เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 626 เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากรู้จักชายอื่น
บทที่ 626 เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากรู้จักชายอื่น
แม้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงบนตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ผู้จัดการหยางก็ยังรู้สึกกังวลและถอนหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง
“คุณเวิน คุณไม่เคยทราบมาก่อน ว่าเงื่อนไขที่พวกเขาพูดออกมานั้น มันเกินไป ทำไม่สำเร็จแน่นอน”
ผู้จัดการหยางรีบอธิบายและพูดไม่หยุด
“หนังต้อนรับปีใหม่ของบริษัทมีรายได้สร้างเงินขนาดไหน ทุกคนต่างก็คอยดูอยู่ในสายตา ตอนนี้ตั๋วหนังยังไม่ได้รับความสนใจขนาดนั้น ไม่มีทางได้เกินห้าร้อยล้านหรอก”
“ถึงแม้จะย้อนหลังไปนับหนังที่สร้างมาหลายปี ก็ไม่มีทางสร้างผลงานที่มีรายได้มากถึงเพียงนี้ อีกทั้งรางวัลเหล่านั้นด้วย จะสร้างรายได้มากถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน? อีกทั้งยังต้องได้รางวัลตั้ง5ชิ้น! นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบริษัทด้วยซ้ำ ไม่มีทางทำสำเร็จได้หรอก!”
ผู้จัดการหยางรู้สึกเจ็บใจ
“คุณเวิน พวกเค้าคิดแล้วว่าคุณต้องแพ้แน่นอน ถึงได้ยื่นข้อเสนอท้าพนันแบบนี้ ทำไมคุณถึงหลงกลได้? ถ้าพวกเขาชนะขึ้นมาจริงๆ ผมจะรายงานคุณนายหล่อนอย่างไร?”
เขาซ้อนมือทั้งสองข้างแล้วตบบนฝ่ามือ เดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ หน้าตาเคร่งเครียด ในใจคิดอยากจะยกเลิกการพนันครั้งนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขากังวลขนาดนี้ เงยหน้าหันมามองเขา
“ตอนนี้การแข่งขันยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการเลย คุณรู้ได้ยังไงว่าเราต้องแพ้แน่นอน?”
ผู้จัดการหยางเห็นเธอยังไม่ยอมแพ้ ถอนหายใจลึกๆ
“คุณเวินครับ ผมอยู่บริษัทนี้มาสิบกว่าปีแล้ว ผ่านลมพายุผ่านฝนมาก็ไม่น้อย พวกกรรมการตระกูลหล่อนทั้งหลายในใจคิดอะไร แค่มองผมก็ดูออก คุณต้องระวังอย่าไปหลงกลนะครับ”
“ฉันไม่ได้หลงกลค่ะ แต่เอามือพายเรือให้มันไปตามน้ำ”
พูดไปด้วย เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นมาเซ็นชื่อตนเองลงไปในสัญญา
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว ฉันจะไปติดต่อด้วยตนเอง”
ผู้จัดการหยางเห็นว่าตนเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ เงียบไปสักพัก ได้แต่ยินยอมทำตาม
“คุณเวิน ผู้กำกับและนักแสดงคุณคิดไว้หรือยังว่าจะเลือกใคร?”
“ก็คิดไว้ในใจคร่าวๆแล้วล่ะ”
ถึงตอนนี้แล้ว พูดมากต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ผู้จัดการหยางจึงได้แต่พูดว่า: “หวังว่าคุณจะทำได้สำเร็จจริงๆ”
พูดจบ ยื่นมือรับสัญญาและเดินออกจากห้องทำงานไป
เมื่อสักครู่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนรับปากพวกคณะกรรมการทั้งหลายนั้น ไม่ใช่เพราะใจร้อน
ก่อนที่เธอจะมารับมือบริหารบริษัทของตระกูลหล่อน เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เริ่มตรวจสอบในระยะเวลาสิบปีมานี้บริษัทตระกูลหล่อนมีความเคลื่อนไหวของความก้าวหน้าอย่างไร
บริษัทโทรทัศน์เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความก้าวหน้าได้ดีที่สุด ถ้าเธอเริ่มบริหารบริษัท ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของวงการบันเทิง
ดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนได้วิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว
สำหรับหนังต้องรับปีใหม่ ในใจก็มีความคิดบางอย่างบ้างแล้ว ดังนั้นถึงได้ตอบตกลงข้อเสนอของพวกเขา
ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นักแสดงหรือผู้จัดการบทแสดง พวกนี้เธอได้มีคนในใจมานานแล้ว ถ้าได้รวมตัวพวกเขามาร่วมงานด้วยกัน ไม่กลัวว่าจะไม่สำเร็จ
นึกถึงเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆมีความมั่นใจมากขึ้น หรือวงการธุรกิจจะช่วยผลักดันตนเอง ทำให้รู้สึกมีความแข็งแกร่งมีกำลังใจขึ้นมาทันที
หลังจากที่จี้จิ่งเชินได้ยินเรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนและพวกหล่อนเจี้ยนกั๋วพนันกัน ก็ไม่ได้อธิบาย แต่ยักคิ้วเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเปิดดูข้อมูลเอกสารอย่างตื่นเต้น ดูท่าทางไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด กำมือทั้งสองจ้างและกุมมือเข้าด้วยกัน เหมือนชัยชนะอยู่ในมือแล้ว
ท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้จี้จิ่งเชินหลงใหลและรักมากจนไม่ยอมปล่อยมือ หัวใจเต้นตุ้บๆขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“คิดแผนการรับมือได้แล้วเหรอ?”
ท่าทางเปิดเอกสารของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดชะงัก หันไปทางเขาและพยักหน้า มือชี้คนๆหนึ่งที่เอกสาร
“ผู้กำกับคนนี้ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยได้รับรางวัลใหญ่ระดับนานาชาติ แต่ภาพยนตร์หลายเรื่องที่เขาเป็นผู้กำกับเอง ฉันเคยดูมาแล้วหลายเรื่อง มีความสามารถและฝีมือดีมาก เป็นคนที่น่าสนับสนุน ฉันอยากจะรู้จักเขามานานแล้ว…..”
“ออ? เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากรู้จักชายอื่น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างๆหู
เธอรีบหันหน้าไปดู เห็นเป็นจี้จิ่งเชินไม่รู้ว่าเขาตอนไหนมาอยู่ด้านหลังตนเองตอนไหน
ก้มตัวลงเล็กน้อย แววตามองไปที่รูปถ่ายผู้กำกับบนเอกสารนั้น
เหมือนรู้สึกถึงแววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน ในขณะเดียวกันเขาก็หันหน้ามายักคิ้วเล็กน้อย
“เขาเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
จ้องตาดำๆทั้งคู่ของเธออย่างใกล้ๆ หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเต้นเร็วตุ้บๆ
“ไม่ใช่……”
ในสายตาของจี้จิ่งเชินค่อยๆแสดงอาการยิ้มๆทีละนิดๆ แกล้งเข้าใจความหมายของเธอผิด
“ไม่อยากรู้จักเหรอ? งั้นเปลี่ยนอีกคนดีกว่า”
เขาพูดและยื่นมือไปหยิบเอาเอกสารในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนรีบก้มตัวและเอาเอกสารซ่อนไว้ที่หน้าอก
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น!”
เธอโมโหจนลืมตาโตๆ “คุณแกล้งเข้าใจความหมายของฉันผิด”
มือข้างหนึ่งของจี้จิ่งเชินยังจับอยู่ตรงมุมของเอกสาร มองดูแล้วก็เอาแต่ใจ ในขณะเดียวกันก็กำลังฟังเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอยู่ อีกทั้งยังค่อยๆเพิ่มกำลังขึ้นมาอีกนิด
“ใช่เหรอ?”
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ มือข้างหนึ่งดันเก้าอี้ด้านข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ ล้อมตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ในอ้อมอกของตนเองกับมุมโต๊ะ
ก้มหน้าและจ้องเธอ
“ร่างกายของเที๋ยนเที๋ยนเป็นของผม ความคิดก็เป็นของผม ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ก็เป็นของผม แต่ว่ากลับชื่นชมชายอีกคนต่อหน้าผม ยังบอกว่าอยากรู้จักเขา หรือทั้งหมดนี้ผมเข้าใจคุณผิดเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอะไรไม่ออก
“แต่ว่าฉันไม่ได้หมายความแบบนี้จริงๆ คุณตั้งใจแกล้งฉันชัดๆเลย…..”
เธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
รอยยิ้มในสายตาของจี้จิ่งเชินค่อยๆชัดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น เที๋ยนเที๋ยนตอนนี้ยังอยากจะไปหาผู้ชายพวกนั้นอีกไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขยับตัว อยากจะสะบัดมือของเขาออก
“ไป! ฉันยังต้องชนะพนันครั้งนี้ร่วมกับพวกเขา”
อีกทั้ง ไม่ต้องพูดถึงผู้กำกับ แม้แต่ผู้จัดการบทแสดง พนักงานในทีมก็เป็นผู้ชายหมด ถ้าถูกจี้จิ่งเชินรู้เข้า จะเป็นยังไง?
คิดๆแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบๆตา ลูกตาหมุนไปหมุนมา รีบลุกออกจากที่นั่งและหันตัวจะวิ่งออกไปด้านนอก
เพิ่งจะวิ่งได้สองก้าว มือคู่หนึ่งก็มาโอบเอวเธอไว้และดึงตัวเธอกลับมากอดไว้ที่อก
ทั้งตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกยกขึ้นมาก สองเท้าไม่แตะพื้นเลยสักนิด ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากอกของจี้จิ่งเชินได้แต่ถูกเขาโอบกอดไว้ในอก
สองมือโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้อย่างง่ายดาย ทั้งสองคนตัวติดกันแน่น ไม่มีช่องห่างเลยสักนิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากจะหนี แต่ก็ถูกจับตัวกลับมา
“คุณปล่อยมือ ปล่อยฉัน……”
เสียงที่อ่อนโยน ไม่มีความน่ากลัวเลยสักนิดเดียว
แต่กลับเหมือนแมวน้อยที่ขนฟูทั้งตัว น่ารักจนจี้จิ่งเชินรู้สึกใจอึดอัดใจ
ทำไมเขาจะไม่รู้ความคิดในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน?
ยื่นมือไปคว้าเอกสารบนมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนมาได้ โอบเอวเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยมือเดียวและยื่นตัวเธอไปอีกข้าง
ส่วนอีกมือหนึ่งก็เปิดเอกสารที่อยู่ในมือ เปิดไปไม่กี่หน้าก็ขมวดคิ้วขึ้น
สักพักหนึ่ง ค่อยปิดเอกสารนั้นและโยนไปบนโต๊ะเสียงดังเปี๊ยะ
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจกับท่าทางของเขา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาของจี้จิ่งเชิน
รู้ว่าเขาสังเกตเห็นแล้ว จึงหัวเราะเหอะๆอย่างเกร็งๆ
“นี่เป็นแค่ความบังเอิญ……”
คำอธิบายนี้ฟังไม่ขึ้น
“ใช่เหรอ?”
จี้จิ่งเชินย้อนถามกลับหนึ่งคำ