เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 732 ออกกำลังกาย
บทที่ 732 ออกกำลังกาย
จี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างประตู มุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
สีหน้าท่าทางเช่นนี้ เหมือนเจ้าพ่อ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทางของเขาแล้ว ทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา
“คุณจะทำอะไร? คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ รอให้ฉันทานข้าวเสร็จก็กลับไปได้?”
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว” จี้จิ่งเชินพูดตรงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนลืมตาขึ้นโตๆ
“ระดับผู้ก่อตั้งและเป็นถึงท่านประธานบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป บริหารทั้งบริษัท มีบริษัทเยอะแยะมากมายรอจะร่วมมือทำธุรกิจกับคุณ ถ้าพวกเขาได้ยินคำพูดนี้ของคุณเข้า รู้ว่าคุณชอบกลับคำพูด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงนะ?”
จี้จิ่งเชินได้ยินเช่นนี้ ในตาเหมือนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้ามา
พูดไปด้วยว่า: “ในเรื่องการงาน ต้องพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าคำพูดที่พูดกับภรรยาตัวเองล่ะก็ ใช้เล่ห์กลในบางเวลาก็ไม่เสียหายอะไร”
พูดแล้วเขาก็ยกมือขึ้นมาจับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน พูดต่อไปอีกว่า: “ยิ่งกว่านั้นคือ ผมทำเพื่อเที๋ยนเที๋ยน”
“หลายวันนี้คุณอยู่แต่ในบริษัท ถึงแม้จะมีเวลาบ้าง แต่พอกลับไปก็ต้องซ่อมแซมของสะสมที่เอามาจากท่านเปิง ต้องไม่มีเวลาออกกำลังกายแน่ๆ เวลานี้สามารถออกกำลังกายพอดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ
ในห้องนอน? จะออกกำลังกายได้ไง?
จี้จิ่งเชินยิ้มได้อย่างมีลับลมคมในมาก: “ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว หลังทานข้าวก็ต้องออกกำลังกายหน่อย แล้วค่อยกลับไปนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินถึงตรงนี้ กำลังจะถามพอดี ทันใดนั้นเห็นรอยยิ้มในแววตาของจี้จิ่งเชิน เธอตะลึงไปสักพัก ทันใดนั้นก็รีบดึงสติกลับ
วินาทีต่อไป แก้มเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
“คุณ คุณพูดบ้าอะไร? ถ้าถูกพวกพ่อบ้านได้ยินเข้า……”
“ผมบอกพวกเขาไว้แล้ว หลังทานอาหารเย็นห้ามขึ้นมาชั้นสอง คุณวางใจได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ยิ่งโมโห: “ถ้าคุณพูดแบบนี้ล่ะก็ ไม่ต้องขึ้นมาพวกเขาก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
จี้จิ่งเชินยักคิ้วเล็กน้อย
“งั้นผมถือโอกาสนี้ให้พวกเขาหยุดงานเลยดีมั้ย? เป็นไงครับ?”
“ถึงแม้จะไปแล้ว ก็รู้แล้วเหมือนกัน……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนบ่นอยู่หลายคำ เห็นจี้จิ่งเชินหัวเราะอย่างได้ใจ เข้าใจขึ้นมาทันที ตนเองโดนหลอกแล้วชัดๆ
และพูดต่ออีกว่า: “แต่ฉันยังไม่ได้บอกฉวีผิง เขาอาจจะกำลังรอฉันอยู่”
จี้จิ่งเชินเอามือโอบบนเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ค่อยๆจับเบาๆไปมา
“บอกตอนนี้ก็ยังไม่สาย”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ฝ่ามือของเขาลูบไปตามเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยน ฝ่ามือเหมือนเต็มไปด้วยความร้อน ถึงจะมีเสื้อกั้นไว้ แต่ก็ทำให้ผิวตรงเอวร้อนขึ้นด้วยเล็กน้อย
ความคิดของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆช้าลงเพราะท่าทางของจี้จิ่งเชิน เธอได้แต่อ่อนไหวไปตามท่าทางของจี้จิ่งเชิน
แต่เธอก็ยังฝืนพยายามมีสติ ยกมือขึ้นมากดมือของจี้จิ่งเชินไว้
“รอเดี๋ยว……”
จี้จิ่งเชินเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำปากจู๋
“ถ้าจะอยู่ที่นี่ต่อ ยังไงก็ต้องโทรศัพท์ก่อน บอกฉวีผิงก่อนจะดีกว่า”
จี้จิ่งเชินหยุด แล้วก็ยิ้มในที่สุด
“ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว ผมให้พ่อบ้านแจ้งไปทางคนตระกูลหล่อนแล้ว พวกเขารู้แล้วว่าคุณจะค้างคืนที่นี่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น
เพราะฉะนั้นคือ จี้จิ่งเชินวางแผนไว้แต่แรกหมดแล้ว วางกับดักแล้วรอให้ตนเองตกหลุมเข้ามา?
บางทีตั้งแต่เมื่อวาน จี้จิ่งเชินพูดว่าจะพาเธอกลับมาที่คฤหาสน์ ที่ว่าแม่บ้านได้คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ก็ได้คิดไว้แต่แรกแล้ว?
ในใจของเธอรู้สึกไม่พอใจ หันไปจ้องจี้จิ่งเชิน
แต่กลับไม่รู้ว่าขณะนี้ ในตาของตนเองน้ำตานอง หางตาแดงเล็กน้อย ตอนที่หันมา เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความรู้สึกที่ลึกซึ้งอย่างอธิบายไม่ถูก
จี้จิ่งเชินมองจนใจสั่น รีบเดินหน้าเข้าไปกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจกับท่าทางที่กะทันหันของจี้จิ่งเชิน
“คุณจะทำอะไร?”
จี้จิ่งเชินซบหน้าเข้าไปที่ซอกไหล่ของเธอ จูบเบาๆอย่างไม่หยุดยั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและถูกเขาผลักถอยหลังไปชนกับโต๊ะทำงานด้านหลัง
จี้จิ่งเชินพูดเสียงเบาๆ: “เวินเที๋ยนเที๋ยนยั่วผมก่อนนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันไตร่ตรอง ก็ลืมไปเลยว่าไตร่ตรองคืออะไร
สองมือที่ควรจะผลักจี้จิ่งเชินออกตั้งแต่ตอนแรก ค่อยๆเปลี่ยนเป็นกอดเอวของเขา นิ้วมืองอลงเล็กน้อย กำเสื้อเชิ้ตของจี้จิ่งเชินไว้
ใช้แรงเล็กน้อย ทำให้ชายเสื้อยับนิดๆ
จี้จิ่งเชินอุ้มเธอขึ้นมา ก้าวขาเดินไปทางห้องนอน
หัวเราะไปด้วย: “เวินเที๋ยนเที๋ยนชอบท่าออกกำลังกายแบบไหนนะ? ต้องทำให้คุณพอใจแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น จ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะเบาๆของจี้จิ่งเชิน
ไม่นานก็วางเวินเที๋ยนเที๋ยนลงบนเตียง นอนทับลงไป
ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายหนึ่งเพิ่งได้รับข่าวว่า เวินเที๋ยนเที๋ยนคืนนี้ไม่กลับมา พ่อบ้านฉวีผิงไปแจ้งให้คนอื่นๆทราบ ไม่ต้องรอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมา
หล่อนเจียนีที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกได้ยินคำพูดนี้แล้ว ทันใดนั้นในสมองมีความคิดอะไรอย่างหนึ่ง แววตาจ้องแต่กุญแจที่แขวนอยู่บนเอวของฉวีผิง
วันนี้ทั้งวันเธอคิดหาโอกาสจะเปิดประตูบานนั้น แต่กลับสังเกตเห็นว่านอกจากกุญแจแล้ว มันเปิดไม่ได้
หล่อนเจียนีเดินตามฉวีผิงทั้งวัน แต่นึกไม่ถึงว่าตาแก่คนนั้นระมัดระวังมาก เธอหาโอกาสไม่ได้สักที
ตอนนี้ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เธอค่อยๆย่องเดินไปข้างๆฉวีผิง
เห็นเขากำลังจะออกไป รีบเดินเข้าไปพุ่งชน
หล่อนเจียนีแรงไม่น้อย ชนจนทำให้เขาล้มลงกับพื้น
ก่อนที่ฉวีผิงจะตั้งตัวได้ เธอรีบเดินหน้าเข้าไปขโมยกุญแจที่แขวนอยู่ตรงเอวของพ่อบ้าน แล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ
สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห พูดอย่างไม่พอใจ: “เดินยังไง? ตาบอดรึไง?”
พูดจบ ยังจ้องหน้าคนอื่นแล้วก้าวเดินไปด้านหน้า
ผู้คนที่ได้ยินเสียงดังแล้วเข้ามาเห็นเธอพูดเช่นนั้น ในใจรู้สึกไม่พอใจ
ฉวีผิงกลับพูดว่า: “ช่างเถอะ”
แต่คนพวกนั้นก็ยังไม่พอใจ
“หล่อนเจียนีคนนี้เย่อหยิ่งจองหองเกินไปจริงๆ! คุณหนูแค่สงสารให้พวกเขาอยู่ต่อ นึกไม่ถึงว่าเธอยิ่งอยู่ยิ่งผยอง”
“หรือไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในสถานะเป็นแค่ผู้อาศัยเหรอ?”
ฉวีผิงหันหน้ากลับไปมองดูหล่อนเจียนีที่กำลังขึ้นบันไดไปชั้นบน แล้วหันกลับมา
“ช่างเถอะ พยุงฉันไปพักผ่อนหน่อยก็พอ”
พวกเขาถึงพยุงตัวฉวีผิงหันตัวเดินกลับไปห้องนอนของเขา
หล่อนเจียนีที่วิ่งตรงขึ้นไปหน้าประตูห้องทำงาน เอากุญแจออกมาดูสักพัก เห็นรอบๆไม่มีคน รีบๆเปิดประตูเดินเข้าไป
ห้องนี้เป็นห้องที่เก็บกว่าขึ้นมากะทันหัน ใช้เป็นห้องทำงาน
มองดูแล้วโล่งๆ นอกจากโซฟาที่วางอยู่ข้างกำแพง ก็เหลือแต่โต๊ะตัวเดียว บนโต๊ะมีอุปกรณ์ต่างๆวางอยู่
ก่อนหน้านั้นกล่องสีแดงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนนำมาอย่างระมัดระวัง ตอนนี้กำลังวางอยู่บนโต๊ะ
หล่อนเจียนีเห็นปุ๊บ รีบเดินเข้าไปและเปิดออกมาอย่างระมัดระวัง
เป็นกระเบื้องลายครามที่แตกออกเป็นสองท่อนอยู่ตรงหน้า บนนั้นมีรอยซ่อมแซมบ้างแล้ว
“นี่คือของที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลา?”
หล่อนเจียนีหยิบขึ้นมาดู นึกถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ท่าทางระมัดระวังในวันนั้น คิดว่าของชิ้นนี้ต้องเป็นของล้ำค่าแน่ๆ
ช่างมันว่าใครจะเป็นเจ้าของเดิม ถ้าหากว่าทำแตกอีกครั้ง เค้าต้องไม่มีทางปล่อยเวินเที๋ยนเที๋ยนแน่ๆ!