เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 692 เมื่อรับแล้วก็ยกเลิกไม่ได้
บทที่ 692 เมื่อรับแล้วก็ยกเลิกไม่ได้
กำลังคิดอยู่ จี้จิ่งเชินก็ได้อุ้มเธอขึ้นมา
“กินข้าวเช้าก่อน จากนั้นผมค่อยพาคุณไปพักผ่อน”
“พักผ่อนจริงๆเหรอ?“เวินเที๋ยนเที๋ยนถามย้ำเตือน
จี้จิ่งเชินหัวเราะเบาๆ พลางพยักหน้า
“แน่นอน ในใจเที๋ยนเที๋ยนผมเดรัจฉานขนาดนี้เลยเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ตั้งใจ
เดรัจฉานยิ่งกว่าเดรัจฉานก!
จี้จิ่งเชินอุ้มเธอมาที่ห้องรับประทานอาหาร พลางอุ้มไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยความระมัดระวัง“อย่าขยับ ผมช่วยคุณเอง”
พูดจบก็เอาแซนวิชที่เตรียมเสร็จแล้วมาทาแยม แล้วยื่นให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
นอกจากแซนวิชแล้ว บนโต๊ะยังได้วางน้ำผลไม้คั้นสดใหม่เอาไว้ด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนชิมดูหลายคำแล้วก็รู้สึกว่าฝีมือของจี้จิ่งเชินไม่เลวเลย พยักหน้าด้วยความพอใจ พลางยื่นมือเตรียมจะไปคว้าน้ำผลไม้สดที่อยู่ด้านข้าง
แต่เพิ่งเริ่มขยับก็ถูกจี้จิ่งเชินแย่งไปอีกก้าวเสียแล้ว
เธอเงยหน้าเพื่อจะต่อต้าน แต่กลับเห็นจี้จิ่งเชินชิงดื่มไปก่อนแล้ว
ต่อจากนั้น เขาได้จับใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนกะทันหัน และได้จูบเธออีกหนึ่งครั้ง
ป้อนน้ำผลไม้สดให้เที๋ยนเที๋ยนดื่มโดยใช้วิธีที่ชวนให้เขินอายจนหน้าแดงเช่นนี้
อ้างเรื่องป้อนอาหารเพื่อเปิดทางให้ตัวเองสะดวก
พอถึงเวลาที่จี้จิ่งเชินปล่อยเธอออกมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกจูบจนหน้าแดงปากแดงแล้ว และหายใจแบบเหนื่อยหอบๆ
ดวงตาของเธอแวววับชุ่มชื่น พลางพูดด้วยน้ำเสียงร้องเรียน“คุณทำไม……เป็นแบบนี้……”
เธอจ้องมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่มุมปากของจี้จิ่งเชินกลับยกยิ้มขึ้นมา
“สามวันนี้ผมเป็นคนรับใช้ของเที๋ยนเที๋ยน ผมเป็นคนรับผิดชอบทุกเรื่อง แน่นอนว่าต้องทำด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปาก พูดอย่างแน่วแน่ว่า“ฉันไม่เอาของขวัญอันนี้แล้วได้ไหม?”
“ไม่ได้ เที๋ยนเที๋ยนได้เปิดกล่องของขวัญแล้ว เมื่อรับแล้วก็จะยกเลิกหรือเปลี่ยนคืนไม่ได้”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมากะทันหัน
ปากบอกว่าให้ของขวัญแก่ตน แต่ที่จริงแล้วก็หวังอยากจะได้เปรียบต่างหาก?
เธอกับแซนวิชกินอย่างไม่พอใจในอยุติธรรมไปสองคำ ในเมื่อจี้จิ่งเชินบอกว่าเป็นคนรับใช้ของตน ถ้าเช่นนั้นก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าเสียหน่อย
คิดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยกมือขึ้นสั่งว่า“โอเค ฉันอยากจะพักผ่อนแล้ว อุ้มฉันไปที่ห้องนอนหน่อย”
“ได้แน่นอน เที๋ยนเที๋ยนของผม”
จี้จิ่งเชินลุกขึ้นยืน พลางโค้งตัวลงไปอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นไปบนตึก
รอมานอนอยู่บนเตียงแล้วเห็นจี้จิ่งเชินยังไม่ออกไป เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า“เมื่อกี้คุณรับปากฉันว่าจะให้ฉันพักผ่อน
อย่ามาทำเหลวไหลนะ”
“แน่นอน”
จี้จิ่งเชินห่มผ้าห่มให้เธอ จากนั้นก็ตบเบาๆเหมือนกำลังกล่อมเด็กน้อยนอนอยู่
เมื่อคืนเวินเที๋ยนเที๋ยนก็นอนไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เมื่อนอนลงไปก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาทันที จึงนอนหลับไปแบบไม่รู้ตัว
จี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ด้านหัวเตียง เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าสู่ดรีมแลนด์แล้ว เขาถึงได้เริ่มไปทำงานของบริษัท
ช่วงนี้สองพ่อลูกตระกูลเวินเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกทำร้ายอีกครั้ง เขาจึงจำเป็นต้องเตรียมรับมือเอาไว้
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นออกมาจากดรีมแลนด์ก็ถึงตอนบ่ายแล้ว
เธอลืมตาขึ้นพบว่ารอบๆตัวไม่มีจี้จิ่งเชินอยู่ จึงกระโดดลงจากเตียง แล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยเท้าเปล่า
เมื่อเปิดประตูห้องหนังสือ พบว่าจี้จิ่งเชินกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าคอมพิวเตอร์ราวกับประชุมผ่านทางวิดีโอคอลอยู่
ในคอมพิวเตอร์มีเสียงส่งออกมาไม่ขาดสาย จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเล็กน้อย บางครั้งก็ทำท่าพยักหน้าเห็นด้วย บางครั้งก็แสดงความคิดเห็นให้พวกเราไปพินิจพิจารณาต่อไป
ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่ เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาจากประตู จึงได้เงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง และเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ที่พื้นด้วยเท้าเปล่า เลยขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย พลางกวักมือเรียกเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกลังเลเล็กน้อย ถ้าตัวเองเข้าไปคงต้องปรากฏอยู่ในที่ประชุมอย่างแน่นอน
จี้จิ่งเชินเอานิ้วไปกดปุ่มบนคอมพิวเตอร์ พลางเอ่ยปากพูดว่า“มาสิ พวกเขามองไม่เห็นคุณแล้ว”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เดินเข้าไป พูดว่า“ไม่เป็นอะไรเหรอ?พวกเขาจะเห็นไหม?”
พึ่งเดินเข้าใกล้ จี้จิ่งเชินก็ได้เอื้อมมือไปดึงเธอมานั่งบนตักของตัวเอง
เขาก้มหน้ามองนิ้วเท้าของเธอจึงหนาวจนซีดขาวไปบ้างแล้ว ทำให้ระหว่างคิ้วของเขายิ่งย่นขึ้นกว่าเดิม
ฝ่ามือที่หนากว้างจับเท้าอันเรียวเล็กไว้ เมื่อสัมผัสถึงความเย็นจากนิ้วเท้า เขาก็พูดอย่างไม่พอใจว่า“ทำไมไม่ใส่รองเท้าก็มาแล้วล่ะ?ไม่หนาวเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว ถ้าไม่ใช่จี้จิ่งเชินพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
สัมผัสได้แต่เพียงความอบอุ่นจากมือใหญ่ที่จี้จิ่งเชินได้จับเท้าของเธอไว้ การจับเท้าให้ความอุ่นแก่ร่างกายเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเขินอายจนอยากจะหดเท้ากลับมาเหลือเกิน
“อย่าขยับ”จี้จิ่งเชินพูดหนึ่งประโยค พลางจับเท้าของเธอไว้แน่น
“ให้เท้าเย็นไม่ได้ ไม่งั้นจะไม่สบายได้นะ”
เขาพูดในขณะที่ห้องประชุมยังคงมีพวกผู้จัดการทั้งหลายหารือเรื่องความคืบหน้าของงานในครั้งนี้ หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ได้หยุดอยู่ที่ภาพในห้องประชุม
ถึงแม้จี้จิ่งเชินเพิ่งจะปรับคอมพิวเตอร์ไปแล้ว ซึ่งอีกฝั่งไม่มีทางเห็นและได้ยินเสียงของพวกเขาแล้ว แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง
มันเหมือนกับตนนั่งอยู่บนตักของจี้จิ่งเชินต่อหน้าคนมากมาย จนทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งแดงขึ้นมา
ในระหว่างการประชุมผู้จัดการหลายคนยังคงปรึกษาหารือกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนสองมือของจี้จิ่งเชินยังคงให้ความอบอุ่นแก่เท้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ และยังเปิดเสียงไมโครโฟนเพื่อแสดงความคิดเห็นและข้อแย้งของตนเป็นบางเวลา แล้วปิดเสียงกลับไปอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงไปหมดแล้ว จึงดิ้น
“พอแล้ว คุณประชุมต่อเถอะ ฉันไปรอคุณตรงโน้นนะ”
พูดจบก็อยากจะดิ้นออกจากสองมือของจี้จิ่งเชิน แต่ว่ามือบนเอวยังคงโอบไว้แน่นไม่ยอมคลายออก
“อย่าขยับ คุณไม่ได้ใส่รองเท้า ถ้าคุณเดินไปอย่างนี้เท้าก็จะเย็นอีกจนต้องเป็นหวัด รอให้ประชุมเสร็จแล้วผมพาคุณไป”
“แต่ว่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองภาพห้องจอในที่ประชุมยังคงรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย
จึงยังคงพูดอย่างแน่วแน่ต่อว่า“ฉันไป……”
ยังไม่ทันพูดจบ จี้จิ่งเชินก็ก้มหน้าลงมาจูบปากของเธอกะทันหัน ทำให้คำพูดต่อมาของเธอได้กลืนหายไปในปากของเขา
วินาทีต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกกดทับอยู่บนโต๊ะ พิงกายไว้ด้านหลังแล้วถูกสองมือของจี้จิ่งเชินแนบติดตัวเอาไว้ ส่วนใบหน้าก็เงยขึ้นรับการจูบจากเขา
ข้างหูมีเสียงของผู้จัดการหลายคนส่งเข้ามา ยิ่งทำให้เธอทั้งรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวเหลือเกิน
พอผ่านไปสักพัก จี้จิ่งเชินถึงได้ปล่อยเธอออกด้วยเสียงหายใจดังๆ กดปุ่มไมโครโฟนบนโต๊ะ พูดกับผู้จัดการที่อยู่ในห้องประชุมอีกครั้งอย่างสุขุมว่า“แปดส่วน น้อยกว่านี้ไม่ได้ บอกพวกเขาว่านี่คือต่ำสุดแล้ว”
พูดจบก็ได้ตัดสายวิดีโอคอลลง แล้วอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนที่หน้าแดงสนิทไปด้านนอก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นทิศทางที่เขาเดินไป จึงรีบดึงเสื้อของจี้จิ่งเชินทันที
“ฉันอยากลงจากตึก ข้างล่างก็มีรองเท้าเหมือนกัน”
จี้จิ่งเชินยังคงไม่หยุดเดิน แล้วมาเปิดประตูห้องนอนโดยตรง
“ห้องนอนใกล้กว่า อีกทั้งเที๋ยนเที๋ยนนอนไปตั้งนาน น่าจะออกกำลังกายสักหน่อยถึงจะดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแสงมืดในดวงตาของเขา แค่ฟังก็รู้ว่าไม่มันใช่การออกกำลังกายธรรมดา
รีบเอ่ยว่า“ถ้าอย่างนั้น อยู่ที่ลานบ้านก็ได้ ที่ลานบ้านก็ออกกำลังกายได้เหมือนกัน”
จี้จิ่งเชินได้ยินก็เลิกคิ้วด้วยดวงตาที่มีรอยยิ้ม
“คุณแน่ใจนะว่าจะอยู่ที่ลานบ้าน?”
“คิดไม่ถึงว่าเที๋ยนเที๋ยนจะชอบแบบนี้”
เห็นคำพูดของตนถูกบ่ายเบี่ยงความหมายไปจากเดิม ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้แดงฉ่ำ รีบยกมือไปปิดปากของเขาเอาไว้
“ไม่ได้หมายถึงอย่างนี้ คุณอย่างพูดเหลวไหลนะ”
แววตาของจี้จิ่งเชินเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ไปจูบฝ่ามือของเวินเที๋ยนเที๋ยนโดยการคล้อยตามการกระทำของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็บนเตียงนะ”