เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 718 ฟันเฟืองแห่งโชคชะตา
บทที่ 718 ฟันเฟืองแห่งโชคชะตา
จี้จิ่งเชินจ้องมองเธอ นัยน์ตามืดมิดลึกซึ้ง ราวกับดวงดาวในห้องฟ้าเที่ยงคืน
ความประหลาดใจพาดผ่านในดวงตาเขา แต่ก็สงบและกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว “คุณรู้ไหม ว่าที่ตนเองพูดมานั้นหมายความว่าอย่างไร?”
น้ำเสียงเจือความอันตรายเล็กน้อย
“แน่นอน” เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่สังเกตเห็น เพื่อที่จะให้จี้จิ่งเชินวางใจ เธอพูดต่อ: “เพราะนี่อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดที่เคยทำในชีวิตของฉัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพลางก้มหน้าลง จูบลงบนขมับจี้จิ่งเชินเบาๆ
“พวกเราแต่งงานกันเถอะ พี่จิ่ง”
คำเรียกนี้ ราวกับดึงความทรงจำเมื่อสิบกว่าปีก่อนของทั้งสองคนกลับมาอีกครั้ง
จี้จิ่งเชินถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนที่ทั้งสองคนได้เจอกันครั้งแรก ฟันเฟืองแห่งโชคชะตาก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่เดิมเป็นเส้นขนานของทั้งสองคนได้เดินมาเจอกัน
พบจากกันนับครั้งไม่ถ้วน สิบกว่าปีที่เสาะหาและรอคอย พวกเขาผ่านความเข้าใจผิดและความหวานชื่น เผชิญกับความเศร้าและสิ้นหวัง แต่ตอนนี้ทุกอย่าง ล้วนกลับสู่ตอนเริ่มต้น
จี้จิ่งเชินจำได้ว่าตอนที่ตนเองเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตา มาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ทรุดโทรมนั้น
เขายืนอยู่หน้าประตู จำเด็กหญิงตัวเล็กมัดแกละอยู่ด้านในประตูได้อย่างชัดเจน เอียงศีรษะยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าน่าเอ็นดู
“สวัสดี ฉันชื่อเที๋ยนเที๋ยน”
ตอนนั้นเอง ทั้งโลกก็เปลี่ยนไป
เด็กหญิงตัวเล็กพูดกับเขา: “ พี่จิ่งไม่ต้องกังวล ต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
นับตั้งแต่นั้นมา จี้จิ่งเชินก็บอกกับตนเองในใจ ต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดในโลกให้กับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
ต้องเขียนชื่อเธอถัดจากชื่อของตนเอง ตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
จี้จิ่งเชินใจลอยราวกับย้อนกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทรุดโทรมนั้น เมื่อได้สติ เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนตรงหน้า ใบหน้าทั้งสองซ้อนทับกัน
จี้จิ่งเชินสูดหายใจเข้าช้า ราวกับกำลังยับยั้งบางอย่าง
สายตาเขาจดจ้องไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน คลื่นใต้น้ำที่บ้าคลั่งอยู่ในดวงตาของเขา อ้าปากพูดเสียงทุ้มต่ำ แต่ฟังดูแหบพร่า
“เที๋ยนเที๋ยน พวกคุณนายหล่อนอยู่ชั้นล่างไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“เมื่อกี้ทานมื้อเย็นเสร็จ คุณพ่อคุณแม่ออกไปเดินเล่นแล้ว”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า เอ่ยอีก: “ช่วยผมปิดประตูหน่อยได้ไหม? ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น รู้สึกได้ถึงความจริงจังเล็กน้อย พยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินไปปิดประตู
เมื่อล็อกประตูแล้วกำลังจะหมุนตัวหันกลับไป จี้จิ่งเชินกลับพุ่งเข้ามากอดเธอไว้แน่น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้โต้ตอบ ก็ถูกผลักไปข้างหลัง ชนเข้ากับประตู
“จี้จิ่งเชิน คุณเป็นอะไร…..”
ยังพูดไม่ทันจบ เธอกลับมองเห็นดวงตาคู่นั้นของจี้จิ่งเชินแดงเล็กน้อย เห็นคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ในตาเขา
เขากอดเวินเที๋ยนเที๋ยนแน่น สายตาร้อนแรงทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องกลืนคำพูดกลับลงไป
จี้จิ่งเชินไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว วินาทีต่อมาก็อุ้มเธอขึ้น หมุนตัวเดินไปที่ข้างเตียง
วางเวินเที๋ยนเที๋ยนลง คร่อมอยู่ด้านบน
“คุณรอเดี๋ยว จี้จิ่งเชิน……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ บนหน้าเริ่มขึ้นสีแดงฝาด
มิน่าเมื่อสักครู่จี้จิ่งเชินถึงถามว่าคุณนายเขาไปไหน ยังให้เธอไปล็อกประตูอย่างระมัดระวัง ยังพูดว่ามีเรื่องสำคัญ…..
ที่จริงคือ…..
“เดี๋ยวสิ คุณมีเรื่องสำคัญไม่ใช่เหรอ?”
จี้จิ่งเชินเอ่ย: “ตอนนี้ไงเรื่องสำคัญ”
พูดพลาง จับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างนุ่มนวล สิบนิ้วสอดประสาน กดไว้เหนือศีรษะ ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างหมดหนทางต่อต้าน
พรหมจูบลงบนแก้มและริมฝีปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่หยุด เธอรักษาสติอันน้อยนิดเอาไว้ รีบร้อยเอ่ย: “ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่กลับมาแล้วจะทำอย่างไร?”
“วางใจเถอะ ผมว่าพวกเขาจะเข้าใจ”
พูดแล้วจี้จิ่งเชินก็จูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้ง ปิดกั้นคำคัดค้านต่อไปของเธอ
เมื่อท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง คุณนายหล่อนและเวินหงหยู้กลับมาจากการเดินเล่นข้างนอก
ผู้เฒ่าผู้แก่ในวิลล่ากลางเขารู้เรื่องแต่งงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินแล้ว ต่างพากันแสดงความยินดี ให้ของมามากมาย
แต่เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงที่วิลล่า กำลังจะเอาของในมือไปให้เวินเที๋ยนเที๋ยนชื่มชม
เดินหาแล้วรอบหนึ่ง กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของทั้งคู่
“บางทีอาจจะอยู่ชั้นบน” คุณนายหล่อนว่า
เวินหงหยู้ได้ยินดังนั้น หมุนตัวจะเดินขึ้นชั้นบนไป กลับถูกคุณนายหล่อนขวางไว้
“รอเดี๋ยว ไม่ต้องขึ้นไปหาพวกเขาแล้ว”
เวินหงหยู้หันกลับมามองเธออย่างไม่เข้าใจ
คุณนายหล่อนเอ่ยกลั้วหัวเราะ: “ในเมื่อจะเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว ก็ให้พวกเขาใช้เวลาส่วนตัวเถอะ”
เวินหงหยู้ได้ยินแล้วขมวดคิ้วทันที
คุณนายหล่อนเห็นใบหน้าไม่พอใจของเขา คิดไปถึงที่ช่วงนี้สีหน้าของเวินหงหยู้ที่มีต่อจี้จิ่งเชินนั้นไม่ดีมาตลอด เมื่อวานก็ยังหาข้ออ้างต่อยตีกับเขา
ในความทรงจำของเธอ ระหว่างจี้จิ่งเชินกับเวินหงหยู้ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งบาดหมางกัน
แต่ว่าตอนนี้ ทำให้เวินหงหยู้เป็นกังวลขนาดนี้ได้ก็เหลือเพียงแค่เกี่ยวข้องกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
เมื่อก่อนเธอยังกังวลว่าตนเองจะรักเวินเที๋ยนเที๋ยนมากเกินไป หรือกังวลว่าตนเองจะนำมาซึ่งภาระ แต่ว่าในตอนนี้ดูแล้ว เวินหงหยู้ไม่ใช่เหรอ?
ถึงแม้ว่าทั้งคู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะแยกจากกันมายี่สิบปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและความรักของพวกเขาไม่ได้ลดลงเพราะเวลาหรือระยะห่าง แต่กลับใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นไปอีก
เวินหงหยู้ก็เหมือนกับเธอ เป็นห่วงและดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยนในแบบของตนเอง
คิดถึงตรงนี้ คุณนายหล่อนเอ่ยยิ้มๆ : “เที๋ยนเที๋ยนต้องโตและแต่งงาน คุณวางใจเถอะ ถ้าจี้จิ่งเชินกล้ารังแกเที๋ยนเที๋ยน พวกเราค่อยช่วยกันทวงความยุติธรรมให้เธอ”
เวินหงหยู้รู้ว่าจี้จิ่งเชินดีกับเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่กลับไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
ได้ยินคุณนายหล่อนพูดแบบนี้แล้ว ในที่สุดก็พยักหน้า หมุนตัวจากไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินอยู่ที่วิลล่าไม่กี่วัน เพราะงานที่บริษัทไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้นานจึงตัดสินใจกลับบ้าน ตกลงกันว่าถ้ากำหนดวันแต่งงานและเตรียมงานเสร็จแล้ว จะมาเชิญคนที่นี่ไปงาน
เมื่อกลับมาถึงที่ปราสาทเก่า แม่ครัวของพ่อบ้านที่รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนตอบรับคำขอแต่งงานของจี้จิ่งเชินแล้ว พากันแสดงความยินดี ชอบใจกันยิ่งกว่าจี้จิ่งเชินเองเสียอีก
กลับมาวันแรก เวินเที๋ยนเที๋ยนได้รับคำอวยพรจากทุกคน
พ่อบ้านมีงานยุ่งเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เริ่มเลือกโบสถ์กันแล้ว หาแล้วรอบหนึ่งยังไม่เจอที่เหมาะสม ถึงว่าขนาดจะให้จี้จิ่งเชินสร้างโบสถ์คิดมาโดยเฉพาะ
คิดไม่ถึงว่าเมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินคำแนะนำนี้ เขากลับไม่ปฏิเสธ แล้วยังคิดพิจารณาอย่างจริงจัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเรื่องนี้แล้วรีบร้อนหยุดเขา
ปราสาทเก่าทั้งหลังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนอกไปข้างนอก ก็เห็นคนสวนใช้หิมะที่ยังไม่ละลายปั้นตุ๊กตาหิมะสองตัวอยู่ในสวน
มองจากเอกลักษณ์ที่เห็นได้ชัดแล้ว เป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินที่เป็นต้นแบบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปใกล้ ก็พบว่าข้างตุ๊กตาหิมะสองตัวนั้นยังเขียนอักษรตัวใหญ่เรียงไว้ว่า ฉลองให้กับคุณชายที่ขอแต่งงานสำเร็จ
นี่มันอะไรกันเนี่ย