เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 682 หนึ่งจูบแลกหนึ่งคำตอบ
บทที่ 682 หนึ่งจูบแลกหนึ่งคำตอบ
มองคนตรงหน้า เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงพยักหน้าลง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนกลับไปกันก่อนนะคะ ต่อไปฉันจะเป็นคนดูแลบริหารบริษัทเอง ขอให้ทุกคนวางใจได้ค่ะ”
“แน่นอนครับ มอบให้คุณหล่อน พวกเราวางใจอยู่แล้ว”
พูดจบแล้ว ก็หันกลับออกจากบริษัทไป ไม่กล้าจะอยู่ต่ออีกเลยแม้แต่ครู่เดียว กลัวว่าจู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนจะตามตัวพวกเขากลับมาอีกแล้วคิดบัญชีกับพวกเขาทีหลัง
ในขณะเดียวกันเวลานี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องประชุมก็ได้ถูกเผยแพร่เข้าสู่หูของพนักงานทุกๆคนด้วยเช่นกัน
ทุกคนล้วนแต่เห็นตำรวจเดินมาจากทางด้านนอกกับตาตัวเอง หลังจากที่ไปหยุดอยู่ในออฟฟิศชั้นบนสุดนั้นพักหนึ่งแล้ว ก็พาประธานหล่อนออกจากบริษัทไป
ก่อนจะออกไปนั้น ที่มือของประธานหล่อนนั้นมีกุญแจมืออยู่ด้วย ทุกคนมองเห็นกันอย่างชัดเจน
และนี่ทุกคนจึงกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
เรื่องที่ประธานหล่อนทำในบริษัทนั้น ทุกคนต่างก็กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง รู้กันดีอยู่แล้ว สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจ สนับสนุนการกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยน
แต่สำหรับบางส่วน พวกพนักงานที่อาศัยอำนาจของประธานหล่อนเข้ามาในบริษัท เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ก็มือไม้ลนลานกันไปหมด
ตอนแรกที่พวกเขาสามารถเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ได้ ก็ได้เอาของขวัญมาให้ประธานหล่อนไปแล้วไม่น้อย ตอนนี้ประธานหล่อนถูกตำรวจจับตัวไปแล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปจะมาถามพวกเขาด้วยหรือเปล่า?
ช่วงเวลาหนึ่ง พนักงานระดับสูงของกิจการตระกูลหล่อนทั้งหมดนั้นล้วนแต่พากันรู้สึกร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก อกสั่นขวัญหาย การเดินในทุกๆก้าวนั้นราวกับเดินอยู่บนปลายมีดอย่างไรอย่างนั้น
ผ่านไปสองสามวัน กลับพบว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้มีการเคลื่อนไหว ถึงได้ค่อยๆรู้สึกวางใจขึ้นมา
ตอนนี้ไม่มีประธานหล่อนคอยปกป้องพวกเขาแล้ว คนเหล่านี้ก็ประพฤติตัวดีขึ้นมาแล้วเช่นกัน ไม่กล้าที่จะทำอะไรอีก
ตอนนั้นที่ใช้สิ่งแลกเปลี่ยนมากมายขนาดนั้นเพื่อเข้ามายังบริษัท ก็เพื่อที่จะมีตำแหน่งดีๆ และเพื่อที่จะให้ตัวเองได้อยู่ในบริษัทต่อไป ต่างก็ล้วนเอากำลังวางอยู่กับงานของตัวเองกันทั้งสิ้น
แล้วสักพักหนึ่ง บรรยากาศของทั้งบริษัทนั้นก็ดีขึ้นมา กิจการเฟื่องฟูยิ่งขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับสู่ตำแหน่งประธานของตระกูลหล่อนอีกครั้ง ได้รับการยอมรับจากทุกคน
ครั้งนี้ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับสถานะของเวินเที๋ยนเที๋ยน มีความประพฤติดีไม่ออกนอกลู่นอกทาง ทำงานกันภายใต้การนำพาของเธอ
หนึ่งในนั้น ความแตกต่างที่มากที่สุดก็คือผู้จัดการหยาง
เมื่อก่อน เขาเพียงแค่เรียกเวินเที๋ยนเที๋ยนว่าคุณเวิน ตอนนั้นเมื่อเทียบกับประธานแล้ว เขายอมรับสถานะของเวินเที๋ยนเที๋ยนมากกว่า เนื่องจากเป็นคำสั่งของคุณนายหล่อน ถึงได้ให้ความเคารพนอบน้อมกับเธอ
แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องนี้มาแล้ว ผู้จัดการหยางก็เริ่มเปลี่ยนคำเรียกเป็นท่านประธานแทน
เพียงแค่คำสั้นๆสองคำนี้ ก็เป็นตัวแทนของการยอมรับและความมั่นใจที่เขามีต่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้แล้ว ทำให้รู้สึกดีใจยิ่งนัก
หลังจากที่กลับจากบริษัทแล้วมาถึงคฤหาสน์แล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงปิดอารมณ์ความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ได้ยาก เอ่ยพูดเรื่องการเปลี่ยนแปลงของบริษัทกับจี้จิ่งเชินไม่หยุด และยังมีเรื่องที่ผู้จัดการหยางมั่นใจในตัวเธออีกด้วย
ตอนแรกเริ่ม จี้จิ่งเชินก็ฟังอย่างเงียบๆ รู้สึกปลื้มใจมากยิ่งนัก
แต่หลังจากที่ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนบอกกับเขาด้วยใบหน้าที่ดีอกดีใจหลังจากเลิกงานทุกวัน ถึงเรื่องที่คนอื่นๆในบริษัทยอมรับในตัวเธอ ในใจของจี้จิ่งเชินนั้นก็รู้สึกมีความหึงหวงขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้ายังคงเอ่ยพูดถึงผู้จัดการหยางวันนี้ไม่หยุด แต่จี้จิ่งเชินกลับยกมือขึ้นมาขัดเธอเอาไว้เสียก่อน
เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดชะงักไป แล้วหันมามองเขา พลางเอ่ยออกมาอย่างงุนงง : “อะไรหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ย : “ภรรยาของผมเอ่ยชื่นชมคนอื่นต่อหน้าผมไม่หยุด เพราะดีใจที่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น…..ผมหึง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะมาหึงเพราะเรื่องแบบนี้ ใบหน้าจึงแดงขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกเกรงใจขึ้นมา
“แต่พวกเขาเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อฉันไปแล้วจริงๆนี่คะ เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าตำแหน่งนี้ ฉันไม่ได้รู้สึกไม่ชอบ อีกอย่างฉันก็รู้สึกชอบสถานการณ์ในตอนนี้อีกด้วย”
“ชอบบริษัทแล้วก็พนักงานขนาดนี้ แล้วผมล่ะ?” จี้จิ่งเชินตั้งใจเอ่ยถามขึ้น
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว ท่าทางที่จริงจังทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
เธอเอามือปิดปาก แล้วคิด
“ชอบหรือไม่ชอบพี่? นี่ไม่แน่ว่า……”
เมื่อครู่จี้จิ่งเชินเพียงแค่พูดออกแบบนั้น ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
เขาเลิกคิ้วสูงขึ้นกว่าเดิม สองมือรีบกระชับโอบตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา
ก้มมองเล็กน้อย ก็มองเห็นใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง
แล้วแสร้งทำเป็นโกรธ : “ใช่หรือ? ดูแล้วก่อนหน้านี้ผมคงจะรักคุณมากเกินไปแล้วสินะ”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าใกล้เวินเที๋ยนเที๋ยนมากขึ้น สองมือกระชับกอดเธอเอาไว้แน่น
“อาศัยเวลาที่บริษัทไม่มีเรื่องอะไรแบบนี้ ผมจะต้องใช้การปฏิบัติทางร่างกาย ทำให้เที๋ยนเที๋ยนรู้ว่า ใครกันแน่ถึงจะเป็นคนที่ตัวเองชอบ”
พูดแล้ว เขาก็ก้มตัวลงแล้วอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา แล้วหมุนตัวเดินไปทางห้องนอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนดิ้นด้วยความตกใจ
“พี่จะทำอะไรคะ?”
จี้จิ่งเชินเดินขึ้นไปทางด้านบน ไม่ตอบคำถาม เพียงแค่เอ่ยพูดขึ้น : “เมื่อครู่นี้ผมสั่งกับทางพ่อบ้านแล้วก็คนอื่นๆแล้ว ว่าวันนี้พวกเขาไม่ต้องขึ้นมาข้างบน วางใจเถอะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาขึ้น
มิน่าล่ะ เมื่อครู่นี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกพ่อบ้านเลย อีกทั้งตอนก่อนที่จะทานอาหารกลางวัน แม่ครัวกับพ่อบ้านยังมองเธอด้วยรอยยิ้มอีกด้วย มองเธอจนขนลุกไปหมด แท้ที่จริงแล้วทั้งหมดนี่เป็นการวางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้ของจี้จิ่งเชินนั่นเอง
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้ขัดขืนอีก ถูกเขาอุ้มขึ้นไปด้านบนแล้วพาเข้าไปยังห้องนอน
มองรอบๆ เห็นแสงอาทิตย์ที่มาจากด้านนอกหน้าต่าง แล้วหน้าแดงขึ้นมาในทันที
“จะพักแล้วจริงๆหรือคะ? ยังเช้าอยู่เลยนะ…..”
จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้น : “ใครบอกว่าเราจะพักผ่อนกันล่ะครับ?”
“เพียงแค่ล้มตัวลงนอนบนเตียง ไม่ใช่การพักผ่อน”
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย เห็นแก้มแดงๆของเวินเที๋ยนเที๋ยน “หรือว่าเที๋ยนเที๋ยนมีความคิดเห็นที่ดีกว่านั้น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบฉวยโอกาสพยักหน้าลง
“เรามาทดสอบกันดีกว่า”
ว่าแล้ว เธอก็ผละออกมาจากอ้อมกอดของเขา แล้ววิ่งมาตรงข้างๆโต๊ะ แล้วหยิบเอาข้อมูลที่ตัวเองเตรียมเอาไว้ออกมา
“ฉันถาม พี่ตอบ หลังจากที่ทดสอบเสร็จแล้ว พี่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
ได้ยินแล้ว จี้จิ่งเชินรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ไม่คิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะยอมเสียสละขนาดนี้
สังเกตได้ถึงสายตาของเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้
แต่ตัวเองพูดออกไปแล้ว ก็ไม่กล้ากลับคำอีก จึงทำได้เพียงจำต้องพยักหน้าลง
และยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เธอต้องทำต่อไปนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก จำเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือจากจี้จิ่งเชิน
ได้รับคำตอบจากเธอแล้ว จี้จิ่งเชินก็จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองแล้วนั่งลงตาม พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง : “โอเคครับ คุณถามมาสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วเปิดสมุดเล่มเล็กของตัวเองขึ้นมา หยิบปากกาพลางเอ่ยถาม : “ตอนที่พี่ไปออกเดท พี่ชอบไปสวนสนุกหรือว่าร้านอาหาร?”
ราวกับไม่คิดว่าจะเป็นคำถามแบบนี้ จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
แล้วมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมา พลางเอ่ย : “ชอบอยู่ในห้องนอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เตรียมจะเขียนตำตอบลงไปนั้น ตอนจะลงมือเขียนแล้วรับรู้ว่าจี้จิ่งเชินพูดอะไรออกมานั้น เธอจึงหยุดการเคลื่อนไหวลง
“เมื่อกี้พี่เพิ่งจะรับปากฉันเองนะ ว่าจะตอบดีๆ” เธอเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
จี้จิ่งเชินพยักหน้า แล้วพูดอย่างมั่นใจ : “ผมก็ตอบดีแล้วนี่ไงครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มีทางเลือกอื่น เพียงเอ่ยขึ้น : “พี่ชอบอาหารจีน หรืออาหารตะวันตกคะ?”
ครั้งนี้จี้จิ่งเชินตอบแบบไม่ต้องคิด : “ขอเพียงแค่อยู่กับเที๋ยนเที๋ยน ไม่ว่าจะกินอะไรก็ชอบหมดแหล่ะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าเส้นเลือดแทบจะปรากฏออกมาอยู่บนหน้าผากตัวเองอยู่แล้ว
“ไม่มีตัวเลือกนี้นี่คะ”
“ในใจของผมคือคำตอบนี้ไงครับ”