เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 744 จะลงมาเองหรือให้ฉันอุ้มลงมา
บทที่ 744 จะลงมาเองหรือให้ฉันอุ้มลงมา
ในเวลานี้อีกด้านหนึ่ง หลวนจื่อถูกหมินอันเกอพากลับไปที่บ้านพักในชานเมือง
ระหว่างทาง หมินอันเกอเอาแต่ขับรถและไม่เอ่ยพูดจาใดๆ
หลวนจื่อเห็นแล้ว ก็รู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง
นับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เธอรู้สึกได้ว่าบุคลิกของหมินอันเกอเปลี่ยนไปไม่น้อย
เมื่อก่อนเขาดูแล้วอ่อนโยนสง่างาม แต่ตอนนี้เมื่อหลวนจื่อมองใบหน้าเขา ในใจกลับรู้สึกกลัวเล็กน้อย
เธอนั่งอยู่ข้างๆ อย่างประหม่า มือทั้งสองกุมกันเอาไว้ ศีรษะก้มต่ำลง แสดงท่าทางรู้สึกผิดและเสียใจ
กระทั่งรถหยุดลง เธอก็ยังไม่รู้ว่าตนถึงบ้านแล้ว
จนกระทั่งประตูรถถูกเปิดออก เมื่อเธอหันไปดู ก็เห็นเป็นหมินอันเกอที่ยืนอยู่ข้างนอก ความรู้สึกผิดของเธอเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ขอโทษ ฉัน…”
ยังไม่ทันพูดจบ หมินอันเกอก็เอนตัวเข้ามาและปลดเข็มขัดนิรภัยของหลวนจื่อทันที
หลวนจื่อยังคงไม่ขยับ เธอก้มหน้าลง จากนั้นเอ่ยอธิบายต่อ “อันที่จริงฉันคิดจะบอกคุยก่อน แต่ว่าฉันก็กลัวว่าคุณจะไม่ยอมให้ฉันเข้าร่วม ก็เลยได้แต่ปกปิดคุณเอาไว้ ฉันกะว่ารอคุณกลับมาจะบอกคุณทันที”
พูดจบ เป็นเวลานานกลับไม่มีการตอบรับใดๆ จากหมินอันเกอ
เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายเงียบ ๆ
หมินอันเกอยืนอยู่หน้ารถ คิ้วของขมวดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าราบเรียบ ดูไม่ออกว่าดีใจหรือโมโห
เขาแค่เอ่ยปาก “จะลงมาเองหรือให้ฉันอุ้มคุณ?”
หลวนจื่อได้ยินประโยคนี้ก็ตะลึงตาค้างไป
“อะไรคะ?”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ หมินอันเกอก็ก้มลงเล็กน้อยและโน้มตัวเข้ามา สองมือโอบเอวของหลวนจื่อและอุ้มเธอหันกลับเข้าไปในวิลล่า
หลวนจื่อตะลึงนิ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ถึงค่อยกลับมามีสติ
เธอยังไม่ทันได้เอ่ยพูด ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้น
“คุณ คุณทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ? วางฉันลง ฉันเดินเข้าไปเองได้”
หมินอันเกอไม่พูดจา แต่กลับเม้มริมฝีปากแน่นและเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเห็นใบหน้าของเขาไร้การแสดงออก หลวนจื่อก็ถึงกับหวาดกลัวขึ้นมาอยู่บ้าง ปากของเธอเปิดขึ้นแต่กลับไม่ได้เอ่ยเถียงอะไรกับเขา สุดท้ายก็ยอมให้เขาอุ้มเอาไว้ในอกแต่โดยดี
เมื่อเข้ามาในห้อง หมินอันเกอก็วางเธอลงบนโซฟา
หลวนจื่อกำลังจะอธิบาย แต่กลับเห็นหมินอันเกอคุกเข่าลงตรงหน้าตนเองจากนั้นก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
หลวนจื่อกลัวจนหยุดหายใจไป และไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
หมินอันเกอยกเท้าของเธอขึ้นและถอดรองเท้าออก
เท้าของหลวนจื่อขาวซีดอยู่บ้างเนื่องจากความเย็น จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่อุ่นขึ้นมา
เธอหดตัวหนีเล็กน้อยด้วยความเกรงใจ แต่แค่ขยับตัว เธอก็ถูกหมินอันเกอหยุดไว้
ข้อเท้าของเธอถูกยึดไว้แน่น จนไม่สามารถถอยหนีได้
มองไปที่เท้าสีขาวซีดด้วยความหนาว หมินอันเกอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าบนเวทีแคทวอล์คเมื่อครู่ หลวนจื่อจะเดินไปแบบนี้
วันนี้แต่เดิมก็หนาวยะเยือก บนพื้นเองก็ไม่มีเครื่องทำความอุ่นและกลายเป็นความหนาวเยือก บวกกับกระโปรงที่ออกแบบโดยเคอเหยียนรุ่ยนั้นแต่เดิมก็ไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้เลยสักนิด
เมื่อนึกถึงตรงนี้ สีหน้าของหมินอันเกอก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากอยู่บ้าง
“ทำไมไม่ใส่รองเท้า? ”
หลวนจื่อไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะ
“ฉันใส่แล้ว เมื่อครู่คุณไม่ได้เพิ่งจะถอดมันออกหรือคะ….”
“ฉันกำลังพูดถึงเวลาเดินแบบ”
หลวนจื่อได้ฟัง ก็เอ่ย “ใส่รองเท้าส้นสูงไม่ได้ คุณคงไม่ได้ให้ฉันใส่รองเท้าผ้าไปเดินแคทวอร์คหรอกนะ?”
หมินอันเกอมองเธออย่างไม่พอใจ
“ถ้าคุณรู้ว่าใส่ส้นสูงไม่ได้ ทำไมยังไปตอบรับอีก? ไม่หนาวหรือ? ถ้าเกิดเรื่องจะทำยังไง? ต่อให้ไม่เกิดเรื่อง แต่ถูกความเย็นเข้าจนไม่สบายขึ้นมา คุณจะทำยังไง? ตามแผนเดิม ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งเดือนกว่าฉันจะกลับมา มีแค่คุณอยู่คนเดียวในวิลล่า … ”
หมินอันเกอพูดออกมายาวเหยียด ท่าทางโมโห จนหลวนจื่อตกใจนิ่งไป
แต่ทันทีที่เธอได้สติ เธอก็ตบหน้าอก สีหน้าผ่อนคลาย
“ไม่เป็นไร ฉันดูแลตัวเองได้ คุณลืมแล้วหรือไง? เมื่อก่อนตอนฉันวิ่งงานเดินแบบ ก็มีแค่ฉันตัวคนเดียว”
เธอเอ่ยพร้อมท่าทางภูมิใจน้อยๆ
แต่หมินอันเกอกลับยังไม่พอใจ เขาเงยขึ้นมองหน้าเธอ
“ตอนนั้นมีแค่คุณคนเดียว แต่ตอนนี้มีสองคน”
หลวนจื่อได้ฟังก็เงียบลงทันทีเธอก้มหน้าลงต่ำ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด..
“ขอโทษนะคะ ฉันตั้งใจจะบอกคุณ แต่…”
“คุณกลัวว่าฉันจะไม่เห็นด้วยเหรอ?” หมินอันเกอพูดต่อจากเธอ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินพูดในวันนี้ และเห็นท่าทางตำหนิตนเองของหลวนจื่อ หมินอันเกอก็ถอนหายใจอยู่ในใจ
“ถ้าคุณอยากออกไป ก็บอกฉันได้ ไม่จำเป็นต้องปกปิด”
หลวนจื่อเอ่ย “ถ้าฉันบอกคุณก่อน คุณจะยอมให้ฉันเข้าร่วมงานหรือคะ?”
หมินอันเกอไม่ได้พูด ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ให้”
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของหลวนจื่อก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ฉันรู้อยู่แล้ว…..ดังนั้นถึงได้ไม่เลือกที่จะบอกคุณ”
หมินอันเกอไม่เอ่ยตอบเธอ และหันหลังกลับไปหยิบรองเท้าแตะผ้าฝ้ายมาไว้ข้างหน้าเธอจากนั้นจึงย่อตัวลง
หลังจากครุ่นคิด ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา “คุณอยากช่วยเคอเหยียนรุ่ยขนาดนั้นเลยหรือ? อยากเจอเขาแม้ว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยก็ตาม…”
หลวนจื่อได้ยินประโยคนี้ เธอก็งุนงงอยู่บ้าง แต่กลับเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“คุณหมายถึงอะไร?”
ริมฝีปากของหมินอันเกอเม้มแน่น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่บางครั้งมองดูแล้วสามารถรับรู้ได้ถึงความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่หลังจากห้องน้ำกลับไม่มีความรู้สึกใดปรากฏอยู่
เขาไม่ได้อธิบาย แต่หลวนจื่อกลับเดาบางอย่างได้
“คุณสงสัยว่าฉันกับเคอเหยียนรุ่ย?”
หมินอันเกอทำเพียงก้มหน้าลง และเอ่ยเรียบๆ “เมื่อก่อนเขาดีกับคุณอย่างยิ่ง ดีไซน์ครั้งนี้ไม่ได้ออกแบบจากคุณหรือไง?”
นี่เป็นสาเหตุที่หมินอันเกอไม่เห็นด้วยกับหลวนจื่อ
เคอเหยียนรุ่ยสร้างการโชว์ครั้งนี้โดยได้รับแรงบันดาลใจจากหลวนจื่อ อีกทั้งยังให้หลวนจื่อมีส่วนร่วมในการเดินแบบ ทำให้หมินอันเกอรู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจ
แต่เมื่อเขาวิเคราะห์ลงไปลึกๆ ความรู้สึกนี้ของเขาเกิดขึ้นก็เพราะเขาแค่ไม่อยากให้เคอเหยียนรุ่ยและหลวนจื่อติดต่อกันไปมากกว่านี้ก็เท่านั้น
หลวนจื่อกลับไม่พอใจและเก็บเท้าของตนกลับมาอย่างรวดเร็ว หลีกหนีจากการควบคุมของหมินอันเกอ
“หมินอันเกอ คุณคิดอะไรอยู่? ฉันกับเคอเหยียนรุ่ยเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น?
มือของเขาว่างเปล่า แต่หมินอันเกอกลับไม่ได้เก็บมันกลับมาและยังคงค้างเอาไว้แบบนั้น
“หลายวันมานี้คุณไปหาเขาอยู่หลายครั้งใช่ไหม?”
“นั่นเป็นเพราะพวกเราต้องซ้อมการเดินแบบ”
เพิ่งจะอธิบายเสร็จ หลวนจื่อกลับสังเกตขึ้นมาได้ เธอเอ่ยอย่างประหลาดใจ “คุณรู้ได้ยังไง? หมินอันเกอ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
หมินอันเกอลุกขึ้นยืน เขาไม่ได้ช่วยเธอสวมรองเท้าแตะผ้าฝ้ายอีกต่อไป อีกทั้งยังเอ่ยขึ้น “ก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณเท่านั้น ถ้าคุณคิดว่าไม่เป็นอะไร ฉันก็ไม่บังคับ”
พูดจบ ไม่รอให้หลวนจื่อได้เอ่ยพูด เขาก็หันหลังจากไป
หลวนจื่อจับเท้าของตน และมองไปยังรองเท้าแตะที่พื้น
หรือว่าหมินอันเกอจะกำลังสงสัยว่าเธอกับเคอเหยียนรุ่ยมีอะไรระหว่างกัน?
นี่เขากำลังคิดเรื่องฟุ้งซ่านอะไรเนี่ย?”
หลวนจื่อนิ่งคิด จากนั้นจึงรีบสวมรองเท้าแตะ และเดินตามทิศทางที่หมินอันเกอเดินไปเมื่อครู่
แต่เมื่อหาเขาไปรอบๆ เธอกลับไม่พบร่องรอยของใคร
จากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถจากด้านนอก
หลวนจื่อขมวดคิ้วอย่างงุนงง เธอเปิดประตูออกไป และเห็นหมินอันเกอกลับไปที่รถอีกครั้ง และสตาร์ทรถราวกับกำลังจะออกจากไป