระทั่งท่าน เธอก็จะลงมือจัดการด้วยตนเองเลย……”
เหลียงจี้อานกำลังพูดใส่นมใส่ไข่ไปด้วยและดูสีหน้าของหล่อนเจี้ยนกั๋วไปด้วย
เห็นสีหน้าของเขายิ่งอยู่ยิ่งไม่ดี ในใจยิ่งรู้สึกได้ใจ
เขาไม่มีวิธีจัดการกับเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ว่าหล่อนเจี้ยนกั๋วมี!
ขอแค่เขาลงมือเท่านั้น แค่เวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียวจะใหญ่สักแค่ไหนเชียว
เขาแอบซ่อนเรื่องของตนเองไว้ แล้วดันความผิดทั้งหมดไปให้เวินเที๋ยนเที๋ยน แม้แต่หล่อนเจียนีที่อยู่ข้างๆก็ช่วยกันชงเรื่องใส่นมใส่ไข่
“ผมดูแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งใจซะมากกว่า! เอาตระกูลของเรามาผ่าตัด ใครไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับจี้อาน? เธอยังแกล้งเขาต่อหน้าคนอื่นขนาดนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเธอไม่ไว้หน้าตระกูลเราเลย”
หล่อนเจี้ยนกั๋วอุดปากไว้เงียบๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ตั้งนานก็ยังไม่เอ่ยปากพูดอะไร
เหลียงจี้อานทนรอคำตอบของเขาไม่ไหว รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยออกหน้าให้ตนเองหรือไม่
กำลังพูดกันอยู่พอดี มีผู้หญิงอายุปานกลางเดินลงมาจากชั้นบน
“พวกคุณทำอะไรกัน?”
เห็นผู้หญิงเดินลงมา หล่อนเจียนีรีบลุกขึ้นเดินไปหาและฟ้องร้อง: “จี้อานถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนไล่ออกจากบริษัทแล้ว ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเบ่งอำนาจเบ่งบารมี ไม่มีใครเอาเธออยู่ได้เลย วันนี้สามารถไล่คนออกจากบริษัท ไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะสลายคณะกรรมการก็ไม่แน่”
“แม่คะ หลังจากนี้ตระกูลเราควรทำยังไงดีคะ? พ่อก็ไม่ช่วย”
หลิวเหม่ยหลันที่ยืนอยู่ตรงขั้นบันไดได้ยินดังนั้นแล้ว รีบร้อนใจเดินลงมาดึงแขนหล่อนเจี้ยนกั๋ว
“ที่เจียนีพูดเป็นความจริงหรือคะ? เวินเที๋ยนเที๋ยนคนนี้ทำเกินไปแล้ว ก่อนหน้านั้นตอนที่เธอรับตำแหน่งประธานบริษัท พวกเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ไม่ได้แย่งสมบัติกับพวกเขา พอมาถึงตอนนี้ พวกเราไม่หาเรื่องเธอ เธอยังมาหาเรื่องพวกเราอีก!”
“ฉันว่าต้องมีสักวัน ทั้งบริษัทจะต้องถูกเธอทำล้มละลายแน่ๆ คนอื่นจะอยู่กันยังไง”
“ใช่สิ!” หล่อนเจียนีช่วยพูดอยู่ข้างๆ
“พ่อคะ พ่อต้องสั่งสอนเธอสักหน่อยแล้ว แค่เด็กกะโปโลคนหนึ่ง กล้ามาแตะต้องจนถึงบนหัวตระกูลบ้านเราแล้ว”
ได้ยินทั้งสามคนยุยงปลุกปั่นกันคนละคำสองคำ ในใจของหล่อนเจี้ยนกั๋วในที่สุดก็ตัดสินใจ
“เวินเที๋ยนเที๋ยนคนนี้ปล่อยให้อยู่ต่อไปแบบนี้ สักวันต้องเกิดเรื่องแน่ๆ ดูแล้วฉันต้องหาวิธีจัดการเธอแล้ว!”
พูดแล้วหันไปมองพวกเขาสามคนและพูดต่ออีกว่า: “พวกคุณไม่ต้องกังวลหรอก รอสองสามวัน จี้อานก็สามารถกลับไปทำงานได้แล้ว”
เหลียงจี้อานฟังแล้ว รู้สึกดีใจจนยิ้มและสีหน้าเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“คุณพ่อครับ ผมต้องพึ่งท่านแล้ว”
วันที่สอง
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าบริษัท ก็รู้สึกว่ารอบๆเงียบมาก พนักงานต่างพากันมองเธอตลอด อากาศเหมือนกำลังจะมีพายุฝนกระหน่ำ
เธอไม่ทันคิดอะไรมาก เดินตรงไปขึ้นลิฟท์ ไปที่ห้องสำนักงานของประธานบริษัท
เพิ่งออกจากลิฟท์ ก็เห็นผู้จัดการหยางยืนรอเธออยู่หน้าประตู
ผู้จัดการหยางสองมือกุมไว้ด้วยกัน โค้งตัวเล็กน้อย เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ
ในที่สุดก็รอลิฟท์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนมาถึงสักที ถอนหายใจลึกๆและรีบเดินมาด้านหน้า
“คุณเวินครับ ในที่สุดคุณก็มาแล้ว คณะกรรมการมารอตั้งแต่เช้าแล้ว เหมือนจะไม่มาดี”
ประโยคสุดท้าย เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาๆ
หลังจากที่เมื่อวานเวินเที๋ยนเที๋ยนไล่เหลียงจี้อานออกจากงาน เขาก็รู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ แต่ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นมาก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เพิ่งจะเลี้ยวไป ก็เห็นหน้าประตูห้องสำนักงานมีคนยืนอยู่ไม่น้อย
มองไปดูแล้ว หลายคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดคือคณะกรรมการของตระกูลหล่อน คนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เป็นผู้ช่วยของตระกูลหล่อนทั้งหมด ต่างก็มีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูงในบริษัททั้งนั้น
ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงกลางไม่ใช่ใครที่ไหน คือพ่อตาของเหลียงจี้อานนั่นเอง คนที่ถือหุ้นส่วนมากที่สุดในบริษัทตระกูลหล่อน นอกจากคุณนายหล่อน
เห็นเขาสองมือไขว้ไว้ด้านหลัง เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินมา เขาก็รีบหันตัวมามองเธอตรงๆ
“ท่านกรรมการหล่อน พวกท่านทำไมมาอยู่ที่คะ?”
หล่อนเจี้ยนกั๋วหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ไม่ไยดี ทำท่าทำทางที่แปลกๆประชดประชัน
“ก่อนหน้านั้นมีคนบอกว่า ห้องสำนักท่านประธานบริษัทมีแต่ท่านประธานถึงจะเข้ามาได้ไม่ใช่เหรอ? คนอย่างพวกเราก็ได้แค่ยืนหน้าประตู รอท่านเสด็จมาไงล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นทุกคนมากันอย่างดุดัน ไม่อยากยืดเยื้อกับพวกเขามากมาย จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา
“พวกคุณมาเพราะเรื่องของเหลียงจี้อานเหรอ?”
“ใช่ถูกต้อง ทำไมคุณต้องไล่เขาออก? ตอนนี้บริษัทกำลังอยู่ในช่วงที่สำคัญ ผู้จัดการน้อยลงหนึ่งคน คุณรู้รึเปล่าว่าจะทำให้การบริหารของบริษัทต้องลำบากมากขนาดไหน?”
พอเขาพูดจบ คนที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างก็พยักหน้าและมองมาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความขุ่นเคือง
หล่อนเจี้ยนกั๋วเป็นคนที่อำนาจมากที่สุดในบริษัท เมื่อก่อนยังมีคุณนายหล่อนคอยกดดันอยู่ แต่ตอนนี้เหลือเพียงเวินเที๋ยนเที๋ยนคนเดียว ทุกคนก็หันไปยืนข้างเขาโดยอัตโนมัติ