เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 712 เซอร์ไพรส์ริมทะเลสาบ
บทที่ 712 เซอร์ไพรส์ริมทะเลสาบ
เมื่ออยากเห็นเซอร์ไพรส์ที่ว่านั้นแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาไม่น้อย
“เซอร์ไพรส์อะไรเหรอ? ฉันดูหน่อย”
จี้จิ่งเชินยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ได้ตอบ กลับยกมือขึ้นชี้ไปทางทะเลสาบแทน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองตามทิศที่เขาชี้ ทันทีที่เห็นทะเลสาบก็เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
“ว้าว…..นั่นมันพวกหิ่งห้อยใช่ไหม?”
“สองวันก่อนผมได้ยินจากคนในวิลล่าบนเขาพูดกัน ที่ทะเลสาบตอนค่ำอาจจะเจอหิ่งห้อย ตอนแรกยังกังวลว่าตอนนี้เป็นฤดูหนาวหิ่งห้อยจะไม่ปรากฏตัว คิดไม่ถึงว่าจะเจอเยอะขนาดนี้ โชคดีมากที่เที๋ยนเที๋ยนดวงดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหิ่งห้อยที่บินเต้นรำอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ จนกระทั่งนัยน์ตาเปล่งประกายความชอบใจออกมา
เธอพึ่งเคยเห็นหิ่งห้อยครั้งแรก แล้วยังเยอะขนาดนี้
หิ่งห้อยที่รวมกันเป็นกลุ่มพากันส่องแสงกะพริบเต้นรำบนทะเลสาบ แม้แต่น้ำในทะเลสาบยังสะท้อนจุดแสงที่สวยงาม ดุจดวงดาวที่วาววับอยู่บนท้องฟ้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างละสายตาไม่ได้ เหลือไว้เพียงหิ่งห้อยพวกนั้นที่ราวกับกำลังเต้นรำอย่างคล่องแคล่วอยู่บนทะเลสาบ
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น หิ่งห้อยหลายตัวก็บินออกจากทะเลสาบมาทางนี้อย่างช้าๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ มองหิ่งห้อยพวกนั้นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาถึงตรงหน้าของเธอ
ราวกับว่าพวกมันไม่กลัวคน เจอเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินแล้วไม่ได้จากไปไหน กลับหยุดอยู่รอบๆ ตัวของพวกเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่กล้าเอ่ยพูด เกรงว่าจะหิ่งห้อยที่เข้าใกล้ได้ยากนั้นจะตกใจหนีไป ในใจเต้นตูมตาม แต่กลับไม่กล้าขยับตัว
ผ่านไปสักพัก จี้จิ่งเชินจับมือเธอ ค่อยๆ ยกขึ้นมา
และในตอนนั้นเอง หิ่งห้อยตัวหนึ่งได้บินเข้ามาจับที่ปลายนิ้วของเวินเที๋ยนเที๋ยนพอดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งเบิกตากว้างกว่าเดิม สายตาจับจ้องหิ่งห้อยตัวนั้นที่อยู่บนปลายนิ้ว ในใจท่วมท้นด้วยความดีใจ แต่ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อย เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตกใจหนีไป
นัยน์ตาของเธอสะท้อนแสงประกายส่องกะพริบของหิ่งห้อย
จี้จิ่งเชินมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย กอดเธอเบาๆ สายตามองใบหน้าด้านข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยน ในดวงตาอัดแน่นไปด้วยความอ่อนโยนจนแทบจะระเบิดออกมา ราวกับมีโลกทั้งใบอยู่ในขณะนี้
หิ่งห้อยจับอยู่บนปลายนิ้วสักพัก ก็จากไปพร้อมกับหิ่งห้อยตัวอื่น กลับไปที่ทะเลสาบอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองด้วยสีหน้าชอบใจ กระทั่งถึงตอนนี้ถึงกล้าเอ่ยปากพูด พ่นลมหายใจออกมา ราวกับตลอดเมื่อสักครู่ไม่กล้าหายใจแรง
“จี้จิ่งเชิน คุณเห็นไหม? เห็นไหม?” เธอเอ่ยอย่างตื่นเต้น
จี้จิ่งเชินนัยน์ตาแฝงรอยยิ้ม “เห็นแล้วครับ”
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงตื่นเต้นอยู่เต็มประดา มองปลายนิ้วของตนเองแล้วเอ่ย: “เมื่อกี้หิ่งห้อยตัวนั้นหยุดอยู่บนมือของฉัน!”
“เพราะเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยน หิ่งห้อยเลยไม่กลัว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้ว กลับไม่พอใจ: “คุณจะบอกว่าฉันไม่น่ากลัวเหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอน”
จี้จิ่งเชินหัวเราะ: “เพราะเที๋ยนเที๋ยนของผมน่ารักเกินไป ทำให้หิ่งห้อยเองก็อดไม่ได้ที่จะมาจับคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดง สายตามองไปที่หิ่งห้อยพวกนั้นอีกครั้ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นหิ่งห้อยมากมายขนาดนี้ที่นี่ ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นแต่ในหนังสือกับสารคี”
“วิลล่าบนภูเขานี้ถูกตระกูลหล่อนซื้อไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของตระกูลหล่อน ได้รับการปกป้องอย่างดี ระบบนิเวศน์ดีกว่าที่อื่น ดังนั้นถึงมีหิ่งห้อยอยู่” จี้จิ่งเชินอธิบาย
“สวยมากเลย”
เธอเอ่ยอย่างอดไม่ได้ เมื่อหันกลับมา กลับเห็นจี้จิ่งเชินมองตนเองอยู่ตลอด
บนหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นสีแดงฝาดเล็กน้อย พูดอย่างเขินอาย: “คุณมองฉันทำไม?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยเพียง: “ทิวทัศน์สวยงามไหนในสายตาผม ล้วนไม่มีทางเทียบกับเที๋ยนเที๋ยนได้”
ได้ยินดังนั้น บนหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก จึงหันไปมองดวงดาวเต็มท้องฟ้าในตอนนี้แทน
หิ่งห้อยเต้นรำอยู่บนทะเลสาบ ทันทีที่มองไป ราวกับดวงดาวในท้องฟ้าตกลงมาบนโลกมนุษย์ สวยจนหาที่เปรียบไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองภาพที่สวยงามตรงหน้า แต่สายตาของจี้จิ่งเชินกลับมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอด
อย่างที่เขาพูด ไม่มีภาพไหนสวยงามไปกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
หิ่งห้อยบินเต้นรำไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งฟ้าสางถึงค่อยๆ แยกย้ายหายไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่หลับไปในอ้อมแขนของจี้จิ่งเชินตั้งนานแล้ว มุมปากยังแต้มด้วยรอยยิ้มหวาน
จี้จิ่งเชินมองท่าทางเธอในตอนนี้ นัยน์ตาแผ่ประกายความอ่อนโยน
แค่นี้เท่านั้นเอง เพียงเพื่อที่จะได้เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนหลับสบายในอ้อมแขนของตัวเอง ไม่ว่าต้องผ่านความทุกข์ยากหรืออันตรายมากแค่ไหน มันก็คุ้มค่า
นับตั้งแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฏตัวในชีวิตของเขา ชีวิตของเขาก็มีรอยยิ้มเพื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้คนเดียวเท่านั้น
จี้จิ่งเชินนัยน์ตาแฝงความอาวรณ์และอ่อนโยน มองเธออย่างจริงใจ
ผ่านไปสักพัก จึงก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วพรหมจูบลงบนแก้มของเวินเที๋ยนเที๋ยน
คนที่อยู่ในความฝันรู้สึกถึงอย่างรางเลือน มุมปากดูเหมือนยกขึ้นอีกเล็กน้อย แนบแก้มถูไปมาบนหน้าอกของจี้จิ่งเชิน แล้วหลับไปอีกครั้ง
วันต่อมา ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็สว่างมากแล้ว
แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านก้อนเมฆออกมา ส่องสว่างไปทั่วทั้งครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนขยี้ตาป้อยๆ คิดไม่ออกว่าเมื่อวานกลับมาถึงเต็นท์เมื่อไหร่ ในหัวเหลือไว้แต่หิ่งห้อยที่สวยงามตระการตาพวกนั้น
เมื่อเดินออกจากเต็นท์ จี้จิ่งเชินก็จัดการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ริมทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลเริ่มมีคนมาออกกำลังกายตอนเช้า
มองทะเลสาบตรงหน้า เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงหิ่งห้อยเมื่อคืนขึ้นมาและประหลาดใจอีกครั้ง
ผู้คนที่มาออกกำลังกายตอนเช้าเดินมาตามทางเล็กๆ ข้างๆ เมื่อเห็นพวกเขาก็ยิ้มและเอ่ยทักทาย เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย รีบร้อนโค้งตัวกล่าวทักทาย
กระทั่งคนเดินจากไปแล้ว จึงจัดการเก็บเต็นท์ที่เหลือกับจี้จิ่งเชิน หยิบเอาปลาหนึ่งตัวที่เหลือไว้เมื่อวานกลับไปให้คุณนายหล่อนที่วิลล่า
คุณนายหล่อนที่กำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ที่ลานบ้าน เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนนำปลามาให้ด้วย จึงรับมาอย่างมีความสุข
“เป็นอย่างไรบ้าง? เที่ยวสนุกไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
“พวกยังเจอหิ่งห้อยด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าฤดูหนาวจะยังมีหิ่งห้อยอยู่”
คุณนายหล่อนเอ่ยอย่างประหลาดใจ: “จริงหรือ? ครั้งหน้าไว้หน้าพวกเราค่อยไปดูด้วยกันอีก”
“ค่ะ”
จี้จิ่งเชินหยิบของบนรถลงมา เห็นเวินหงไห่ยืนอยู่ตรงหน้า จึงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยแล้วเอ่ย: “เต็นท์มีประโยชน์มาก”
เวินหงหยู้ที่ได้ยิน ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ พยักหน้าแล้วรีบช่วยหยิบของลงจากรถ
เนื่องจากเต็นท์เดี่ยวและเต็นท์สำหรับสองคนภายนอกดูไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินเอาไปนั้นไม่ใช้เต็นท์สำหรับสองคนตั้งแต่แรก แต่เป็นเต็นท์เดี่ยว ความโกรธเล็กๆ น้อยๆ ก่อนหน้านี้จึงค่อยๆ หายไป
อีกด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนกับคุณนายหล่อนถือของเข้าไปถึงห้องครัว และเริ่มเตรียมมื้อกลางวัน
มองของที่นำกลับมาด้วยตรงหน้า เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงตัดสินใจอีกครั้ง
เธอหันกลับไปมองคุณนายหล่อนที่กำลังยุ่งอยู่ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก
ยังไม่ทันพูดอะไร คุณนายหล่อนก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องของตระกูลเวินมาแล้ว ยังเป็นห่วงว่าคุณจะคิดอะไรไม่ออก ดังนั้นเลยชวนพวกคุณมาเที่ยวเล่นสักช่วงหนึ่ง ตอนนี้เห็นจี้จิ่งเชินดูแลคุณอย่างดี ฉันก็วางใจแล้วล่ะ”