เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 863 ชดเชยส่วนที่ขาดหายไปก่อนหน้านี้
บทที่ 863 ชดเชยส่วนที่ขาดหายไปก่อนหน้านี้
“ฉันไม่โทษเขา ฉันแค่หวังว่าเขาจะสบายดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองพ่อบ้าน ในดวงตาฉายแววเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
พ่อบ้านถอนหายใจ “แต่ว่าคุณนาย ขอแค่คุณสบายดี คุณจี้ถึงจะสบายดี”
ด้วยสภาพร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนในตอนนี้ จี้จิ่งเชินจะ “สบายดี” ได้อย่างไร?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยกับพ่อบ้านและแม่ครัว “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ตระกูลหล่อน ส่วนจี้จิ่งเชิน พวกคุณช่วยดูแลเขาหน่อย”
แม้ว่าจี้จิ่งเชินจะมาแทบทุกวัน แต่ก็ไม่เคยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน จะกลับไปก่อนมื้อเย็นทุกครั้ง
เธอรู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้
แค่กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของเธอเท่านั้นเอง
แม่ครัวมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างลำบากใจ
“ทำไมเหรอ?”
เวินเที่ยนเที๋ยนสังเกตได้ถึงความลังเลของอีกฝ่ายได้ จึงเอ่ยถาม
“คุณนาย คุณชายฟังแค่คุณ พวกเราพูดอะไร เขาฟังด้วยเหรอ?”
“……”
“ในเมื่อคุณนายเป็นห่วงคุณชาย ทำไมถึงไม่กลับไปอยู่กับคุณชายที่ปราสาทเก่าล่ะ? ฉันกับพ่อบ้านเป็นห่วงคุณอยู่ทุกวัน กลัวคุณอยู่ที่นี่แล้วจะไม่สบาย……”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงส่ายหน้าอย่างขบขัน
เธอส่งสายตาปลอบโยนให้แม่ครัว “นี่ที่คือตระกูลหล่อน ไม่มีใครดูแคลนฉัน แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ พวกคุณวางใจเถอะ”
ตอนนั้นเธอรับปากมาพักที่ตระกูลหล่อนเอง ไม่มีเหตุผลให้เธอพูดถึงเรื่องกลับไปที่ปราสาทเก่าอีก
เธอเองก็รู้สึกอายที่จะพูดกับเวินหงหยู้และหล่อนหลี
แม่บ้านเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมา “ไม่สู้ให้คุณเวินกับคุณผู้หญิงไปพักที่ปราสาทเก่าดีไหม? ถึงอย่างไรที่ปราสาทเก่าก็มีห้องว่างอีกมากมาย ฉันกับพ่อบ้านเก็บกวาดก็สามารถเข้าพักได้แล้ว”
“ใช่ พาพวกเขาไปที่ปราสาทเก่า ดีกับทั้งสองฝ่าย” พ่อบ้านเองก็เห็นด้วยคล้อยตาม
พาเวินหงหยู้กับหล่อนหลีไปที่ปราสาทเก่า
ไม่รู้ว่าพวกเขาจะยอมรับปากไหม……
ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็พบว่าตัวเองเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะกลับไปที่ปราสาทเก่าแล้ว
“เรื่องนี้ฉันจะคิดดูอีกที” เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งยิ้มบางให้พ่อบ้านและแม่ครัว “ไหนๆ พวกคุณก็มาแล้ว อยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักเถอะ”
พ่อบ้านกับแม่ครัวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถึงอย่างไรที่ปราสาทเก่า ก็มีแค่พวกเราสามคนพักอยู่ คุณจี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ที่ปราสาทเก่าบรรยากาศอึมครึมไปทั้งหลัง”
ประโยคที่แม่ครัวพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร กลับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนปวดใจในทันที
ปราสาทเก่าบรรยากาศอึมครึมอย่างนั้นเหรอ เธอยังจำได้ถึง ตอนที่เธอกับจี้จิ่งเชินพึ่งกลับมาจากฮันนีมูนที่ต่างประเทศ
ตอนนั้นปราสาทเก่าเต็มไปด้วยบรรยากาศของความยินดี
ตอนนี้ขาดเธอไปแค่คนเดียวเท่านั้น ก็เปลี่ยนแปลงไปมากถึงขนาดนี้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเก็บความเจ็บปวดล้ำลึกในแววตา เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็กลายเป็นรอยยิ้มไปเสียแล้ว
เธอไม่อยากให้พ่อบ้านกับแม่ครัวเป็นห่วง
พวกเขาคุยกันมากมาย จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนแสดงสีหน้าเหนื่อยล้า พ่อบ้านกับแม่ครัวจึงเอ่ยลา
“คุณนาย คุณไม่ต้องไปส่งแล้ว กลับไปพักเถอะ” พ่อบ้านมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างห่วงใย เธอดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวามากนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเบาๆ “ฉันส่งพวกคุณถึงแค่หน้าประตู”
และขยิบตาอย่างซุกซน
“อีกอย่างทุกวันนี้ฉันไม่สามารถออกไปไหนได้ กว่าจะมีโอกาสจะมีโอกาสสักครั้ง ให้ฉันถือโอกาสออกไปเดินเล่นหน่อยเถอะ
“คุณนาย คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ พวกเราจะมาเยี่ยมคุณอีก”
แม่ครัวกุมมือเวินเที๋ยนเที๋ยน หน่วยตาแดงขึ้นมาในพริบตา
“ได้ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”
เวินเป็นนเที๋ยนพยักหน้า “จำที่ฉันบอก คอยดูจี้จิ่งเชินให้มากหน่อย ให้เขาทานข้าวและนอนหลับด้วย”
ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนต่อไปแบบนี้ เขาต้องทนไม่ไหวแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วอย่างปวดใจ
……
ช่วงอาหารเย็น หล่อนหลีกลับมาจากบริษัท ก็เห็นเวินหงหยู้นั่งอยู่ข้างเตียงเวินเที๋ยนเที๋ยนและกำลังเล่านิทานให้เธอฟัง
“นี่คุณกำลังเล่าเรื่อง《เทพนิยายของกริมม์》อยู่ใช่ไหม?”
หล่อนหลีเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจ
เวินหงหยู้พยักหน้าเอ่ยยิ้มๆ “ใช่ คุณไปทำงานที่บริษัท ผมจะอยู่ว่างๆ ก็ไม่ได้ไหม?”
หล่อนหลีปราดตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันให้คุณอยู่บ้านดูแลลูกให้ดีๆ แต่คุณกลับเล่านิทานให้เธอฟัง จะสะกดจิตเหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอน” เวินหงหยู้อธิบายกับภรรยาอย่างใจเย็น “เรื่องที่เมื่อก่อนไม่ได้ทำ ผมคิดว่าตอนนี้สามารถหาโอกาสชดเชยให้ได้”
หล่อนหลีชะงักไปแล้วจึงพยักหน้า
เที๋ยนเที๋ยนจากพวกเขาไปตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งคู่ล้วนไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาการเติบโตของเธอ พลาดกิจกรรมต่างๆ ก่อนหน้านี้ของพ่อแม่ไป
“แต่ถ้าอย่างนั้นก็เล่าเรื่องที่มันน่าสนใจหน่อยไหม《เทพนิยายของกริมม์》เหรอแวบเที๋ยนเที๋ยนชนอายุยี่สิบแล้ว ไม่ใช่สองขวบ เที๋ยนเที๋ยนเองก็ไม่มีทางเลี่ยงใช่ไหม?”
หล่อนหลีมองเวินหงหยู้เห็นเขาแอบยิ้มออกมาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เตรียมตัวทานข้าวเย็น ล้างมือแล้วมาทานข้าว”
เวินหงหยู้พยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน ก็ยิ้มออกมา อดไม่ได้ที่จะเอ่ย “คุณแม่ หนูชอบเรื่องที่คุณพ่อเล่ามาก”
ความรู้สึกของเธอตอนนี้ เหมือนกับได้ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ
เสียงเล่านิทานของเวินหงหยู้ ชดเชยความอบอุ่นที่ขาดหายไปในวัยเด็กของเธอ
หล่อนหลีเองก็คิดถึงจุดนี้ เธอเดินมาข้างๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วสวมกอดเธอ “แม่ไม่ได้โทษเขา แม่แค่กลัวว่าจะกวนเวลาพักผ่อนลูก”
“ไม่หรอก หนูพักผ่อนอยู่ที่บ้านทั้งวัน อุดอู้จนแทบจะป่วยอีกแล้ว ยังดีที่คุณพ่อมาคุยเป็นเพื่อน หนูถึงไม่ได้อุดอู้มากนัก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพลางขยิบตาให้เวินหงหยู้ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ
เวินหงหยู้ก็ส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน
“ดีจัง แม่ไปทำงานที่บริษัท พวกเธอสองพ่อลูกกลับอยู่บ้านเล่นสนุกกันขนาดนี้ ไม่ได้ แม่งอนแล้ว!”
หล่อนหลีเท้าเอว เงยหน้ามองลงมาทำท่าทางงอนกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับเวินหงหยู้อย่างขบขัน “คุณพ่อ คุณพ่อว่าทำอย่างไรดี แม่งอนพวกเราแล้ว!”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้อง……”
เวินหงหยู้พูดพลางกดจูบลงบนแก้มของหล่อนหลี
หล่อนหลีถูกเขาซุ่มโจมตีก็ยกกำปั้นขึ้นมาหมายจะตี
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ข้างไม่ไกล่เกลี่ย ยิ้มอย่างมีความสุขเต็มใบหน้า
เอะอะอยู่สักพัก ทั้งสองคนก็หยุดลงแล้วทานข้าวเย็นพร้อมกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินหงหยู้จึงบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเองกับหล่อนหลี “ผมได้ยินมาว่าการเสริมพัฒนาการลูกในท้องนั้นสำคัญมาก ทำให้เส้นทางชีวิตลูกน้อยนำหน้าคนอื่นไปหนึ่งก้าว”
หล่อนหลี “……”
“ดังนั้นที่คุณเล่านิทาน ไม่ได้เล่าให้เวินเที๋ยนเที๋ยนฟัง แต่เล่าให้ลูกในท้องของเธอฟัง?”
หล่อนหลีมองเขาอย่างตะลึงงัน
แม้กระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ตกตะลึง
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวินหงหยู้จะเล่านิทานให้ลูกฟัง เธอนึกว่าคุณพ่อเล่าให้เธอฟังเสียอีก!
ถูกภรรยาและลูกสาวจ้อง เวินหงหยู้ก็รู้สึกอายขึ้นมาทันที
นี่ถือเป็นความคิดของเขา เดิมไม่ได้คิดว่าจะพูดออกมา
“ถ้าพวกคุณไม่เห็นด้วย ต่อไปผมไม่เล่าแล้ว” เวินหงหยู้พูดเก้อๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหล่อนหลี แล้วสะกิดเวินหงหยู้ ถือโอกาสทำไกล่เกลี่ย “ที่จริงคุณพ่อก็หวังดี……”
แม้ว่าการเสริมพัฒนาการลูกในท้อง จะรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
แต่นั่นก็ถือว่าเป็นน้ำใจของเวินหงหยู้