เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 754 เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม
บทที่ 754 เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม
“พี่หมินคะ หมินอันเกอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบตะโกนเรียกอยู่ครั้งสองครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงอะไรจากฝ่ายตรงข้าม
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิ้วขมวด สุดท้ายแล้วก็ตัดสายโทรศัพท์ไป
เมื่อหันหน้ามา ก็เห็นสายตาเป็นกังวลของฉวีผิงและแม่ครัว เธอเอ่ยด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “หมินอันเกอน่าจะกำลังมาแล้ว”
ภายในห้องฉุกเฉินไม่มีเสียงอะไรเลยแม้แต่น้อย เวินเที๋ยนเที๋ยนรออยู่ด้านนอกอย่างเคร่งเครียด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากระเบียงทางเดิน
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบลุกขึ้นยืน หันหน้าไปมอง เดิมคิดว่าหมินอันเกอมาถึงแล้ว แต่เมื่อหันไปกลับเห็นจี้จิ่งเชินแทน
จี้จิ่งเชินที่ได้รับข่าวคราวก็รีบมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขาแล้ว ในใจก็รู้สึกมีที่พักพิงขึ้นมา รีบเดินเข้าไปหาทันที
จี้จิ่งเชินอ้าแขนทั้งสองข้าง โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วกอดเอาไว้แน่น
“เป็นอย่างไรบ้าง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า เกิดเรื่องแบบนี้กับหลวนจื่อ เธอเครียดยิ่งกว่าทุกคน
แต่ตอนนี้ในปราสาทมีเพียงแค่พวกเขาไม่กี่คน ถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนจะลนลาน แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ ทั้งยังต้องปลอบประโลมและเตือนพวกเขาถึงสถานที่ที่จำเป็นต้องระวังด้วย
ถ้าหากว่าแม้กระทั่งเธอก็ลนลานทำอะไรไม่ถูกไปด้วย แบบนั้นจะยิ่งแย่ไปอีก
ในเมื่อจี้จิ่งเชินปรากฏตัวขึ้นแล้วในตอนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรู้สึกมีที่พึ่งพิงในทันที
“ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่เลย คุณหมอบอกว่า แม้ว่าจะส่งมาได้ทันเวลา แต่สถานการณ์ค่อนข้างสาหัส จำเป็นจะต้องเข้าสู่กระบวนการสังเกตการณ์ ถึงจะรู้ว่าสามารถรักษาเด็กเอาไว้ได้หรือไม่ ฉันแจ้งให้หมินอันเกอรู้แล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่ระหว่างทางกลับมานะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงตอนที่ตัวเองโทรศัพท์หาหมินอันเกอ เสียงเพล้งที่ดังออกมาจากลำโพงนั้น คล้ายกับเสียงโทรศัพท์มือถือตกลงบนพื้น
แค่คิดก็รู้แล้วว่า ตอนแรกหมินอันเกอตกตะลึง
เมื่อเอ่ยถึงคนคนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี
เห็นอยู่ชัดๆว่า แรกเริ่มตัวเองสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า จะดูแลหลวนจื่อให้ดี
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้ว………..
ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการที่ตัวเองไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ
ถ้าหากวันนี้เธอไม่ได้ไปที่บริษัท แต่อยู่เป็นเพื่อนข้างกายหลวนจื่อตลอด อาจจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนจมอยู่กับการตำหนิตัวเอง จี้จิ่งเชินจับมือของเธอแน่น
“ไม่ต้องเป็นห่วง จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหน้าไป ซุกหน้าอยู่กับแผงอกของจี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินกวาดสายตามองผ่านร่างฉวีผิงและแม่ครัวไป สอบถามว่า “หลวนจื่อได้รับบาดเจ็บในห้องรับแขกหรือว่ากลิ้งตกลงมาจากบันได ทำไมพวกคุณถึงไม่พบ”
ทั้งสองคนสบตากันและกัน เต็มไปด้วยการตำหนิตัวเอง
“ตอนนั้นดิฉันกำลังเตรียมตัวทำงานอยู่สถานที่อื่น”
“ผมอยู่ด้านหลังสวนตลอด พบว่าหล่อนเจียนีไม่ได้กลับมาทำงานในหน้าที่ของตัวเอง ตอนที่จะไปตรวจดูนั้น ก็เห็นคุณหลวนนอนอยู่บนพื้นในห้องรับแขก”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดคิ้ว สอบถามต่อว่า “หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันล่ะ หลังจากเกิดเรื่องขึ้นแล้ว พวกคุณได้พบพวกเธออีกหรือไม่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
หลวนจื่อเป็นคนที่รอบคอบอยู่เสมอ สำหรับลูกของตัวเอง หลวนจื่อก็ใส่ใจและระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทำไมครั้งนี้ถึงได้ไม่ระวังกลิ้งตกลงมาจากบันไดได้กัน
ฉวีผิงที่ได้ยินก็ส่ายหน้า ในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
“เมื่อครู่นี้ผมถามคนที่อยู่ในปราสาทแล้ว พวกเขาบอกว่า หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่เห็นหล่อนเจียนีอีก ส่วนหล่อนเจียนีนั้นอยู่ที่สวนหลังบ้านตลอด”
ฟังถึงตรงนี้แล้ว ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มีการคาดเดาหนึ่งโผล่ออกมา
ออกคำสั่งเสียงเย็นว่า “ให้คนหยิบกล้องวงจรปิดในห้องรับแขกออกมา ส่งมาที่โรงพยาบาลโดยตรง อีกครู่หนึ่งฉันจะไปดู”
“ครับ คุณหนู”
ฉวีผิงพยักหน้าจริงจัง และหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว
เพิ่งจะจากไปได้ไม่กี่นาที หมินอันเกอก็มาถึงแล้ว
บนร่างของเขายังคงสวมเสื้อผ้าในรายการ บนใบหน้าก็ยังมีเครื่องสำอาง แต่สีหน้ากลับขาวซีด รีบเข้ามาด้านในจากข้างนอกอย่างเร่งรีบ
ยังไม่ทันจะเข้ามาใกล้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของแฟนคลับเหล่านั้นลอยมา ถัดมา ก็เห็นหมินอันเกอฝ่าวงล้อมนั้นเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเขา ในใจก็เกิดความรู้สึกละอายและตำหนิตัวเองขึ้นมา
หมินอันเกอรีบก้าวเข้ามา ฝีเท้าลนลาน ถามอย่างร้อนรนว่า “หลวนจื่อล่ะ เธอเป็นอย่างไรบ้าง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยปากอย่างยากลำบาก
“ขอโทษค่ะ ตอนนี้เธอยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน เด็กจะรักษาเอาไว้ได้หรือไม่นั้น ต้องรอดูสถานการณ์อีกครู่หนึ่ง………..”
หมินอันเกอที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ยืนอย่างไม่มั่นคงอยู่บ้าง พิงร่างเข้ากับกำแพง ถึงได้ไม่ล้มลงไป
เขาพยายามรักษาให้เสียงของตัวเองราบเรียบ แต่ก็ยังฟังออกถึงเสียงสั่นๆได้บ้างอยู่ดี
“เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่”
เวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งตำหนิตัวเอง ทั้งรู้สึกละอาย
“สถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมยังต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนถึงจะรู้ แต่จากสถานการณ์ในพื้นที่เกิดเหตุ น่าจะตกลงมาจากบันได”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่กล้าบอกสภาพการณ์ในห้องรับแขกตอนนั้นกับเขา
ถ้าหากว่าถูกหมินอันเกอรู้ล่ะก็ ก็ไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดจนมีสภาพอย่างไร
แม้ว่าจะเป็นเธอ พอได้ยินผู้ดูแลบ้านอธิบายถึงสภาพการณ์ในห้องรับแขก ก็ยังเจ็บปวดใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หมินอันเกอฟังจบแล้ว ก็กำหมัดแน่น แต่กลับกัดฟันเอ่ยพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนว่า “เที๋ยนเที๋ยน ไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้ฉันก็จะพาหลวนจื่อไป”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ถึงความกังวลและเสียใจในภายหลังของเขา แต่ก็ยังเอ่ยอย่างลังเลว่า “ถ้าหากว่าหลวนจื่อไม่เห็นด้วยล่ะ………..”
“แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วย ฉันก็จะพาเธอไป” หมินอันเกอเอ่ยอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
ไม่มีใครเข้าใจว่า ตอนที่หมินอันเกอได้ยินว่าหลวนจื่อได้รับบาดเจ็บนั้น หัวใจของเขาคล้ายกับว่าถูกฉีกออก เขาโยนงานเลี้ยงพบปะแฟนคลับถัดไปทิ้งแล้ววิ่งมา กระทั่งร่างกายก็ยังคงสั่นระริกอยู่
เขาเฝ้าอธิษฐานนับครั้งไม่ถ้วน เสียใจในภายหลังนับหลังไม่ถ้วน บอกกับตัวเองว่าหลวนจื่อจะต้องไม่เป็นอะไร
ตอนที่ก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลนั้น เขาก็ตัดสินใจแล้วว่า ถึงหลวนจื่อจะไม่เห็นด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธ แต่ก็ต้องปกป้องเธอไว้อยู่ข้างกาย จะต้องไม่ให้เธอมีอันตรายอีกแม้แต่น้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสายตาแน่วแน่ของเขาแล้ว ถึงได้พยักหน้าในที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินด้วยความเคร่งเครียด ไม่กล้าจากไป
และก็รอเป็นเวลานาน ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก คุณหมอเดินออกมา
เขาสูดลมหายใจยาว บนหน้าผากยังมีเม็ดเหงื่ออยู่
เห็นการกระทำของเขาแล้ว ใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกห้อยขึ้นมาอีก
“เป็นอย่างไรบ้างคะ”
เมื่อเอ่ยปาก เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พบว่าเสียงของตัวเองสั่นเล็กน้อย
หมินอันเกอคล้ายกับว่าไม่
กล้าเดินเข้ามา มองพวกเขาอยู่จากที่ไกลๆ มือทั้งคู่กำหมัดแน่น แววตากลับอับแสงราวกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง
ในที่สุดคุณหมอก็อ้าปากพูดว่า “จากความพยายามของพวกเรา โชคดีที่ทารกในครรภ์เกาะแน่น เพียงแต่ว่าต่อไปจำเป็นต้องพักผ่อนอยู่บนเตียง ไม่สามารถออกกำลังกายหักโหมได้ หลายเดือนต่อไปก็ต้อง………”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ ก็เห็นหมินอันเกอที่อยู่ไม่ไกลวิ่งเข้ามา ใบหน้าแฝงไปด้วยความยินดีและลนลาน ผลักคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าออก และวิ่งตรงเข้าไป
ตอนที่เห็นหลวนจื่อกำลังหลับตานอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดขาวแล้ว ความอึดอัดโศกเศร้าที่อยู่บริเวณหน้าอกกลุ่มนั้นก็ถูกปล่อยออกมาในที่สุด
ใบหน้าที่มีความหวาดหวั่นก็ค่อยๆสงบลง การที่ได้รับสิ่งนั้นกลับคืนมาหลังจากต้องสูญเสียไปทำให้เขาประสบกับความรู้สึกหวาดหวั่นและยินดีปรีดาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน