เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 714 ได้สิ
บทที่ 714 ได้สิ
“เป็นที่ที่ไม่เลวจริงๆ ด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปข้างหน้าอย่างดีใจ ไม่นานก็เดินไปถึงครึ่งทางแล้ว
เมื่อกำลังจะเดินต่อไป เห็นข้างทางมีทางแยกเล็กๆ แยกออกไปอีกทางหนึ่ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างงงงวย ทางแยกเล็กๆ นั้นคดเคี้ยวเข้าไปในป่าลึก บนทางยังมีหญ้าขึ้น ดูแล้วเหมือนไม่มีคนเดินผ่านเป็นเวลานานแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินคุณหล่อนพูดว่าที่นี่ยังมีทางแยกอีกทางเล็กๆ มาก่อน เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับไปมองบันไดหิน เกิดความสนุกสนานขึ้นมาในใจทันที ไม่ได้เดินต่อไปข้างหน้าและชี้ไปที่ทางแยกเล็กๆ นั้น
“พวกเราไปดูทางนี้กันเถอะ”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าเล็กน้อย เดินนำหน้าไปก่อน แล้วหมุนตัวกลับมาจับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ เผื่อว่าข้างหน้ามีอันตรายอะไร
ทั้งสองคนเดินไปตามทางเข้าไปข้างใน กลับคิดไม่ถึงว่าเดินไปได้สักพัก ทางเดินเล็กๆ นั้นได้หายไปแล้ว
“ดูเหมือนพวกเราเดินมาผิดทางแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบๆ
เส้นทางนำไปสู่กลางป่าเล็กๆ โดยที่ไม่รู้ตัว ใต้ฝ่าเท้าก็กลายเป็นใบไม้ร่วงหนาทึบ เหยียบแล้วอ่อนยวบลงไป
เงยหน้ามองไป เห็นพุ่มไม้สูงเขียวชอุ่ม บดบังท้องฟ้า สีครามของท้องฟ้าถูกแบ่งออกเป็นเสี้ยวเล็กๆ ตามช่องของกิ่งก้านและใบไม้
แสงแดดส่องลงมาจากท้องฟ้า ทะลุผ่านช่องว่างของใบไม้เป็นลงมาที่พื้นดินเป็นจุดๆ
รอบด้านเงียบสงบ ไม่มีเสียงใดๆ
จุดที่แสงอาทิตย์ส่องลงมาเป็นลำแสง งดงามอลังการ ฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศกำลังกระโดดท่ามกลางแสงอาทิตย์ ราวกับภูตในป่าแห่งนี้กำลังเต้นรำ
ต้นไทรสูงหลายต้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกไป ทั้งสูงทั้งใหญ่ จนสั่นไหวจิตใจผู้คน
ต้นไม้เก่าแก่ที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่ที่นี่มาเป็นเวลากี่ปีแล้ว กิ่งก้านบิดโค้งเป็นมุมที่สวยงาม มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลั้นใจในชั่วขณะ
“สวยจัง” เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
จี้จิ่งเชินหมุนตัวยื่นมือไปทางเวินเที๋ยนเที๋ยนพลางพูด: “บางทีพวกเราก็ไม่ได้เดินมาผิดทาง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย กำลังจะจับมือเขา กลับไม่ได้สังเกตเห็นรากไม้ที่ผุดขึ้นมาที่เท้า จึงสะดุดเข้าให้
เซถลาไปข้างหน้าอย่างแรง แม้แต่จี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้าก็คว้าไว้ไม่ทัน
โชคดีที่พื้นเป็นใบไม้ปกคลุมหนาทึบและนุ่ม ไม่ได้ล้มลงไปเจ็บ
จี้จิ่งเชินตกใจ รีบร้อนเดินเข้าไปหา
“เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ฉันไม่เป็นไร”
เธอนั่งแหมะอยู่ จี้จิ่งเชินเห็นท่าทางของเธอแล้วอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา
แม้จะไม่ได้เจ็บ แต่พอล้มลงไป ใบไม้ที่อยู่บนพื้นก็บินว่อนขึ้นมา หล่นลงบนตัว บนศีรษะเวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็มีใบไม้ติดอยู่หลายใบ
จี้จิ่งเชินโน้มตัวลงช่วยหยิบออกให้เธอพร้อมรอยยิ้มในดวงตา
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย มองจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า ในใจเกิดความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมากะทันหัน ยื่นมือไปทางเขา
“ดึงฉันขึ้นหน่อย”
จี้จิ่งเชินจับมือเธอ เตรียมจะออกแรงดึง เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับดึงอย่างกะทันหัน
จี้จิ่งเชินไม่ทันได้ดึงคนขึ้นมา ก็ถูกดึงจนล้มลงตามกันมาบนพื้น
ใบไม้ปลิวว่อนอีกครั้ง และเกือบจะฝังทั้งสองคนไว้
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมองท่าทางลำบากใจของเขา เห็นบนหน้าและศีรษะของเขาเต็มไปด้วยใบไม้ จึงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
จี้จิ่งเชินแววตาฉายแววปลงตก
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมา รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เตรียมจะช่วยหยิบใบไม้ออกให้จี้จิ่งเชิน
เมื่อยกมือขึ้น กลับถูกจี้จิ่งเชินดึงอีกครั้ง ล้มลงไปนั่งในอ้อมแขนของเขาทันที
ได้ยินเพียงเสียงดัง “ปึก” ศีรษะชนเข้ากับหน้าอกของจี้จิ่งเชิน
ได้ยินเสียงนั้นแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนไม่ได้ใส่ใจศีรษะของตนเอง รีบเอ่ย: “ชนคุณเจ็บไหม? โทษคุณนั่นแหละ เมื่อกี้จะดึงฉันทำไม?”
“ผมไม่เป็นไร” จี้จิ่งเชินบอก แต่กลับสำรวจศีรษะของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างละเอียด เอ่ยอย่างเป็นห่วง: “เจ็บไหม?”
“คุณต้องเจ็บมากแน่ๆ ใช่ไหม?”
เสียงดังปึกเมื่อสักครู่ คงทำเวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจมากจริงๆ
เธอยังไม่วางใจยกมือขึ้นลูบบริเวณหน้าอกของจี้จิ่งเชิน
“เมื่อกี้ชนตรงนี้ใช่ไหม?”
เธอมองอย่างละเอียด เห็นจี้จิ่งเชินไม่มีอะไรผิดปกติ จึงเบาใจ สองมือประคองที่หน้าอกเขา เตรียมจะลุกขึ้น
ทันทีที่ขยับ บนเอวกลับมีมือคู่หนึ่งรวบเอาไว้แน่นกดเวินเที๋ยนเที๋ยนลงมากอดไว้ในอก
เธอล้มลงไปในอ้อมอกของจี้จิ่งเชินอีกครั้ง กลับเห็นเพียงเส้นโค้งสวยงามของคางจี้จิ่งเชิน
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า สายตาฉายแววคลุมเครือเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองตามสายตาเขา จึงถูกทัศนียภาพตรงหน้าดึงดูดความสนใจไปในทันที
กิ่งก้านและใบไม้เขียวชอุ่มแบ่งท้องฟ้าออกเป็นส่วนเล็กๆ แต่ละส่วนปรากฏเป็นภาพที่แตกต่างกัน
ก้อนเมฆเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ ท่ามกลางการพัดพาของลม แสงอาทิตย์ที่ทะลุผ่านช่องใบไม้ ราวกับแสงวิเศษส่องลงมา ได้ยินเสียงของใบไม้พัดปลิวอยู่ข้างหู
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงประคองอยู่ที่อกของจี้จิ่งเชิน สัมผัสถึงหัวใจที่เต้นแรงและเป็นจังหวะของหัวใจผ่านหน้าอกได้อย่างชัดเจน
ตึกตึกตึก
ราวกับว่าแม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจตนเองก็ยังเป็นจังหวะเดียวกัน
“สวยมาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพลิกตัวนอนลงข้างจี้จิ่งเชิน แค่ทั้งสองคนหันมา ก็สามารถสบตากับอีกฝ่าย
จากมุมนี้เท่านั้นถึงจะมองเห็น ที่นี่ยังมีร่องรอยของฤดูหนาวหลงเหลืออยู่
มีกิ่งก้านใบไม้ที่เหลืองแห้งแอบซ่อนอยู่หลายแห่ง ตรงข้ามกับใบสีเขียวชอุ่มอย่างชัดเจน
เมื่อมองภาพที่อยู่ตรงหน้า จิตใจเองก็ค่อยๆ นิ่งสงบลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนสูดหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้า หลับตาลง
“ถ้าหากเป็นอย่างนี้ตลอดได้ก็คงดี” เธอเอ่ยเสียงเบา
จี้จิ่งเชินหันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่นอนอยู่ข้างตัว
เธอหลับตา และมุมปากยกยิ้มบางเบา
ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่เขาอยากปกป้องไปตลอดชีวิต
เขารู้ถึงความโลภของตนเอง เพียงแต่ปกป้องแบบนี้ ยังไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของตนเองได้
เขาอยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นของเขาคนเดียว อยากแก่ไปด้วยกันกับเธอ ผ่านทุกฤดูไปด้วยกัน อยากปกป้องมองเธอยิ้มอย่างมีความสุขตลอดไป
จี้จิ่งเชินใจเต้นขึ้นมา ยังไม่ได้คิดอย่างละเอียด ก็เอ่ยออกมา
“เที๋ยนเที๋ยน คุณยินดีจะแต่งงานกับผมไหม?”
คำถามนี้ จี้จิ่งเชินเคยพูดมากกว่าร้อยครั้ง
หลังจากคำขอแต่งงานถูกปฏิเสธ เขาใช้เวลาไปมากกับการข่มขู่ หลอกล่อ เพื่อให้ได้คำตอบที่ยินยอม
แต่ช่วงเวลานั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ระวังอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ไม่ยอมตกลง
แต่ในตอนนี้ เขาเอ่ยขออย่างชั่ววูบ ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่โพล่งไปตามใจตนเองก็เท่านั้น
“ได้สิ”
เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนดังขึ้นอย่างไม่มีบอกล่วงหน้า
จี้จิ่งเชินช็อกไปทั้งร่าง เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ถึงกับสงสัยว่าตนเองนั้นได้ยินผิดไปหรือเปล่า
มองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ข้างตัวอย่างละเอียด เห็นเธอยังคงหลับตา มุมปากยกสูงขึ้น ราวกับคำตอบเมื่อสักครู่นั้นเธอไม่ได้พูด ทำให้จี้จิ่งเชินงงงวย