เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 864 กลับปราสาทเก่าด้วยกัน
บทที่ 864 กลับปราสาทเก่าด้วยกัน
หล่อนหลีเงียบไปสักพัก เธอไม่เข้าเรื่องการเสริมพัฒนาการเด็กในครรภ์ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ยขึ้นมา “พรุ่งนี้ฉันจะไปถามหมอ ฟังว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร”
เวินเที๋ยนเที๋ยนและเวินหงหยู้ย่อมไม่คัดค้าน
หมอถึงจะเป็นคนกุมอำนาจที่แท้จริง ถ้าหมอไม่เห็นด้วย คนอื่นจะพูดอย่างไรก็ใช้การไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเวินหงหยู้ยังคงหมดอาลัยตายอยากอยู่เล็กน้อย เธอกลั้นยิ้มแล้วคีบซี่โครงหมูให้เขา
เวินหงหยู้ราวกับได้รับของมีค่าอย่างไรอย่างนั้น ถือชามอย่างเบิกบานใจ “ยังเป็นลูกสาวของผมที่รักผม”
ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
หล่อนหลีเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยกับเวินเที๋ยนเที๋ยนตามตรง
เธอจึงตั้งใจตักน้ำซุปขึ้นมาหนึ่งช้อนแล้วซดเสียงดัง
“ได้เลยๆ หนูคีบให้คุณแม่ด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไหนเลยจะมองความคิดของหล่อนหลีไม่ออก?
ดังนั้นในถ้วยของหล่อนหลีจึงมีซี่โครงหมูเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้น
“ขอบใจ เที๋ยนเที๋ยน”
หล่อนหลียิ้มอย่างเจิดจ้า
แค่คีบซี่โครงหนึ่งชิ้นเท่านั้น พวกเขาก็ดีใจกันขนาดนี้เลย?
เวินเที๋ยนเที๋ยนสงสัยไม่เข้าใจเล็กน้อย
ถ้าเป็นลูกของเธอ ตักอาหารให้เธอ
คาดว่าเธอจะต้องตื้นตันมากเป็นแน่
ความรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจแบบนี้ เกรงว่ามีแค่หลังจากที่เธอกลายเป็นแม่อย่างแท้จริงแล้ว ถึงจะสามารถเข้าใจทั้งหมดนั้นได้?
……
หล่อนหลีเป็นคนกระตือรือร้น ในเมื่อพูดแล้วว่าจะไปปรึกษาหมอ เช้าวันต่อมาเธอจึงโทรหาหมอประจำตระกูลของตระกูลหล่อน
หมอประจำตระกูลพูดอย่างตรงจุด
เขาบอกกับหล่อนหลีว่า การเสริมพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในครรภ์ที่จริงแล้วเป็นการควบคุมอารมณ์ของคนแม่
ความหมายคือขอแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนร่างกายจิตใจแข็งแรง เด็กถึงจะสามารถมีพัฒนาการที่ดีได้
เล่านิทาน ฟังเพลงล้วนเป็นรูปแบบหนึ่งของข้อควรปฏิบัติก่อนคลอด สามารถปรับอารมณ์ของแม่ และส่งเสริมพัฒนาการที่ดีของทารกในครรภ์ได้
รู้ดังนั้นแล้วหล่อนหลีก็ราวกับเห็นแสงสว่าง!
ที่พวกเขากังวลที่สุดตอนนี้ ไม่ใช่สุขภาพของเวินเที๋ยนเที๋ยนเหรอ?
เสริมพัฒนาการระหว่างตั้งครรภ์ในเวลาแบบนี้ เหมาะสมที่สุดแล้ว!
หล่อนหลีจึงรีบปรึกษากับเวินหงหยู้ กำหนดแผนการปฏิบัติก่อนคลอดให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ดังนั้นวันต่อมาเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงเปียโนที่นุ่มนวลดังขึ้น
“……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลืมตาขึ้นอย่างงงงวย มองตามเสียงไป
เห็นเพียงห้องของเธอที่ไม่รู้ว่ามีเปียโนหลังหนึ่งเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่
เวินหงหยู้อยู่หน้าเปียโน กำลังตั้งอกตั้งใจบรรเลงเปียโน
“คุณพ่อ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเรียก
เสียงเปียโนก็หยุดลงทันที
เวินหงหยู้ได้ยินเสียงลูกสาวเรียก ก็รีบเดินไปข้างๆ เธอ “เที๋ยนเที๋ยน ลูกตื่นแล้ว? หิวหรือยัง อยากทานอะไรไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า “ยังไม่หิวมาก”
“ถ้าอย่างนั้นพ่อให้ที่ครัวทำโจ๊กอร่อยๆ ทานให้เยอะหน่อย”
เวินหงหยู้เอ่ยเสียงเบา
“ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับคำ แล้วเอ่ยถาม “คุณพ่อ เปียโนนี่……”
เธอชี้ไปที่เปียโนหลังนั้นที่เวินหงหยู้เล่น
“นั่น พ่อให้คนยกเข้ามา” ความเข้าใจแวบผ่านในดวงตาของเวินหงหยู้ “ตอนเช้าพวกเราสอบถามแล้ว หมอบอกว่าสามารเสริมพัฒนาการลูกในท้องก่อนคลอดได้”
เสริมพํฒนาการลูกในท้อง?
ใช่สิ เมื่อวานพวกเขาพูดถึงเรื่องอบรมลูกในท้อง และหล่อนหลีก็พูดว่าจะสอบถามหมอจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกระตือรือร้นจนน่าตกใจขนาดนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเวินหงหยู้อย่างขบขัน “ดังนั้นเปียโนนี่ ก็เป็นการอบรมลูกในท้องอีกแบบหนึ่ง?”
“ฉลาด!”
เวินหงหยู้พยักหน้า “เพราะหญิงมีครรภ์ให้ดีที่สุดไม่ควรสัมผัสกับของที่แผ่รังสี พวกเราครุ่นคิดกันแล้ว ก็เลยจะเล่นเปียโนให้ลูกฟัง”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย
หญิงมีครรภ์ไม่ควรสัมผัสกับรังสีจริงๆ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ทารกในครรภ์มีรูปร่างผิดปกติได้
ดังนั้นหลังจากที่ตั้งท้อง โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์พวกนั้น เธอจึงสัมผัสน้อยมาก
คิดไม่ถึงว่าคุณพ่อคุณแม่จะคิดละเอียดขนาดนี้ ย้ายเปียโนหลังหนึ่งเข้ามาเลย แล้วเล่นให้เธอฟังด้วยตัวเอง
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
แววตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเจือความชื่นชม
ความรู้สึกเหมือนถูกประคองไว้ในมือทั้งสองข้างของพ่อแม่ ทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและซาบซึ้งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“เด็กโง่ กับพ่อจะขอบคุณอะไร พ่อทำอะไรให้ลูก ก็เพราะควรทำทั้งนั้น”
เวินหงหยู้ลูบผมเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “อยากฟังเพลงอะไร ถ้าพ่อเล่นได้ พ่อจะเล่นให้ลูกฟัง”
“แค่พ่อเป็นคนเล่น หนูก็ชอบฟังทั้งนั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งอำนาจการตัดสินใจเลือกให้คุณพ่อ
“ได้”
ได้รับการยืนยันจากลูกสาวแล้ว เวินหงหยู้ก็มีกำลังใจฮึกเหิมขึ้นมาทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอนร่างพิงหัวเตียง ทานมื้อเช้าไปพลางดื่มด่ำกับเสียงเปียโนที่คุณพ่อเล่นไปพลาง เพียงแค่รู้สึกว่าประสบการณ์ใหม่แบบนี้ช่างงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังไปฟังมา อยู่ๆ ก็นึกถึงคำแนะนำของพ่อบ้านและแม่ครัวเมื่อวานขึ้นมา
ถ้าหากพาเวินหงหยู้กับหล่อนหลีไปที่ปราสาทเก่า……
บางทีปราสาทเก่าอาจมีเสียงดนตรีที่กินใจพวกนี้ดังขึ้น จะได้ไม่เงียบเหงาขนาดนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นย้ายมาที่ตระกูลหล่อน เพราะจะหลีกเลี่ยงจี้จิ่งเชิน กลัวว่าเขาทำร้ายลูกไม่ใช่เหรอ?
แต่ได้ยินว่าจี้จิ่งเชินมีช่วงเวลาที่ไม่ดีจากพ่อบ้านและแม่ครัว เธอก็สงสารเขามาก
และจี้จิ่งเชินก็รับปากแล้ว ว่าจะไม่ลงมือกับลูก
ควรหรือไม่ควรเชื่อเขา?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว นัยน์ตาของเธอสั่นไหว
“เที๋ยนเที๋ยน ลูกไม่เป็นไรนะ?”
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้อนใจของเวินหงหยู้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง “หนูไม่เป็นไรนะ?”
เธอแค่จมไปกับความคิดไปหน่อย
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เวินหงหยู้เช็ดเหงื่อกาฬที่ขมับ
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อสักครู่เขาหยุดเล่นเปียโน แล้วเอ่ยถามว่าพ่อเล่นเป็นอย่างไรบ้าง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่นาน
แม้กระทั่งเสียงเล่นเปียโนหยุดลงแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเขาหันมา ก็เห็นลูกสาวก้มหน้าอย่างไม่รับรู้อะไร
ในวินาทีนั้นเอง หัวใจเขาแทบจะกระดอนออกมาจากอกอยู่แล้ว!
เห็นสีหน้าตื่นตกใจของเวินหงหยู้ เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เข้าใจว่าตัวเองจมอยู่กับความคิดเกินไป ไม่รู้ว่าคุณพ่อหยุดเล่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่
มิน่าเวินหงหยู้ถึงได้เป็นห่วงเธอขนาดนั้น
เขาอาจจะคิดว่าตัวเองหมดสติไปอีกแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกมือขึ้นกุมมือของเวินหงหยู้
ฝ่ามือของเขามีรอยด้านบางๆ แต่ว่าอบอุ่นเป็นอย่างมาก
“เที๋ยนเที๋ยน?”
เวินหงหยู้ส่งสายตางงงวยให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณพ่อ หนูอยากกลับไปที่ปราสาทเก่า พาคุณพ่อคุณกับคุณแม่ไปด้วย”
เธอมองเวินหงหยู้ แล้วเอ่ยเสียงเบา
“กลับปราสาทเก่า?”
เวินหงหยู้คิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะพูดถึงคำขอนี้ จึงแปลกใจในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนครางรับ “หนูได้พ่อบ้าน……พ่อบ้านกับแม่ครัวปราสาทเก่าบอกว่า จี้จิ่งเชินไม่ค่อยสบายดี……”
พูดถึงตรงนี้เวินหงหยู้ก็เข้าใจความหมายของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
เธออยากกลับไปที่ปราสาทเก่า ก็เป็นห่วงว่าเขากับหล่อนหลีอยู่ที่นี่จะรู้สึกเหงา
เวินหงหยู้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบเวินเที๋ยนเที๋ยนไปโดยตรง
ที่จริงแล้วผู้ชายด้วยกัน เขาสามารถเข้าใจจี้จิ่งเชินได้ทั้งหมด
ภรรยาที่รักป่วย ระหว่างลูกกับภรรยา สามารถเลือกได้เพียงหนึ่งคน ความเจ็บปวดนั้นแม้แต่เขาเองยังรับได้ยาก
ที่ทำให้เวินหงหยู้นับถือคือจี้จิ่งเชินเลือกเวินเที๋ยนเที๋ยนโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เขารู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองตัดสินใจยกเวินเที๋ยนเที๋ยนให้จี้จิ่งเชินนั้นไม่ผิด
“พ่อว่า……ได้สิ”