เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 648 เธอคือคนที่ล่อลวงเขา
บทที่ 648 เธอคือคนที่ล่อลวงเขา
ในสถานที่ถ่ายทำ ทีมงานแทบจะทุกคนที่หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างในมือลงโดยไม่ได้นัดแนะกันเอาไว้ ต่างก็จ้องมองดูหมินอันเกอที่กำลังเข้าสู่บทบาทกันอย่างตาไม่กระพริบ
ตรงหน้าคือหลักฐานอุปกรณ์ติดตั้งอย่างง่ายๆที่ถูกจัดขึ้น เต็มไปด้วยความเป็นสไตล์สมัยสาธารณรัฐ
ณ ลานกว้างมีศพที่ร่างเป็นลายพร้อยนอนอยู่สองสามศพ หมินอันเกอคุกเข่าลงอยู่ตรงกลาง
เขาก้มหน้าลง ผมยาวปรกหน้าลงมาบดบังดวงตาของเขา ทำให้มองไม่เห็นอาการที่แสดงออกมา แต่กลับสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความเจ็บปวดที่ตลบอบอวลที่อยู่รอบๆร่างกายของเขา ราวกับว่าแม้แต่อากาศก็จะแข็งตัวตามไปด้วยเช่นกัน
มองดูจากทางไกลๆนี้ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของเขา ความรู้สึกก็หน่วงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ราวกับเสียงครวญครางทุ้มต่ำของสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังเอาไว้ค่อยๆดังขึ้น หมินอันเกอค่อยโค้งตัวลงช้าๆ สองมือปิดเอาไว้บนใบหน้า
การเคลื่อนไหวดูเป็นไปตามอารมณ์ แต่ด้านหลังมือของเขานั้นมีเส้นเลือดโผล่ขึ้นมาอย่างชัดเจน อารมณ์ของความเจ็บปวดได้เกาะกินเข้าไปในใจของทุกคน
ผู้กำกับเฉินอดที่จะกำบทที่ม้วนอยู่ในมือแน่นขึ้นมาไม่ได้ ยืนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้การพัฒนาของหมินอันเกอจะทำให้เขารู้สึกเซอร์ไพรส์ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หมินอันเกอจะสามารถแสดงฉากนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ แม้กระทั่งเกินความความหมายที่เขาตั้งไว้เสียด้วยซ้ำ!
ทั้งฉากไม่ได้มีบทพูด มีเพียงเสียงครวญครางที่ดังขึ้นมาเล็กน้อยเพียงเท่านั้น
หมินอันเกอคุกเข่าลงบนพื้น ใช้การกระทำและแววตาแสดงอารมณ์ของฉากนี้ออกมาจนเสร็จสิ้น
หลังจากนั้นพักหนึ่ง เขาถึงได้ลุกขึ้นยืน แล้วเงยหน้าขึ้นมา
เวลานี้เอง คนอื่นๆได้เห็นดวงตาของเขา
นั่นคือดวงตาแห่งความเด็ดเดี่ยวหนักแน่น และยังมีน้ำใสๆจางๆ ที่แดงขึ้นมาเล็กน้อย แต่เป็นดวงตาที่มีความมุ่งมั่นและเด็ดขาด ทำให้รู้สึกประทับใจยิ่งนัก
เขาหันหน้ากลับมามองกล้อง และทันใดนั้นเองก็มองเห็นความรู้สึกภายในใจของทุกคน
หยุดค้างไปหนึ่งวินาที หมินอันเกอไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา แล้วหันหลังกลับไป ทิ้งไว้เพียงแค่แผ่นหลังที่ตั้งตรงด้วยความเด็ดเดี่ยวและ หัวใจที่กำลังหวั่นไหวเพียงเท่านั้น
จนกระทั่งการถ่ายทำทั้งฉากนี้เสร็จสิ้นลง ทุกคนก็ยังคงไม่ตื่นจากความรู้สึกหวั่นไหวเมื่อครู่นี้
สถานที่ถ่ายทำเงียบสนิท ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรออกมา แม้แต่ลมหายใจก็อดที่จะปล่อยออกมาเบาๆไม่ได้ กลัวว่าจะเป็นการรบกวนบรรยากาศในเวลานี้เข้า
เงียบ
เงียบ
จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นมา แล้วตบมือเบาๆ ถึงได้ทำให้ทุกคนตกใจตื่นจากภวังค์ขึ้นมาในทันที
ดังนั้นทุกคนจึงดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วมองไปยังหมินอันเกอในเวลานี้ด้วยความตื่นเต้น
และวินาทีต่อมานั้น เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้น!
เวลานี้ นอกจากการพยายามปรบมือให้กำลังใจกันอย่างสุดพลังเช่นนี้แล้ว ก็คงจะไม่มีการกระทำไหนที่จะสามารถแสดงออกถึงความตื่นเต้นและความตกตะลึงในหัวใจของพวกเขาในเวลานี้ได้อีกแล้ว
จนการถ่ายทำสิ้นสุดลงแล้ว ความเจ็บปวดและความเด็ดเดี่ยวที่อยู่เต็มร่างกายของหมินอันเกอนั้นก็ค่อยๆจางหายไป
เขาหันกลับมา แล้วโค้งตัวลงเล็กน้อยให้กับทุกคนด้วยความถ่อมตน
“ได้ไหมครับ? ผู้กำกับเฉิน”
เฉินชุนที่อยากจะพูดอะไรเสียหน่อย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะบรรยายออกมาอย่างไรดี จึงเพียงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
“สมบูรณ์แบบมาก!”
เดิมทีเขาเตรียมที่จะถ่ายทำฉากนี้ซ้ำๆเป็นสิบครั้งเอาไว้แล้ว หรือแม้กระทั่งจัดเตรียมเอาไว้เป็นหลายสิบครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงครั้งเดียวก็จะประสบความสำเร็จเลยเช่นนี้ อีกทั้งยังเกินความคาดหมายของเขาไปเสียอีก เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!
ได้รับการยอมรับ ใบหน้าของหมินอันเกอถึงได้ปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมาเล็กน้อย รู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
กวาดสายตาไปก็เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนและหลวนจื่อที่ยืนอยู่นอกเหนือจากกลุ่มคนเหล่านั้น จึงเดินเข้าไปหา
“ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ รอผมแป๊ปนึงนะครับ”
ดวงตาของหลวนจื่อนั้นเป็นประกายระยิบระยับ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหมินอันเกอถ่ายละคร ให้ความรู้สึกตกตะลึงอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้เลยจริงๆ
เวลานี้ เธอมั่นใจแล้วว่าการตัดสินใจที่จะให้หมินอันเกอกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้งนั้นถูกต้องแล้ว เนื่องจากพื้นที่หน้าจอใหญ่ๆนี้เป็นของบุคคลนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เธอพยักหน้าลงด้วยความตื่นเต้น และยังอดที่จะเอ่ยพูดขึ้นมาไม่ได้ : “คุณแสดงได้ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยเห็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อนเลย!”
ได้ยินแล้ว ดวงตาที่สงบนิ่งของหมินอันเกอค่อยๆมีความรู้สึกขึ้นมาบ้าง เป็นความรู้สึกดีใจนั่นเอง
“เดี๋ยวผมกลับมานะครับ”
พูดจบแล้ว เขาก็รีบเดินไปทางห้องแต่งหน้า เพื่อเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาเธอออกไป
หลวนจื่อมองตามเขาที่เดินออกไป จนกระทั่งหายลับไปจากสายตา
“ไม่ต้องมองแล้วล่ะค่ะ เขาไม่หนีไปหรอก” เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะหยอกล้อขึ้นมาไม่ได้
หลวนจื่อหน้าแดง แล้วจึงละสายตาออกมาในที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเตรียมจะเอ่ยพูดออกมานั้น ก็มีผู้ช่วยสองสามคนเดินเข้ามาเสียก่อน
วันนี้การถ่ายทำเสร็จสิ้นก่อนเวลา เวินเที๋ยนเที๋ยนยังต้องตรวจสอบฉากที่ถ่ายทำเสร็จกับผู้กำกับอีกด้วย หากมีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง จึงจำเป็นต้องตรวจสอบกันใหม่อีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนดูตารางงานในมือ ใจคิดว่าหมินอันเกอคงจะใช้เวลาในการเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน
“หลวนจื่อ คุณรอที่นี่สักครู่นะคะ เดี๋ยวหมินอันเกอคงจะมาแล้ว ฉันมีงานต้องไปทำต่อ……”
หลวนจื่อพยักหน้าลงอย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปทำงานเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวฉันรอเขาอยู่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงพยักหน้าลง แต่กลับยังคงไม่วางใจ
“ถ้ามีเรื่องอะไร ให้พวกเขามาหาฉันที่ออฟฟิศได้เลยนะคะ”
“รู้แล้วล่ะค่ะ” หลวนจื่อดึงเธอให้หันกลับไป แล้วดันตัวเธอให้เดินไป พลางเอ่ยเร่ง : “คุณรีบไปเถอะค่ะ ฉันโตขนาดนี้แล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้กัน?”
รอจนเวินเที๋ยนเที๋ยนไปแล้ว เธอถึงได้หาเก้าอี้นั่งรอหมินอันเกอกลับมาหาอย่างเงียบๆ
สภาพแวดล้อมในกองถ่ายกับที่เธอเคยเห็นในทีวีเมื่อก่อนนั้นแตกต่างกันไปอยู่บ้าง หลังจากที่มีการต่อเติมง่ายๆแล้ว ในระยะต่อมานั้นก็ยังต้องผ่านการจัดการที่ยุ่งยากอีกด้วย ถึงจะได้บรรลุประสิทธิผลแสดงขึ้นบนจอภาพได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองด้วยใบหน้าที่รู้สึกแปลกไป ทั้งกองถ่ายนี้คนจำนวนมากขนาดนี้ร่วมแรงร่วมใจกัน โดยใช้เวลานานถึงจะทำให้ภาพยนตร์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
“เธอคือผู้หญิงที่ล่อลวงหมินอันเกอสินะ?”
ขณะที่กำลังมองดูอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงที่ดูโมโหเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
หลวนจื่อได้ยินประโยคนี้ ยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองในตอนแรก
แต่ผ่านไปไม่กี่วินาทีนั้น ถึงได้หันไปมองตามทิศทางของเสียงนั้น เห็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะวัยเดียวกันกับเธอยืนอยู่ทางด้านหลังไม่ไกลจากเธอนัก
ตรงคอของผู้หญิงคนนั้นแขวนป้ายทีมงานเอาไว้ จ้องมองเธอด้วยใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจออกมา
ตั้งแต่เรื่องของหลวนจื่อกับหมินอันเกอเปิดเผยออกมานั้น เธอเองก็เคยได้อ่านคำวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตอยู่เช่นกัน
แฟนคลับที่คลั่งไคล้หมินอันเกอจำนวนไม่น้อยที่เห็นเธอเป็นผู้หญิงที่มายั่วยวนหมินอันเกอ และพากันด่ากระทบเธอในอินเตอร์เน็ตไม่หยุด
หลังจากที่หลวนจื่อเห็นแล้วนั้น ก็จะปิดหน้าอินเตอร์เน็ตนั้นลงไปเลย และต่อมาเธอเองก็เข้าอินเตอร์เน็ตน้อยมากเช่นกัน
ตอนนี้ได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก อารมณ์ของเธอนั้นก็รู้สึกตกต่ำลง
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับไป
แต่ทางฝ่ายนั้นกลับไม่คิดจะยอมปล่อยเธอไปแบบนี้ เดินตัวตรงเข้ามาหาเธอ
“เธอคือหลวนจื่อ?”
“เธอล่อลวงหมินอันเกอยังไม่พอ ยังคิดจะใช้เด็กมาผูกมัดเขาไว้อีกหรือ?”
ว่าแล้ว สายตาของเธอก็มองไปยังท้องของหลวนจื่อ แววตาแสดงออกถึงความโหดร้ายออกมา
“ฉันว่าเด็กนี่ก็คงไม่ใช่ลูกของหมินอันเกอหรอกใช่ไหม? เธอหลอกเขา!”
“น่ารังเกียจ! ทำไมเธอต้องทำแบบนี้?”
“เธอนี่มันเป็นผู้หญิงสารเลว!”
เธอด่าว่าออกมาพลางพุ่งเข้ามาหาด้วยความบ้าบิ่น
หลวนจื่อตกใจเสียจนก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
“เธอจะทำอะไรน่ะ?”
ไม่นานทางฝ่ายนั้นก็พุ่งเข้ามา แล้วจับมือของหลวนจื่อเอาไว้
“เป็นเธอที่ทำร้ายหมินอันเกอ!”
หลวนจื่อขมวดคิ้วพลางดิ้นไม่หยุด
“หยุดนะ! อย่าเข้ามา!”
ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคนนั้นไม่นานก็ได้ดึงดูดสายตาจากคนจำนวนไม่น้อย ทีมงานมองมาทางนี้แล้ว ก็พบว่าผู้หญิงคนนี้ที่ลงมืออยู่ตรงหน้านั้น เดิมทีแล้วเป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้หมินอันเกอนั่นเอง