เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 810 ความแข็งกระด้างกลับกลายเป็นความอ่อนโยน
บทที่ 810 ความแข็งกระด้างกลับกลายเป็นความอ่อนโยน
“พวกเขาคงจะพบเรื่องร้าย ๆ มาขณะที่ล่องลอยอยู่กลางทะเล เตรียมอาหารเสริมบำรุงร่างกายให้เขาเถอะ คนอาวุโสติดอยู่ในเรือมาตั้งนาน มันคงจะแย่หากเกิดโรคร้ายอะไรขึ้น”
“ฉันให้คนนำอาหารเสริมมาให้” จี้จิ่งเชินกล่าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาโต ตกใจแล้วพูดว่า: “คงไม่ต้องหรอก? ฉันทำเองก็ได้แล้ว”
“คุณน่ะเหรอ? ” จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้นถึงกับขมวดคิ้ว
“ทำไมเหรอ? คุณคิดว่าฉันทำไม่อร่อยใช่ไหม? ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” จี้จิ่งเชินเกิดความรู้สึกหึงหวง เขาแค่ไม่เต็มใจที่เวินเที๋ยนเที๋ยนทำอาหารให้คนอื่นทาน
“ไม่เป็นไร เขาคงน่าจะหิวแย่แล้ว หากรอคนนำส่งมาให้ ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่”
จี้จิ่งเชินยังคงลังเลใจ เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนยืนยันหนักแน่น ในที่สุดจึงยอมตกลง
“ทำอาหารให้ทานได้ แต่ห้ามทำข้าวต้มปลาเด็ดขาด” เขาพูดอย่างดื้อรั้นมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกตะลึงเล็กน้อย เข้าใจในทันที จึงหัวเราะขึ้น
“รู้แล้วล่ะ ข้าวต้มปลาเป็นอาหารเฉพาะของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ฉันไม่มีทางลืมหรอก” พูดจบ แววตาแสดงออกถึงความเจ้าเลห์แวบหนึ่ง และตั้งใจพูดออกมาว่า: “แม้ว่าจะทำข้าวต้มปลา ก็คงไม่มีเนื้อปลา พวกเรายังตกปลากันไม่ได้เลย”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น ใบหน้ามีอาการแข็งทื่อ แม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ ทำไมครั้งนี้ถึงตกปลาไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดว่า: “ไม่เป็นไรหรอก ชาวประมงออกหาปลาบริเวณแถบนี้มานาน คงจะรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ สามารถให้เขาสอนพวกเราได้”
จี้จิ่งเชินได้ยินที่พูด แม้ว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็คงต้องเห็นด้วยตามนั้น
“งั้นก็คิดว่าเป็นออเดิฟแล้วกัน อาหารฝีมือของเที๋ยนเที๋ยนมีราคาแพงนะ”
ขณะที่พูด ดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้น จ้องมองที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตลอด
เธอมองเห็นจากลูกตาคู่นั้น สะท้อนเห็นเพียงแค่ตัวเธอ
ยังเห็นอีกว่า แววตาของเขาดูเงียบสงบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเขินอายจึงได้หลบหลีกสายตาคู่นั้น
เธอดีเหมือนที่เขาพูดขนาดนั้นที่ไหนกัน?
“นั่น……” ขณะนั้นชาวประมงก็เดินมาถึง สอบถามว่า: “พวกคุณสามารถติดต่อไปยังคนภายนอกได้บ้างไหม? ”
สายตาอันแหลมคมของจี้จิ่งเชินมองไปยังชาวประมงอาวุโส แสดงท่าทีระมัดระวัง
ชาวประมงอาวุโสตกใจถึงกับต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เขาไม่เข้าใจ ทำไมชายผู้ที่อ่อนโยนกับคู่รักของเขาเมื่อสักครู่นี้ แสดงอาการเย็นชากับเขาขนาดนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบจับตัวเขาเอาไว้ ถามไปว่า: “มีเรื่องอะไรกันเหรอ? ”
“ฉันคิดว่า หากเป็นไปได้จะขอให้พวกคุณช่วยติดต่อไปยังครอบครัวของฉัน บอกพวกเขาว่าฉันอยู่ที่นี่ ลูกสาวของฉันก็จะมารับฉันกลับไป”
เขาต้องการที่จะกลับไป แต่เรือประมงยังคงอยู่ที่นี่
สำหรับเขาแล้ว เรือประมงก็เสมือนกับชีวิต คือส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไปไม่ได้
อีกทั้งบนลำเรือยังมีปลาที่เขาจับได้ในช่วงก่อนนี้ ลูกสาวใกล้จะเปิดเทอมแล้ว จำเป็นที่จะต้องขายปลา เพื่อนำมาเป็นค่าเทอม
เขาหวังว่าจะอาศัยจี้จิ่งเชินติดต่อไปยังคนที่บ้านของเขา ให้คนมานำเรือลากกลับไป
มิเช่นนั้นแล้ว หากเมื่อเขาออกจากที่นี่ไป ตอนที่น้ำขึ้นในครั้งถัดไป ไม่แน่ว่าเรือประมงอาจจะถูกพัดออกไปอีก
จี้จิ่งเชินไตร่ตรองสักครู่จึงตอบตกลง
“คุณคิดจะติดต่อไปหาใคร ฉันสั่งให้คนไปยังเกาะข้าง ๆ นี้ให้” ไม่ว่าคนนี้จะเป็นใคร เขาก็คงไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามพักอยู่ที่นี่
ให้เขารีบออกจากเกาะที่ไม่มีคนนี้ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี ตนเองกับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้ท่องเที่ยวฮันนีมูนกันหลังจากที่รอคอยมานาน เขาไม่ต้องการให้คนนอกมารบกวน
ชาวประมงทั้งสองคนรีบตอบตกลงทันที
จี้จิ่งเชินนำกระดาษและปากกาส่งให้เขา รอชาวประมงเขียนคำพูดที่ต้องการส่งให้กับคนที่บ้านเสร็จแล้ว เขาจึงเก็บมันเอาไว้
“ฉันจะสั่งให้คนไปแจ้ง พรุ่งนี้คงน่าจะได้รับทราบข่าวสาร”
เวินเที๋ยนเที๋ยนวางใจเสียที หันศีรษะมองไปที่ชาวประมง
“คุณลุง คุณ……”
ชาวประมงรับโบกมือไปมา พูดว่า: “ฉันแซ่หง เรียกฉันว่า อาหง ก็ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม
“ลุงหง เข้ามาด้านในก่อน ฉันเตรียมที่จะทำอาหารแล้ว”
ชาวประมงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง เหมือนว่ากังวลเสื้อผ้าของตนจะไปทำให้โซฟาสกปรก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะไปก็พูดเตือนจี้จิ่งเชินว่า: “คุณอย่าทำหน้าบึ้งตึง ลุงหงหวาดกลัวหมดแล้ว”
“ฉันทำอย่างนั้นเหรอ? จี้จิ่งเชินถามกลับ”
“คุณคิดว่าอย่างไรหล่ะ? ”
จี้จิ่งเชินทำท่ายักไหล่ “ฉันจะพยายาม”
พูดจบ ก็กลับไปนั่งที่ห้องรับแขก นั่งอยู่ตรงข้ามของลุงหง สองคนนั่งมองกันแต่ไม่ได้พุดคุยกัน
ลุงหงตกใจกับแววตาของเขา ยิ่งรู้สึกตึงเครียดมากขึ้น
ผ่านไปชั่วครู่ เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมาจากห้องครัว เห็นสองคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ลุงหง มาทานอาหารได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลุงหงกระโดดตัวขึ้นทันที รีบเดินไปยังห้องอาหาร ราวกับว่ากำลังหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
เวินเที๋ยนเที๋ยนตักน้ำซุปให้เขาหนึ่งถ้วย
ลุงหงพเนจรอยู่บนท้องทะเลเป็นเวลานาน เป็นครั้งแรกที่ได้ทานอาหารร้อน ใช้สองมือถือประคองไว้ ดื่มคำละนิด ท่าทางดูเคลิบเคลิ้มเป็นอันมาก
เสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้นมาจากด้านหลังอย่างกระทันหัน
“ฉันบอกแล้วว่าคุณทำอาหารได้อร่อยที่สุดอยู่แล้ว? ”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโอ้อวด
ก็เหมือนกับว่าฝีมือการทำอาหารของเธอได้รับการยอมรับ เป็นเรื่องที่น่าดีใจเป็นอย่างมาก แล้วสายตาก็มองไปที่ชาวประมง ยังคงเป็นอารมณ์ที่ประมาณว่าคุณน่ะโชคดีแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเก้อเขิน
“ทำไมคุณเพิ่งมาตอนนี้? ”
ได้ยินที่พูด จี้จิ่งเชินรู้สึกว่าตนเองเกิดความไม่เป็นธรรมทันที
“เมื่อครู่เที๋ยนเที๋ยนไม่ได้เรียกฉันสักหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจได้ในทันที คิดไม่ถึงว่าเรื่องแค่นี้เขาจะหึงหวงด้วย
“งั้นฉันเรียกคุณตอนนี้แล้วกัน คุณจี้ มาทานข้าวกันเถอะ ฉันทำให้เฉพาะคุณเพียงคนเดียว”
จี้จิ่งเชินในที่สุดจึงพอใจ นั่งอยู่ข้างตะอาหาร
ลุงหงเห็นถ้วยเปล่าที่อยู่ในมือของตน เกิดอาการประหม่าเล็กน้อย
ชายผู้นี้ เมื่อตอนที่ปฏิบัติกับภรรยาของตนนั้น อ่อนโยนเป็นอย่างมาก เชื่อฟังทำตามทุกอย่าง แต่ปฏิบัติกับเขาทำไมถึงดุอย่างนี้
เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก……
แต่ว่า เมื่อคิดถึงเขาในอดีต ก็ไม่ใช่เป็นแบบนี้หรอกเหรอ?
ในโลกนี้ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ทำให้อารมณ์และท่าทางที่แข็งกระด้างเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลได้
นั่นก็คือความรัก
ลุงหงอุทานขึ้นในใจ รีบดื่มซุปจดหมดอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ความเย็นที่ค้างอยู่ในร่างกายมาหลายวัน ตอนนี้ได้ถูกขับออกมาหมดแล้ว
ขณะนั้นเอง เสียงหมุนของใบพัดดังมาจากด้านนอก จากระยะไกลจนเข้าใกล้ในที่สุด
เขาหันศีรษะไปมอง เห็นเฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำกำลังลงจอดบนสนามหญ้าด้านนอกของคฤหาสน์!
ลุงหงลุกยืนขึ้นทันที สายตาเปี่ยมด้วยอาการตกตะลึง!
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ คิดขึ้นได้ทันทีว่า “ลุงหงสามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์ออกจากที่นี่ได้? ”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้นและมองไปที่เขา “จะไปไหม ฉันบอกให้เขาช่วยไปส่งคุณได้”
ชาวประมงกลับส่ายศีรษะปฏิเสธ
“เรือประมงของฉันเสียแล้ว ปลาที่อยู่บนเรือนั้นสำคัญมาก…..ขออภัย ฉันคงจะรอให้ลูกสาวของฉันมารับฉันกลับไปดีกว่า รบกวนพวกคุณแล้ว”
ชาวประมงอาวุโสชี้ไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตน
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าแสดงความเข้าใจ
รักมาก เจ็บช้ำก็มาก สิ่งของที่ยิ่งรัก ก็ยิ่งจะไม่วางใจที่จะมอบให้ผู้อื่น
สิ่งของก็เช่นนั้น คนก็เช่นนั้น
ถ้าหากเป็นเธอ เธอก็คงไม่วางใจที่จะให้จี้จิ่งเชินอยู่บนเกาะเล็กนี้ แล้วก็ให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมาเป็นผู้ดูแล
จี้จิ่งเชินพยักหน้า ในเมื่อได้ตกลงที่จะให้เขาพักอยู่ที่นี่แล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนความคิด
บอดี้การ์ดรับเอาจดหมายของลุงหง จำภาพลักษณ์ของลูกสาวและที่อยู่บ้านของลุงหงแล้ว ก็ขับ เฮลิคอปเตอร์จากไป
ใบพัดพัดลมยามเย็นโชยเป็นระลอกระลอก เฮลิคอปเตอร์ค่อย ๆ เลือนหายไปไกลจนลับสายตาที่เปี่ยมด้วยความหวังของลุงหง
“ไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้คุณก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดปลอบใจ
ลุงหงพยักหน้า
“ขอบคุณพวกคุณมาก หากไม่ใช่พวกคุณ ฉันก็คงไม่สามารถกลับบ้านได้แล้ว