เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 694 เด็กที่ถูกแย่งไป
บทที่ 694 เด็กที่ถูกแย่งไป
สีหน้าของหล่อนเจียนีแย่มาก เธอลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกอับอายขายหน้า จากนั้นก็หันไปด่าคนรอบข้างพวกนั้น
“ดูอะไร?ไม่เคยเห็นคนเหรอไง!”
พูดจบก็ประคองตัวหลิวเหม่ยหลันเดินจากไปอย่างน่าเวทนา
หลังจากที่หลุดพ้นจากการมุงดูของผู้คนอย่างยากลำบาก บัดนี้ทั้งสองไม่มีความคิดว่าควรจะเดินต่อไปอย่างไรดี
ตอนนี้พวกเธอไม่มีบ้านให้กลับไปแล้ว พวกเธอควรจะทำอย่างไรดี?แม้แต่ที่อยู่อาศัยก็ไม่เคยบอกไว้ก่อนเลย
“บัตรของหนูถูกอายัดแล้ว หรือพวกเราจะไม่มีที่ไปแล้วจริงๆเหรอคะ?”
หล่อนเจียนีพูดพลางด่าขึ้นมา“เป็นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นแท้ๆเลย!ถ้าไม่ใช่หล่อน พวกเราจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
“ทุกคนต่างก็เป็นคนตระกูลหล่อนกันทั้งนั้น แต่หล่อนกลับมีจิตใจโหดร้ายถึงขั้นให้พวกเราสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลย!หล่อนคิดว่าตัวเองวิเศษไปถึงไหนกัน?เป็นเพราะมีวาสนาดีต่างหากล่ะ!”
หล่อนเจียนีด่าว่าไม่หยุดหย่อน ตอนแรกหลิวเหม่ยหลันที่มีหน้าตาเคร่งเครียด เมื่อได้ฟังมาถึงตอนนี้ ดวงตาก็เกิดประกายแสงขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ใช่แล้ว ไม่ว่าพวกเราก็เป็นคนในตระกูลหล่อน พวกเขาไม่มีทางให้พวกเราต้องเร่ร่อนอยู่บนถนนหรอก”
พูดจบ จู่ๆเธอก็ลุกขึ้นมาดึงตัวหล่อนเจียนีพลางพูดว่า“ลูกเป็นลูกหลานแท้ๆของตระกูลหล่อน ไม่มีใครไล่หนูออกไปได้ สมบัติของตระกูลหล่อนก็มีส่วนหนึ่งเป็นของหนูอยู่”
หล่อนเจียนีไม่เข้าใจเล็กน้อยก็ถูกหลิวเหม่ยหลันดึงตัวเดินไปอีกทาง จากนั้นก็ผ่านถนนไปหลายซอย จนมาถึงหน้าประตูบริษัทคฤหาสน์ตระกูลหล่อน
หลิวเหม่ยหลันเดินไปเคาะประตู พอผ่านไปได้สักพัก ในที่สุดก็มีคนออกมาจนได้
คนเปิดประตูเมื่อเห็นหน้าพวกเธอ ก็ขมวดคิ้วพลางพูดว่า“คุณทั้งสองมีธุระอะไรครับ?”
หลิวเหม่ยหลันไม่พูดไม่จา แต่ลากตัวหล่อนเจียนีบุกเข้าไปโดยตรง
พ่อบ้านฉวีผิงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ได้เดินเข้ามาดู เมื่อเห็นใบหน้าของสองคนที่ยืนอยู่หน้าลานบ้านก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาเพิ่งได้ฟังข่าวคำตัดสินของศาลของหล่อนเจี้ยนกั๋วไปหยกๆ คิดไม่ถึงว่าพวกเธอสองคนจะมาที่นี่เร็วอย่างนี้?
เขาเดินเข้าไปคุย“ตอนนี้คุณนายหล่อนกับคุณเวินไม่ได้อยู่ที่บ้าน เชิญคุณสองท่านกลับไปก่อนนะครับ”
“พวกเราไม่ได้มาหาพวกหล่อน”
หลิวเหม่ยหลันเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางที่ดุดัน“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราจะอาศัยอยู่ที่นี่!”
ฉวีผิงได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ที่นี่เป็นคฤหาสน์ของคุณนายหล่อน เชิญคุณสองคนออกไปโดยเร็วด้วยครับ”
“คุณนายหล่อนอะไรกัน ที่นี่เป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลหล่อนต่างหาก!เจียนีเป็นหลานสาวของตระกูลหล่อนที่แท้จริง ทำไมจะอยู่ไม่ได้?ตั้งแต่วันนี้ พวกเราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่!“
พูดจบ หลิวเหม่ยหลันก็ดึงตัวหล่อนเจียนียกเท้าเดินเข้าไปด้านใน ใครก็รั้งพวกเธอไม่อยู่
หัวหน้าพ่อบ้านฉวีผิงขมวดคิ้วชนกัน ถึงแม้จะไม่พอ แต่สิ่งที่หลิวเหม่ยหลันพูดก็มีเหตุผล หล่อนเจียนีเป็นคนตระกูลหล่อนจริงๆ
บอดี้การ์ดเดินเข้ามาถามด้วยเสียงเบาๆ“พ่อบ้านครับ ตอนนี้ควรทำยังไงดีครับ?ต้องไปรายงานให้คุณนายหล่อนทราบไหมครับ?”
ฉวีผิงมองแผ่นหลังของทั้งสองคน สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้า
“ช่างเถอะ ช่วงนี้คุณนายหล่อนกำลังพักฟื้นร่างกายอยู่ ไม่ควรต้องเครียดกับเรื่องอะไรทั้งนั้น ผมหาเวลาเหมาะไล่พวกเธอออกไปก็แล้วกัน”
และในเวลาเดียวกัน ไม่เพียงแต่หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันต้องมีชีวิตที่แปรผันไปในสถานที่พิเศษอย่างศาลแห่งนี้ แต่ศาลอีกหนึ่งของเมืองหลวงที่ตัดสินเรื่องฟ้องหย่าโดยเฉพาะ ยังมีคนที่กำลังร้องเรียกเรื่องที่ตนรู้สึกไม่พอใจอยู่อีกด้วย
“ทำไมเอกสารที่ฉันยื่นฟ้องร้องคดีก่อนหน้านี้ถึงได้ถูกตีกลับมาโดยตลอดล่ะ?ฉันทำตามระเบียบทุกอย่างแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเอกสารทุกอย่างก็ครบถ้วนเช่นนี้ ทำไมพวกคุณยังปฏิเสธการฟ้องร้องของฉันอีก?”
เหยาเย้นเห็นว่าการฟ้องร้องเรื่องการหย่าร้างของตนถูกยกฟ้องอีกครั้ง ตอนนี้จึงรู้สึกจนไม่ไหวเสียแล้ว
ครั้งนี้ถูกยกฟ้องเป็นครั้งที่แปดแล้ว หลักฐานและเอกสารที่เธอยื่นล้วนเป็นไปตามเงื่อนไขทุกอย่าง แต่กลับไม่สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นเลย
แค่เริ่มคิดก็รู้แล้วว่าคนตระกูลเวินค่อยควบคุมสถานการณ์อยู่ด้านหลัง
ผู้พิพากษาได้ยินก็ยิ้มพลางพูดว่า“ขออภัยด้วยครับ การฟ้องร้องของคุณยังไม่ตรงตามเงื่อนไขจริงๆครับ ครั้งหน้าเชิญคุณเตรียมข้อมูลที่เป็นรูปการณ์มากกว่านี้มาด้วยนะครับ มิเช่นนั้นพวกเราก็ไม่สามารถยินยอมให้คุณฟ้องหย่าได้นะครับ”
เหยาเย้นโกรธกัดริมฝีปาก กำเอกสารที่ถูกยกฟ้องพร้อมกับเขม่นใส่เขา
“คุณบอกเวินหงไห่ด้วยว่าฉันต้องหย่าให้ได้!ไม่ว่าจะกี่ครั้งฉันก็จะไม่ละทิ้งความพยายามเด็ดขาด!”
พูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไป
เพิ่งออกจากศาลมา ด้านหลังก็ปรากฏร่างคนกำยำที่สวมใส่เสื้อผ้าคนเหมือนคนปกติขึ้นมา
คนเหล่านั้นต่างจับตามองทิศทางที่เหยาเย้นเดินจากไป ทุกคนล้วนตั้งใจมอง พลางเดินอย่างมั่นคงและมีกำลัง เดินหลังตรงมาก เมื่อเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน
พอเหยาเย้นขึ้นรถแล้ว พวกเขาต่างก็รีบขึ้นรถคนหนึ่งที่จอดอยู่ด้านข้างถนนตามเธอไป
ราวกับเหยาเย้นจะรู้ตัว จึงจงใจขับวนอยู่ในตัวเมืองไปหลายรอบ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีความสะกดรอยตามแล้ว เธอถึงจะบังคับพวงมาลัยรถกลับไปยังทิศทางของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซี
เธอไม่ได้สังเกตเห็นว่าบริเวณที่ไม่ห่างจากตัวเธอมากนัก มีรถเก๋งสีดำธรรมดาคันหนึ่งอยู่ตรงนั้น ซึ่งผู้ที่นั่งอยู่ภายในรถก็คือพวกทหารผ่านศึกพวกนั้นนั่นเอง
เมื่อคนพวกนั้นเห็นเธอได้เปลี่ยนทิศทางรถก็รีบตามเธอไปด้านหลังทันที
จนรถของเหยาเย้นขับเข้าไปด้านในของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีแล้ว พวกเขาถึงได้จอดอยู่ที่ประตูทางเข้า จากนั้นก็ได้ถ่ายป้ายเก็บไว้แล้วรีบจากไปโดยเร็ว
ที่บ้านตระกูลเวิน เวินหงไห่กับเวินฉี่ที่ได้รับข่าวแล้ว ขณะนี้ได้นั่งรออยู่ที่ห้องหนังสือ
เมื่อได้รับรูปถ่ายภาพนั้น ซึ่งยืนยันว่าเธออยู่ที่ไหนแล้ว เวินหงไห่ก็ลุกขึ้นยืน
“ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็หลบอยู่ที่นี่นี่เอง!”
เวินฉี่หันหน้ามามองแวบหนึ่ง เห็นว่าบนรูปถ่ายเขียนไว้ว่า
“เฉินซี มันเหมือนจะเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเปิดไว้ มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้ส่งคนไปหายังไงก็หาไม่เจอ”
เวินหงไห่ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินออกไปอย่างอดใจไม่ไหวแล้ว
“ตอนนี้ผมจะไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นกลับมา!”
“เดี๋ยว!”
เขาเพิ่งก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว เวินฉี่ก็ได้รั้งเขาไว้กะทันหัน พลางพูดว่า“ผู้หญิงคนนั้นกลับมาหรือเปล่าไม่สำคัญหรอก ขอแค่ไม่หย่าก็ไม่เป็นอะไร แต่ว่าต้องพาหมิงเฮ่ากลับมาให้ได้ เพื่อความปลอดภัย ลูกนำคนไปพาหมิงเฮ่ากลับมาจะดีกว่า ไม่ต้องให้พวกเขามีโอกาสซ่อนตัวหมิงเฮ่าได้อีก”
เวินหงไห่พยักหน้า เมื่อนึกถึงเหยาเย้นก็โมโห อยากจะจับตัวเธอกลับมาสั่งสอนซะด้วยเลย
แต่ในเมื่อเวินฉี่พูดอย่างนี้แล้ว เขาก็จะอดทนเอาไว้
“ตอนนี้ผมจะไปเลยครับ”
พูดจบก็รีบเดินออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบโดยในมือยังคงเอารูปถ่ายใบนั้นอยู่ และได้เรียกทหารผ่านศึกไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีด้วยหลายนาย
และในขณะนี้ ภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เวินหมิงเฮ่ากับเด็กคนอื่นๆกำลังนอนกลางวันอยู่โดยที่ไม่รู้เลยว่าภัยอันตรายกำลังจะใกล้เข้ามาแล้ว
หิมะของปีนี้ตกไปสองวันถึงจะหยุด
เห็นนอกบ้านมีหิมะตกสะสมอยู่บนพื้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เกิดความวู่วามอยากจะออกไปเล่นบ้าง
แต่เมื่อหันหน้าไปมองจี้จิ่งเชินกำลังทำงานอยู่ ทันใดนั้นก็เริ่มลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าหากตัวเองบอกว่าจะออกไป เขาคงต้องห่อตัวเธอจนเป็นบ๊ะจ่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้นก็จะทำอะไรไม่สะดวก จะไปเล่นอะไรได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จึงได้แต่เก็บความอยากเอาไว้ จากนั้นก็พ่นลมหายใจไปที่กระจกหน้าต่าง แล้วไปวาดรูปยิ้มบนรอยพ่น
และในขณะนั้น เธอเห็นมีคนเดินเข้ามาจากด้านนอกกะทันหัน