เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 637 ค่อยเป็น ค่อยไป
บทที่ 637 ค่อยเป็น ค่อยไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนมั่นใจมาก
“บทละครนี้ฉันเลือกอยู่นานมาก มันสร้างสรรค์มาเพื่อคุณ ฉันหวังว่าคุณจะพิจารณาอย่างรอบคอบ”
เธอยืนกรานคำเชื้อเชิญ แต่หมินอันเกอไม่ได้ตกลง แต่จมดิ่งครุ่นคิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่อยากบีบคั้นเขา น้ำเสียงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“คุณสามารถพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้ยังมีงานเบื้องต้นอีกมากที่ต้องเตรียม หลังจากคิดดีแล้วค่อยตอบฉัน โอเคไหม?”
พูดเสร็จ เธอก็ยื่นแผนงานและบทในมือส่งไป
หมินอันเกอลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายก็รับไป
ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูวิลล่าอย่างไม่รู้ตัว
วิลล่าสีขาวซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ ไม่ถือว่าใหญ่ แต่ชนะเรื่องความสวยงามและเป็นส่วนตัว
ทันทีที่หมินอันเกอผลักเปิดประตู หลวนจื่อที่รออยู่แล้วในห้องรับแขกกระโดดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น รีบเดินมาหาเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เที๋ยนเที๋ยน! ในที่สุดเธอก็มา ฉันคิดถึงเธอมากเลย!”
เพราะเรื่องของหมินอันเกอและหลวนจื่อนั้นดังมาก แม้หลังจากเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งสองคนแล้ว ก็ยังมีแฟนคลับและปาปารัสซี่จำนวนมากอยากขุดคุ้ยในข่าวนี้ คอยติดามคนที่ทั้งสองคนรู้จักไม่หยุด
ในช่วงนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มีนักข่าวคอยตามอยู่ไม่น้อย เพื่อที่จะไม่เปิดโปงร่องรอยของทั้งสองคน เธอเลยไม่มาที่นี่
แม้ว่าช่วงนี้หมินอันเกอจะอยู่ที่วิลล่าตลอด แต่เพราะสถนะที่เปลี่ยนไปของทั้งสอง ไม่ต้องพูดอะไรแค่มองก็เข้าใจได้ บ่อยครั้งที่ไม่สามารถพบเจอกันได้เหมือนเมื่อก่อน
หลวนจื่อพักอยู่ที่นี่ เงียบเหงาอยู่บ้าง ไม่ง่ายเลยกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะแวะมา ดีใจแน่นอน
ผ่านไปหลายสิบเดือน หน้าท้องของหลวนจื่อนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อดีใจจนวิ่งมากระโดดกอดทำเอาเวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ
แม้กระทั่งหมินอันเกอที่อยู่ข้าง ๆ ยังกลั้นหายใจอย่างประหม่า แต่ไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าเธอจะตกใจ ทำให้หลวนจื่อสะดุดล้มจริง ๆ
รอหลวนจื่อมาถึงตรงหน้า เขาถึงรีบเดินเข้าไป สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“ให้คุณระวังหน่อย อย่ากระโดดโลดเต้น ถ้าคุณเผลอล้มลงบาดเจ็บ จะทำอย่างไร?”
หลวนจื่อแลบลิ้น แล้วเข้าไปดึงเวินเที๋ยนเที๋ยน น้ำเสียงติดน่ารัก
“เพราะฉันไม่ได้เจอเที๋ยนเที๋ยนนานแล้ว ไปกัน พวกเราเข้าไปคุยกันข้างใน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ส่งของเล่นแก้เบื่อเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นำมาด้วยให้เธอ ทั้งสองคนพากันเดินเข้าไปข้างใน
หมินอันเกอจัดการนำของที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเอามาให้เก็บ มองบทละครในมือ ลังเลอยู่วินาทีหนึ่ง สุดท้ายก็วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ
แล้วหมุนตัวเดินจากไป
อีกฟากหนึ่ง หลวนจื่อลากเวินเที๋ยนเที๋ยนมานั่งในห้องรับแขกพูดเจื้อยแจ้วกัน
ราวกับว่าหลายวันมานี้อึดอัดมาก ได้เจอเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เลยพูดไม่หยุด มือไม้ออกท่าออกทาง
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังเธอพูดอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ
มองออกได้ว่า แม้ว่าอยู่ร่วมกับหมินอันเกอจะน่าเบื่อน่ารำคาญไปหน่อย แต่หลวนจื่อนั้นอยู่อย่างมีความสุข เทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกเหยาเย้นส่งไปท่าทางราวกับเป็นคนละคน
หมินอันเกอให้ความสุขและความพึงพอใจกระทั่งอยู่เหนืออิสรภาพ
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดพลางเอ่ยถาม “แล้วพ่อแม่เธอล่ะ? เธอคุยกับพวกเขาแล้วหรือยัง?”
ได้ยินแบบนั้น หลวนจื่อก้มหน้าลง มองปลายเท้าของตัวเอง แล้วพยักหน้า
“คุยแล้ว ตอนแรกพวกเขาไม่เห็นด้วย แต่ฉันพูดโน้มน้าวพวกเขาให้ฉันได้อยู่ที่นี่ต่อ ยังดีที่พวกเขาไม่ได้ตำหนิหมินอันเกอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามการเคลื่อนไหวของเธอ
“แล้วเรื่องต่อจากนี้เธอคิดดีแล้วใช่ไหม?”
แววตาหลวนจื่อสับสน เงยหน้ามองขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอีกครั้ง: “เธอกับหมินอันเกอหลังจากนี้จะแต่งงานไหม?”
หลวนจื่อมองเธอสักพัก ในที่สุดจึงตอบกลับมา ส่ายหน้า ความเศร้าพรั่งพรูผ่านดวงตา
“ฉันไม่รู้”
นิ้วของเธอพันกันยุ่ง ราวกับจมอยู่ในความสับสน
เธอชอบหมินอันเกอ อยากให้หมินอันเกออยู่ข้างเธอ แน่นอนว่ารอคอยอยากแต่งงานกับเขา
แต่หลวนจื่อรู้ดี หมินอันเกออยู่บนเวที
แล้วเธอยังรู้อย่างแจ่มแจ้ง หมินอันเกอยอมรับเธอตอนนี้ ยอมอยู่ด้วยกันกับเธอ ไม่ใช่เพราะรักเธอ แต่เพราะลูกที่อยู่ในท้อง
ความรู้สึกทำให้เธออยากรั้งหมินอันเกอไว้อย่างถึงที่สุด แต่เหตุผลกับบอกเธอว่า ไม่สามารถเห็นแก่ตัว ใช้ลูกมาช่วยเธออย่างน่ารังเกียจ
ความรู้สึกทั้งสองอย่างในใจกลับไปกลับมา ทำให้เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อไป
เห็นสายตางงงวยของเวินเที๋ยนเที๋ยน หลวนจื่อยิ้มบาง ๆ
“ฉันไม่รู้จริง ๆ ตอนนี้ทำได้แค่ค่อย ๆ คิดไป”
พูดจบ เธอก็หัวเราะออกมา ฝืนทำเป็นสดใสมีชีวิตชีวา
“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ฉันปลูกดอกไม้ไว้หลังวิลล่า ยังไม่มีคนมาดูเลย เดิมตั้งใจถ่ายรูปให้เธอดู ตอนนี้พาเธอไปดูที่ข้างหลังได้พอดีเลย”
ทั้งสองคนกำลังจะออกไปข้างนอก หมินอันเกอโผล่หัวออกมาจากห้องครัว
“อย่าอยู่ข้างนอกนาน อากาศเย็นแล้ว ใส่เสื้อคลุมด้วย”
เขาพูดพลางเดินออกมา ในมือถือเสื้อตัวหนึ่งอยู่
หลวนจื่อพยักหน้า สวมเสื้อคลุมตัวบางจากมือของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองการกระทำของทั้งสองคน
แม้หลวนจื่อไม่ได้มองสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในแง่ดี แต่ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนมองว่า สถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิด
ไม่ใช่ว่าหมินอันเกอจะไม่มีความรู้สึกต่อหลวนจื่อ บางทีพวกเขาทั้งคู่อาจจะไม่สังเกตเห็นจุดนี้
แค่ยืนอยู่ด้วยกันแบบนี้ ทั้งสองคนก็รู้สัญญาณกันอย่างที่คนข้าง ๆ ไม่มีทางเข้าใจได้
หลวนจื่อใส่เสื้อเรียบร้อยแล้ว ดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมาข้างนอกด้วยกัน
พื้นที่วิลล่านั้นกว้างขวาง แต่ในนี้กลับมีวิลล่าอยู่ไม่เยอะ
วิลล่าแต่ละหลังนอกจากวิลล่าของตนเองแล้ว ยังมีสวนดอกไม้และป่า ดอกไม้ที่หลวนจื่อปลูกนั้นก็อยู่ที่สวนดอกไม้
ใส่ใจดูแลมาหลายเดือน ดอกไม้บานแล้วไม่น้อย สั่นไหวไปตามแรงลม
หลวนจื่อประคองดอกพุดซ้อนไว้ในสองมือแนะนำให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
ดอกพุดซ้อนสีขาวกำลังบาน ส่งกลิ่นหอมสดชื่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนทนไม่ไหวเข้ามาสัมผัสดู
ในตอนนั้นเอง อยู่ ๆ หลวนจื่อก็พูดขึ้นมา
“เธอมาครั้งนี้ มาหาหมินอันเกอเพื่อถ่ายภาพยนตร์?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับหลวนจื่อมาก่อน ไม่คิดว่าเธอจะพูดถึง
หลวนจื่อยิ้มเจื่อนเล็กน้อย
“เมื่อกี้ตอนพวกเธอกลับมา ฉันเห็นในมือหมินอันเกอถือบทละครอยู่ ช่วงนี้ เขาไม่มีงานมานานแล้ว น่าจะเป็นของเธอที่ส่งให้เขา?”
น้ำเสียงของเธอติดลังเล ถามอย่างเป็นห่วง:”ช่วงนี้มีตนชวนเขาถ่ายหนังภาพยนตร์ไหม?”
หลวนจื่อรู้ว่าเรื่องแบบนี้ส่งผลต่ออาชีพของหมินอันเกอ ดังนั้นตอนนั้นที่จัดงานแถลงข่าว จึงเอาความผิดทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเธอเอง
แต่คิดไม่ถึงว่า หมินอันเกอจะปรากฏตัวตอนท้ายงาน
หลวนจื่อเองก็ถือว่าเป็นเกือบเป็นคนในวงการ ตามที่เธอคาดการณ์ หลังจากหมินอันเกอสิ้นสุดสัญญากับบริษัทแล้ว ดาวจรัสแสงก็มืดลง ไม่มีผลลัพธ์อย่างอื่นอีก
เมื่อถูกเธอจับได้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ปิดบังอะไรอีก
“บทฉบับนั้นฉันให้เขาเอง ช่วงนี้บริษัทหล่อนซื่อกำลังจัดเตรียมภาพยนตร์ปีใหม่”