เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 737 ทึ่งกันทั้งงาน
บทที่ 737 ทึ่งกันทั้งงาน
พอได้รับการสนับสนุนจากเวินเที๋ยนเที๋ยน หลวนจื่อก็รีบเตรียมตัวเรื่องงานในครั้งนี้กับเคอเหยียนรุ่ย
ก่อนที่โชว์จะเริ่มขึ้น ยังมีการฝึกซ้อมหลายครั้งที่ต้องไปด้วยตนเอง เวินเที๋ยนเที๋ยนกังวลว่าเธอจะเกิดเรื่องขึ้น จึงหาเวลาไปด้วยกันกับเธอ
หลวนจื่อยิ้มและกล่าว: “คุณไม่ต้องห่วงฉันจริงๆ ยังไงฉันอยู่ในวงการนางแบบมาตั้งหลายปีแล้ว แค่การฝึกซ้อมเท่านั้น ไม่เกิดเรื่องแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังยืนกรานและพูดว่า: “ก็เมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนกันนี่”
เธอช่วยหลวนจื่อเตรียมของเสร็จและพาเธอขึ้นรถ
หลังจากที่ห่างหายไปนานหลายปี เคอเหยียนรุ่ยกลับมาเปิดงานแฟชั่นโชว์อีกครั้ง ธีมของการออกแบบก็น่าสนใจอย่างมาก คือปกป้องธรรมชาติและกลับคืนสู่สภาพเดิม
สถานที่จัดงานคือสวนสาธารณะที่หนึ่ง รอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เขียวขจี ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว สวนดอกไม้รอบๆก็เต็มไปด้วยตาดอกไม้
จุดศูนย์กลางของสวนสาธารณะได้สร้างแคตวอล์กขึ้นมาเป็นรูปตัวT เอาไว้ให้นางแบบทั้งหลายซ้อมเดินแบบล่วงหน้า ส่วนที่นั่งรอบๆและงานอื่นๆยังอยู่ระหว่างเตรียมการ
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนและหลวนจื่อถึงที่นั่น มีนางแบบหลายคนที่กำลังซ้อมอยู่ที่นั่นแล้ว
เคอเหยียนรุ่ยก็ยืนอยู่ข้างๆตรงนั้น ในมือถือโทรโข่ง กำลังกำกับท่าทางของทุกคนอยู่
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนและหลวนจื่อเดินเข้ามา ก็ดึงดูดสายตาคนมองไม่น้อย
คนในวงการแฟชั่นและวงการเดินแบบรู้จักหลวนจื่อเกือบทุกคน ข้อแรกก็เพราะว่าเธอคือซุปเปอร์โมเดลในประเทศที่มีน้อยมาก ข้อสองคือเพราะเรื่องข่าวของเธอกับหมินอันเกอ
เห็นเธอปรากฏตัวออกมา ตกใจจนลืมงานที่กำลังทำอยู่และหันมาทางนี้ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ
เคอเหยียนรุ่ยสังเกตเห็นแววตาของพวกเขา จึงรีบหันไปมองด้วย บนใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจ รีบร้อนเดินมาหา
พูดไปด้วยและแกะเครื่องเสียงที่ใส่ไว้บนหูออก: “หลวนจื่อ ในที่สุดคุณก็มาจนได้ วันก่อนกระโปรงที่คุณเลือกตัวนั้น ฉันแก้เรียบร้อยแล้ว ต้องพอดีตัวแน่นอน ฉันเป็นคนแก้มันกับมือด้วย คุณเข้าไปลองดูก่อนนะ ลองเดินและหาความรู้สึกดู”
แววตาของหลวนจื่อมองไปที่แคตวอล์กตลอดเวลา มองไปสักพักใหญ่ค่อยหันหน้ากลับมา แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองก็ได้ ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหม?คุณไปกำกับงานก็พอ”
เคอเหยียนรุ่ยหันมามองนางแบบที่ยืนอยู่บนแคตวอล์กในขณะนี้ มีนางแบบที่เขาเชิญมาครั้งนี้ยังเป็นมือใหม่หลายคน ไม่ค่อยชินกับงานโชว์แบบนอกสถานที่ครั้งนี้ เขาต้องอยู่กำกับจะดีที่สุด
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว พยักหน้า
“งั้นฉันให้ผู้ช่วยพาคุณไปนะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากจะตามเข้าไป แต่หลวนจื่อกลับบอกว่า: “เที๋ยนเที๋ยน คุณไม่ต้องตามเข้ามาก็ได้ เดี๋ยวฉันก็ออกมาแล้ว ช่วยฉันดูด้วยว่าความสามารถในการเดินแบบของฉันถอยหลังหรือเปล่า”
พูดแล้ว เอาของในมือให้เธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้แต่หยุดอยู่กับที่
“งั้นคุณระวังหน่อยนะ”
มองดูหลวนจื่อเดินไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ เคอเหยียนรุ่ยให้คนชงกาแฟมาให้ แล้วรีบไปกำกับนางแบบพวกนั้นต่อ
แฟชั่นโชว์ครั้งนี้ได้จ้างนางแบบทั้งหมดสิบกว่าคน บางคนเดินเสร็จแล้วนั่งพักอยู่ข้างๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเป็นห่วงหลวนจื่อที่เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ เพิ่งจะนั่งลงสักพัก ก็ได้ยินเสียงคนพูดดังมาจากข้างๆ
นางแบบสองสามคนเดินลงจากแคตวอล์กแล้ว ยืนซุบซิบกันเป็นกลุ่ม
“คนเมื่อกี้คือหลวนจื่อใช่ไหม? เธอก็มาเดินแบบด้วยเหรอ?”
“สองวันก่อนฉันได้ยินเคอเหยียนรุ่ยพูดว่า จะมีแขกรับเชิญพิเศษ ยังนึกว่าเชิญนางแบบแบรนด์ดังที่ไหน นึกไม่ก็แค่คนที่เก่าที่ล้าสมัยแล้วนี่เอง”
“ท้องกำลังโตอยู่ยังมาเดินแบบ ขยันจริงๆ หรืองานของหมินอันเกอก็เลี้ยงดูเธอไม่ไหวรึไง? ยังต้องออกมาหาค่านมลูกเอง”
“ไม่แน่เค้าอาจจะเลิกกันตั้งนานแล้วก็ได้ ถ้าไม่ใช่เธอใช้ลูกในท้องมาขู่หมินอันเกอ เขาจะสนใจเธอได้ยังไง?”
“พูดไปพูดมาต้องโทษเธอ เมื่อก่อนฉันชอบหมินอันเกอมากที่สุดเลยล่ะ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ ผู้ชายดีๆทั้งคนกลับถูกทำลายในเนื้อมือของเธอ ตอนนี้ยังจะมาแย่งงานกับพวกเราอีก”
“พอได้แล้ว นี่เขาเป็นแขกรับเชิญพิเศษที่เคอเหยียนรุ่ยเชิญด้วยตนเองเลยนะ”
“ใครจะไปรู้ว่าเค้าใช้วิธีอะไร? ฉันไม่สนใจหรอ”
พวกเขาพูดคุยกันอย่างไม่สนใจใคร ไม่กลัวคนอื่นได้ยินเลยสักนิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วแล้วหันไปมองอย่างไม่พอใจ
คนพวกนั้นรู้สึกถึงสายตาของเธอ หันมาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที สุดท้ายก็หยุดพูดคุยกันอีก
พนักงานก็มาเรียกพวกเค้าขึ้นเวทีพอดี จึงออกจากที่นั่นในที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น ในใจรู้สึกกังวล
ตอนที่เรื่องของเธอและหมินอันเกอถูกเปิดเผย มีแฟนคลับไม่น้อยที่เกลียดหลวนจื่อ ตอนนี้เธอก็ออกมาให้เห็นต่อหน้าผู้คนและยังต้องทนรับความกดดัน อีกทั้งยังกดดันมากกว่าตอนที่หมินอันเกอไปถ่ายละครอีก
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น รอบๆเงียบกะทันหัน สายตาของทุกคนต่างก็หันไปมองบนแคตวอล์กโดยไม่ได้นัดหมาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองด้วยความสงสัย เห็นหลวนจื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วและกำลังเดินออกมา
บนตัวของเธอใส่ชุดกระโปรงสั้นถึงหัวเข่าและมีสีเขียวอ่อน บนหน้าไม่ได้เสริมสวยทาแป้ง เมื่อกี้ยังพูดคุยอย่างยิ้มแย้มกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่เลย ตอนนี้ยืนอยู่บนแคตวอล์กแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
หลวนจื่อไม่ได้ใส่รองเท้า ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ หุ่นก็ยังสูงเหมือนเดิม แววตามองตรงไปด้านหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเธอแล้ว ในสมองนึกถึงเทพธิดาแห่งชาวเอลฟ์ เดินออกมาจากด้านหลังอย่างภาคภูมิใจ
พวกนางแบบที่ยังซุบซิบนินทากันไม่หยุด ตอนนี้เห็นภาพนี้แล้วต่างก็เงียบกันหมด แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตะลึงอยู่สักพัก ชินกับท่าทางที่ซุกซนขี้เล่นของหลวนจื่อ ในเวลานี้กลายเป็นซุปเปอร์โมเดลที่ใส่ชุดโชว์ด้านข้างอย่างมั่นใจ แม้แต่เธอยังอินกับบรรยากาศที่หลวนจื่อสร้างขึ้นมา
การฝึกซ้อมครั้งนี้ อยู่ในระหว่างที่ต้องรักษาความลับของงานออกแบบในครั้งนี้ ชุดเสื้อผ้าที่เธอและนางแบบคนอื่นๆใส่อยู่นั้นเหมือนกันหมด
แต่เสื้อตัวนี้ใส่อยู่บนตัวของหลวนจื่อแล้ว กลับสร้างความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ก็เหมือนหมินอันเกอ หลวนจื่อคือคนที่เกิดมาก็เหมาะกับการเดินแบบอยู่บนแคตวอล์ก
แค่เดินอยู่บนเวที ทำให้เธอกลายเป็นคนละคนไปเลย ความสามารถทั้งหมดถูกขุดออกมาหมด
หลายวันก่อนหลวนจื่ออยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนเลย สีหน้าไม่ค่อยดีหน่อย ดูเศร้าหมองนิดๆ เหมือนนกน้อยที่ถูกขังอยู่ในกรง แต่ในตอนนี้ดูดีเหมือนเทพธิดาเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า
แค่มองดูแววตาของผู้คนที่อยู่รอบๆทั้งอิจฉาทั้งริษยา ก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าการเดินแบบของหลวนจื่อครั้งนี้ประสบความสำเร็จมากขนาดไหน!
จนซ้อมเสร็จเรียบร้อย เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินไปหา
กำลังจะยินดีกับเธอด้วย ก็เห็นหลวนจื่อที่เพิ่งจะลงจากเวทีกลับมากลายเป็นเด็กที่ซุกซนเหมือนเดิม กำลังรีบร้อนมาดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนหน้าแดงๆ
“เมื่อกี้ฉันทำได้เป็นไงบ้าง? พอใช้ได้ไหม?”
“แค่พอใช้ได้ที่ไหนล่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนชื่นชมเธอด้วยความตื่นตาตื่นใจ: “พูดได้ว่าเพอร์เฟคเลยทีเดียว! หลวนจื่อ คุณเกิดมาเพื่อเวทีนี้เลยนะ”
หลวนจื่อได้ยินแล้ว หน้าแดงขึ้นมาอีก
“ใช่เหรอ? ฉันยังกังวลว่าไม่ได้เดินนานแล้ว จะไม่ค่อยชินกับแคตวอล์กแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกล่าว: “คุณวางใจได้เลย ต้องยอดเยี่ยมจนน่าทึ่งแน่นอน”
กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เคอเหยียนรุ่ยที่ดูการแสดงอยู่ด้านหน้าก็เดินเข้ามาอย่างน่าตื่นเต้น
ท่าทางของเขามองดูแล้วดีใจยิ่งกว่าหลวนจื่ออีก รีบร้อนพูด: “หลวนจื่อ แม่เจ้า คุณทำได้เยี่ยมมากเลย! เป็นมิวส์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉันจริงๆ! คุณคือคืนที่เหมาะสมกับเสื้อผ้าชุดนี้ที่สุด!”