เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 633 สิ่งที่ผูกมัดเธอไว้ไม่ใช่เชือก แต่เป็นความรัก
- Home
- เมียหวานของประธานเย็นชา
- บทที่ 633 สิ่งที่ผูกมัดเธอไว้ไม่ใช่เชือก แต่เป็นความรัก
บทที่ 633 สิ่งที่ผูกมัดเธอไว้ไม่ใช่เชือก แต่เป็นความรัก
“นี่เป็นแผนงานทั้งหมดของฉัน หวังว่าคุณจะอ่าน ฉันไม่ได้บังคับคุณ ถ้าคุณสนใจแล้วละก็…..”
พูดยังไม่ทันจบ เฉินชุนอยู่ ๆ ก็ยื่นมือมาดึงข้อมูลในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน โดยไม่ข้างหลังโดยไม่ได้ดูเลย
“ฉันเกลียดที่สุดก็คือหน้าเธอ! เสแสร้ง! ยังจะพูดอีกว่าไม่ใช่เพื่อเงิน? เธอกล้าพูดหรือเปล่าว่าไม่ใช่เพื่อแย่งชิงตำแหน่งประธานธุรกิจของบริษัทหล่อนซื่อ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้าปากจะพูด แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“ทุกคนรู้หมด ไม่ต้องแสดงแล้ว ยังยืนยันคำเดิม ฉันไม่ไป!”
พูดจบ เขาไม่ได้สนใจสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินอยู่แล้ว หมุนตัวเดินเข้าวิลล่าไป ปิดประตูเสียงดังปัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ที่เดิม เอกสารข้อมูลกระจายเต็มพื้น
เธอก้มหน้าลง สายตาแสดงออกถึงความผิดหวัง
แต่จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้าง ๆ แววตาเย็นเยือก เห็นท่าทางเธอเหงาหงอยของเธอ อยากพุ่งเข้าไปข้างในซะเดี๋ยวนี้ แล้วลากเฉินชุนที่อยู่ข้างในออกมาสั่งสอนแบบรุนแรงสักครั้ง
สองมือข้างตัวเขากำหมัดแน่น หลังจากนั้นไม่นานถึงค่อย ๆ คลายออก กดความโกรธในใจที่ไม่มีสิ้นสุดลง
เดินไปข้างหน้า กุมมือเวินเที๋ยนเที๋ยน สิบนิ้วประสานกัน
ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำพูดปลอบใจ แต่ทุกอย่างที่อยากจะพูดนั้นได้ส่งถึงกลางใจเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
“เรา…..”
เหมือนกับว่าเดาสิ่งที่จี้จิ่งเชินอยากจะพูดได้
“ฉันยังอยากรออีกสักพัก…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสูดลมหายใจเข้า เมื่อหันไป แววตาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่อีกครั้ง
เฉินชุนคือผู้กำกับที่เธอเลือก อีกอย่างในเวลาเดียวกันเฉินชุนก็เป็นคนที่เหมาะสมกับบทและโปรเจกต์นี้ที่สุด จะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้
ขณะที่คิด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินไปที่หน้าประตูวิลล่าอีกครั้ง กดกริ่งประตู
ผ่านไปห้านาทีเต็ม คนที่อยู่ด้านในเหลืออด ในที่สุดจึงเปิดประตู
ผู้กำกับเฉินชุนยืนอยู่ข้างในด้วยสีหน้าไม่น่าดู ทันทีที่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินทั้งสองคนที่ยืนอยู่นอกประตูในตอนนี้
ยิ่งพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“พวกเธอคิดจะอยู่ถึงเมื่อไหร่? ฉันบอกพวกเธอกี่รอบแล้ว? ฉันไม่รับ! รีบไสหัวไป! ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกยามแล้ว!”
จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างหลังใบหน้าเย็นชา ราวกับน้ำแข็งและหิมะในฤดูหนาว
เขากำลังจะเดินไปข้างหน้า กลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนรีบร้อยดึงไว้
“ผู้กำกับเฉิน โปรดดูแผนงานของฉัน โครงร่างของภาพยนตร์ได้สรุปเรียบร้อยแล้ว”
เธอยื่นเอกสารข้อมูลในมือส่งไป
เฉินชุนเห็นท่าทางยืนกรานไม่ยอมแพ้ของเธอ ก็กังวลว่าถ้าตัวเองไม่ยอม เธอจะก่อความวุ่นวายให้ตัวเอง จึงรับมาอย่างไม่เต็มใจ
ขมวดคิ้ว ไม่ดูก็ไม่ดู โยนไว้ที่ชั้นวางรองเท้าที่อยู่ข้าง ๆ
“เสร็จแล้ว ตอนนี้เธอจะไปได้หรือยัง?”
เห็นได้ชัดว่าทำอย่างขอไปที ข้อมูลฉบับนั้นวางไว้ตรงนั้น เขาจะไม่กลับมาดูอีกอยู่แล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองความคิดเขาออก ยังอยากพูดโน้มน้าวอีกครั้ง
แต่กำลังจะอ้าปาก อีกฝ่ายก็ปิดประตูเสียงดังปัง เสียงฉุนเฉียวดังลอดผ่านประตูมา
“ถ้าฉันได้ยินเสียงเคาะประตูจากพวกเธออีก ฉันจะแจ้งความ!”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยกมือขึ้นก็ลดมือลง มองไปที่ประตูไม่ยอมไปไหน
บางทีผู้กำกับเฉินชุนอาจจะดูสัญญาและแผนงานของเธอจริง ๆ แล้วเปลี่ยนใจ ตกลงทำงานกับพวกเขาล่ะ?
จี้จิ่งเชินแค่มองก็มองการแสดงปาหี่ของเฉินชุนออก สุดท้ายแล้วเขาจะดูหรือไม่ดูข้อมูลฉบับนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ
แต่เขาไม่ได้ดับความแน่วแน่ของเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ยืนเคียงข้างเธอเสมอ
จากตอนบ่าย รอจนท้องฟ้าค่อยมือมืดลง คนที่อยู่ข้างในก็ไม่ได้ออกมาอีก และก็ไม่มีการตอบรับใด ๆ
ความหวังในใจเวินเที๋ยนเที๋ยนลดลงเรื่อย ๆ ตามพระอาทิตย์ตก
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ในที่สุดก็เอ่ย: “พวกเราไปกันเถอะ”
ทันทีที่หันกลับมา ก็พบจี้จิ่งเชินที่แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่มองเธออยู่ตลอด
ความหนาวเย็นในใจเมื่อสักครู่ถูกกระแสไออุ่นไหลเข้ามาแทนในชั่วพริบตา
จี้จิ่งเชินคิดว่าเธอยอมแพ้แล้ว จึงไม่อยากถามเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“พวกเรากลับไปทานข้าวกันก่อน พรุ่งนี้ฉันค่อยมาอีก”
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเกลี้ยกล่อมผู้กำกับหัวแข็งพวกนี้ได้ในวันเดียวอยู่แล้ว
ได้ยินดังนั้น ก็ปรากฏริ้วรอยเล็กน้อยขึ้นระหว่างคิ้วของจี้จิ่งเชิน ไม่ถึงวินาทีก็หายไปแล้ว
“พรุ่งนี้ผมมีงาน”
โครงการเสนอราคาของบริษัทเอ็มไปกรุ้ปก่อนหน้านี้ยังไม่เสร็จ แม้ว่าเรื่องจะเดินไปเยอะแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้เป็นเวลานาน ต้องคอยควบคุมเร่งรัดอยู่เสมอ
วันนี้เขาเสร็จงานก่อนเวลา ถึงสามารถออกมากับเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ พรุ่งนี้ก็ไม่มีเวลาแล้ว
อีกอย่าง เห็นท่าทีของเฉินชุนแล้ว เขาไม่วางใจให้เวินเที๋ยนเที๋ยนมาคนเดียวเลยสักนิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไร ฉันมาคนเดียวก็ได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
พูดแล้ว ก็ยกมุมปากขึ้น ฝืนยิ้มบางให้จี้จิ่งเชินวางใจ
ในขณะที่ดึงให้เขาเดินออกไปก็เอ่ยไปด้วย: “ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันจะไม่มีเรื่องอะไร คุณวางใจรอข่าวดีจากฉันเถอะ”
จี้จิ่งเชินยังอยากห้ามปราม แต่เห็นท่าทางแน่ใจของเธอแล้วก็ได้แต่ยอมเห็นด้วย
เขาถอนหายใจ ยกมือขึ้นเอาผมข้างๆ ใบหูของเธอทัดไปข้างหลังอย่างเบามือ มองเข้าไปในตาเธอ
ใครก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้เขาเจ็บปวดแค่ไหน
เขาอยากให้เที๋ยนเที๋ยนสนุกกับความสวยงามทั้งหมดบนโลกใบนี้
อยากยกทั้งหมดของเขาให้เธอ
เห็นเที๋ยนเที๋ยนพบเจออุปสรรคทุกวัน เห็นความผิดหวังที่แสดงออกบนใบหน้าของเธอ ในใจจี้จิ่งเชินก็ร้อนรนจนพรั่งพรูออกมา
เขาต้องการปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ แม้ว่าจะต้องแยกออกจากสังคมก็ไม่เป็นไร อยากให้ความเศร้าและความเจ็บปวดทั้งหมดไปให้ไกลจากเธอ
อยากทำให้รอยย่นบนหน้าผากเธอเรียนเนียน อยากทำให้รอยยิ้มเธอสดใสขึ้น
ทุกครั้ง ใจของเขาทุกข์ทรมาน
ความคิดที่จะปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ยิ่งรุนแรงขึ้น ทำได้แค่สูดลมหายใจลึก ถึงจะกดอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้กลับลงไปได้
เพราะเขารู้ เที๋ยนเที๋ยนไม่ชอบ
เพราะไม่ชอบ ดังนั้นเขาเลยควบคุมอารมณ์อย่างสุดชีวิต
เขาเคยลองแล้วครั้งหนึ่ง เขารู้ผลที่จะตาม
ถอดปีกของนางฟ้า หยิบพู่กันของจิตรกรไป มองแววตาไร้ชีวิตชีวาไปทีละนิด ไม่มีความเจ็บปวดไหนเทียบได้กับประสบการณ์นี้
ดังนั้นเขายอมที่จะอดทน เขายอมที่จะปล่อยมือ
เขาช่วยใส่ปีกให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง สิ่งที่ผูกมัดเธอไว้ไม่ใช่เชือก แต่เป็นความรัก
แม้ว่าเป็นเช่นนี้จะทำให้เขาเจ็บปวด แต่ตราบใดที่แลกกับรอยยิ้มของเที๋ยนเที๋ยน เข้าก็เต็มใจทั้งนั้น
ตอนนี้มองนัยน์ตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดถึงจะกดอารมณ์ชั่ววูบในใจลงไปได้
“ถ้าเจอเรื่องลำบากอะไร ต้องบอกผม ผมจ่ายเงินนั้นให้ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนทันที ใบหน้าก็ค่อย ๆ แดงขึ้น
หมอกควันที่ปกคลุมอยู่ในใจสลายหายไปทันที
เธอพยักหน้าเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินยิ้มจาง ๆ ก้าวขึ้นมาจูบมุมปากเธอ หลับตาลงเล็กน้อย บดบังสิ่งที่อยู่ลึกลงไปข้างในตานัยน์ตา
เขายอมปล่อยมือ แต่ไม่ได้ยอมให้ใครก็ได้มารังแกเวินเที๋ยนเที๋ยน
คริสทัลในมือที่เขาคอยดูแลเป็นพิเศษ เขายังทำใจไม่ได้ที่จะสัมผัส คนอื่นทำได้อย่างไร?
อารมณ์ในดวงตาของเขาก็ถูกกดกลับลงไปแล้วไปพริบตา กุมมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น แล้วพากันเดินออกไป