เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 843 ความสุข
บทที่ 843 ความสุข
ท่านเปิงเอ่ยยิ้มๆ “รอเธอหายดีแล้ว ก็ไปนั่งคุยกับพวกเราบ่อยๆ ฉันมีของดีมาอีกหลายอย่าง เพียงแต่บางส่วนก็แตกไป”
ทันทีที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินก็รู้ว่า “ของดี” ที่ท่านจางพูดถึงคืออะไร
ส่วนใหญ่เป็นเครื่องเคลือบลายครามโบราณที่ต้องซ่อมแซม
เธอตาเป็นประกาย รีบพูดขึ้น “วางใจ ฉันออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปเป็นแขกของทั้งสองท่านทันที”
จี้จิ่งเชินกลับขมวดคิ้ว
“ไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไปอย่างผิดหวังเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินพูดเสียงเบา “ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว จะให้ตัวเองเหนื่อยมากไม่ได้”
“ฉันรู้ คุณวางใจเถอะ”
เมื่อท่านเปิงกับท่านจางได้ยิน ก็ยิ่งตกใจ
เที๋ยนเที๋ยน เธอ……”
ท่านจางแย่งพูดขึ้นก่อน “เธอท้องแล้วเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า
ท่านจางกับท่านเปิงสีหน้าสดใสขึ้นทันที
“จริงเหรอ?”
ทั้งสองคนพุ่งเข้ามา ตื่นเต้นกว่าจี้จิ่งเชินเสียอีก ชนเขาออกไปแล้วล้อมซ้ายขวาเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะ
“จริงสิคะ”
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างๆ โมโหจนกัดฟันกรอด
ทั้งสองคนนี้เป็นอะไรไป?
ท่านเปิงและท่านจางมีความสุขมาก มองสำรวจเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างละเอียด
“ดีแล้วๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“ต้องให้กำเนิดเด็กที่แข็งแรงๆ นะ”
“ใช่แล้ว สะใภ้บ้านฉันก็ท้องแล้วเหมือนกัน ถึงตอนนั้นพวกเธอจะหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ก็ได้” ท่านจางพูดกลั้วหัวเราะ
จี้จิ่งเชินได้ยินตรงนี้ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เข้าไปจูงท่านจางออกมา
“คนก็เห็นแล้ว พวกท่านกลับไปได้แล้วหรือยัง?”
ท่านเปิงและท่านจางไม่พอใจเล็กน้อย แต่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย จึงตัดใจไป
พูดเป็นเพื่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนสักพัก เมื่อนัดเจอกันครั้งถัดไปเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็กลับไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนจมอยู่กับคำพูดของพวกเขาเรื่องเครื่องเคลือบลายครามที่แตกพวกนั้น
แค่ฟังพวกเขาอธิบาย ก็สามารถจินตนาการได้ว่าเป็นเครื่องเคลือบลายครามที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี
“อยากไปดูด้วยตาตัวเองจริงๆ นะ”
เธอพูดอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง
จี้จิ่งเชินมองเธอเงียบๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนที่สดใสแบบนี้ทำให้เขาผ่อนคลายลง
อกสั่นขวัญหายสองวันมานี้ ทั้งชีวิตนี้เขาไม่คิดอยากจะทดลองมันอีกเป็นครั้งที่สอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองให้ดี ฟื้นตัวกลับมาให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้นค่อยไป”
จี้จิ่งเชินพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ยังทานผลไม้อีกไหม? ผมจะหั่นให้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขยับเล็กน้อย ไม่อยากรบกวนจี้จิ่งเชินไปทำเรื่องนี้
“ฉันไม่เป็นไรแล้วจริงๆ หั่นผลไม้แค่นี้ไม่ใช่ปัญหา”
เธอพูดเป็นนัยว่าอยากให้จี้จิ่งเชินให้เธอหั่นตัวเอง
จี้จิ่งเชินยอมตกลงเสียที่ไหน
ส่งสายตาให้เธอนั่งอยู่นิ่งๆ แล้วลงมือหั่นแอปเปิลให้เธอด้วยตัวเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงได้แต่มองเขาหั่นแอปเปิลให้
เขาเหมือนกับกำลังทำเรื่องที่สำคัญมาก จิตใจทั้งจดจ่อทั้งจริงจัง
มือของจี้จิ่งเชินนิ่งมาก ปอกเปลือกเสร็จในครั้งเดียวโดยไม่ขาดออกจากกัน
มือเรียวยาวคู่นั้นราวกับผลงานศิลปะที่เปื้อนน้ำแอปเปิล
สิ่งนี้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกผิดเล็กน้อย
แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความสุข
“หั่นเสร็จแล้ว ลองชิมดู?”
จี้จิ่งเชินส่งชิ้นแอปเปิลให้เวินเที๋ยนเที๋ยน “ผมว่าแอปเปิลนี่จะต้องหวานมากแน่ๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมาแล้วมองเขาอย่างสงสัยทันที
“คุณมองออกได้อย่างไร?”
เธอกัดไปหนึ่งคำ ปรากฏว่าหวานมากจริงๆ
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้น “ผมเดา หวานจริงๆ เหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“งั้นผมลองชิมหน่อยได้ไหม?”
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยน นัยน์ตาเจือคำถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนอือรับคำ “แน่นอนว่าได้สิ”
เธอคิดว่าจี้จิ่งเชินต้องการชิมแอปเปิลในมือเธอ
กลับคิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วดูดบนริมฝีปากของเธอ
สัมผัสของปลายลิ้นและริมฝีปากนั้นชัดเจนมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตากว้างทันที ไม่เขาอย่างไม่กล้าเชื่อ
“หวานจริงด้วย”
จี้จิ่งเชินยกมุมปากขึ้น สบตาเธออย่างพอใจ
“คุณขโมยจูบฉันทำไม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงเรื่อ จูบนี้มันกะทันหันเกินไป เธอไม่ได้เตรียมตัวเลย!
จี้จิ่งเชินมองเธออย่างไร้เดียงสา “คุณยินยอมแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันยอมที่ไหน……”
พูดได้ครึ่งหนึ่งเวินเที๋ยนเที๋ยนก็คิดได้ว่าจี้จิ่งเชินถามเธอแล้วว่าชิมได้หรือไม่ เธอพยักหน้าให้แล้วจริงๆ
ดังนั้นที่เขาพูดว่า “ขอชิม” ก็คือแบบนี้ จูบเธอแบบนี้เหรอ?
เธอยังคิดว่าเขาอยากกินแอปเปิลสักคำก็เท่านั้นเอง!
“คิดออกแล้ว?”
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนนิ่งไป จี้จิ่งเชินจึงยกมุมปากขึ้นอย่างลำพองใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนถลึงตามองเขา โมโหจนกัดกินแอปเปิลคำใหญ่
ราวกับว่าในมือเธอคือจี้จิ่งเชินอย่างไรอย่างนั้น
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เป็นบอดี้การ์ดที่โทรเข้ามา
จี้จิ่งเชินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อกำลังจะกดตัดสายกลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนห้ามไว้ “คุณไปรับสายเถอะ ถ้าเกิดเป็นเรื่องสำคัญอะไรจะแย่เอา”
“อืม”
จี้จิ่งเชินเดินออกห้องพักผู้ป่วยไป แล้วเลื่อนรับสาย
เสียงของบอดี้การ์ดก็ดังขึ้น
“คุณผู้ชาย เวินหงไห่ถูกขังไว้แล้ว ให้จัดการอย่างไรดี?”
สายตาของจี้จิ่งเชินเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที
ไม่ผิดหรอก เวินหงไห่ไม่ได้หนีไป แต่ถูกเขาจับตัวไว้แล้ว
แต่เรื่องพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหนักใจ
“ถามมันว่ามีคนสมรู้ร่วมคิดไหม”
จี้จิ่งเชินน้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ถ้ามันไม่พูด ก็ตีจนกว่ามันจะพูด”
ทุกข์ที่เที๋ยนเที๋ยนได้รับ เขาจะต้องทวงคืนจากเวินหงไห่กลับมาเป็นร้อยเท่าพันเท่า
เมื่อวางสายแล้ว จี้จิ่งเชินก็สงบสติอารมณ์หน้าห้องเวินเที๋ยนเที๋ยนก่อนถึงจะกลับเข้าไป
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งพักผ่อนอยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
แค่เที๋ยนเที๋ยนของเขาสบายดี ก็ดีกว่าอะไรทั้งหมด
……
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ไม่ถึงสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
จี้จิ่งเชินรับเธอกลับมาที่คฤหาสน์เก่าแก่ พ่อบ้านและแม่ครัวมาต้อนรับเธออย่างตื่นเต้นมาก
“คุณนาย ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว!”
แม่ครัวเช็ดน้ำตาที่หัวตาของเธอ หลายวันมานี้เธอเป็นห่วงวิตกกังวล แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
พ่อบ้านก็ตื่นเต้น “คุณนายอยากทานอะไรไหม ผมกับแม่ครัวจะไปเตรียมให้”
“ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างเกรงใจ
ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเธอกินมาเยอะพอแล้ว
“ไปทำอาหารที่เที๋ยนเที๋ยนชอบทานมา” จี้จิ่งเชินโอบเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ “คุณพึ่งออกจากโรงพยาบาล ต้องเสริมให้ดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะพูดอะไร จี้จิ่งเชินกลับพูดขึ้นมาก่อน “ต่อให้คุณไม่อยากกิน ลูกก็ต้องกิน”
แม่ครัวและพ่อบ้านล้วนรู้เรื่องลูกหมดแล้ว ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ถามเวินเที๋ยนเที๋ยนอีก เข้าไปทำอาหารในครัวทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามหลังพวกเขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันไม่หิวจริงๆ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน”
จี้จิ่งเชินยืนหยัดถ่ายทอดแนวคิดให้เธอ “โภชนาการครบแล้ว ลูกถึงจะเติบโตได้อย่างแข็งแรง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงพยักหน้า “ถึงอย่างนั้นก็ทานเยอะเกินไปก็ไม่……”
“ได้สิ”
จี้จิ่งเชินรับคำ “จริงสิ ตอนนี้คุณทานข้าวที่บ้านไปก่อน ผมมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ กลับมาช้าหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบอกลาเขา