เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 865 บทเพลงจากเปียโน
บทที่ 865 บทเพลงจากเปียโน
“ได้สิ”
เวินหงหยู้ค่อยๆ พยักหน้าท่ามกลางสายตาคาดหวังของเวินเที๋ยนเที๋ยน
คิดอีกมุมหนึ่ง ถ้าหากเป็นหล่อนหลีที่ป่วย แล้วเธอกลับไม่ยอมอยู่กับตัวเอง
ความเจ็บปวดแบบนั้น เขาไม่มีทางรับได้จริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ขอบคุณค่ะ”
ขอแค่คุณพ่อตกลงแล้ว หล่อนหลีน่าจะไม่คัดค้านอะไร
เวินหงหยู้กลับไม่ได้มองในแง่ดีขนาดนั้นแบบเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาเข้าใจหล่อนหลีดี เธอเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองและเป็นตัวของตัวเองมากคนหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของจี้จิ่งเชิน เธอจะต้องดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
ตอนนี้เจอเรื่องแบบนี้ จะไปที่ปราสาทเก่ากับเขาได้อย่างไร?
“เรื่องนี้ยังต้องปรึกษากับแม่ของลูกก่อน”
เวินหงหยู้มองเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเอ่ยอย่างลังเลเล็กน้อย “แต่ พ่อเกรงว่าแม่ของลูกอาจจะไม่เห็นด้วยที่ลูกจะไปที่ปราสาทเก่า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป เอ่ยถามออกมาโดยไม่รู้ตัว “ทำไมล่ะ?”
“ตระกูลหล่อนมีคนรับใช้มากมาย หมอประจำตระกูลก็มีไม่น้อย แต่ที่ปราสาทเก่าล่ะ?”
คำพูดของเวินหงหยู้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน
เพราะปราสาทเก่าเป็นบ้านของเธอกับจี้จิ่งเชิน แล้วเธอกับจี้จิ่งเชินต่างไม่ชอบเสียงดังเอะอะ
ดังนั้นจึงมีคนรับใช้น้อยมาก มีแค่พ่อบ้านกับแม่ครัวที่เป็นคนคุมงาน
เทียบกับตระกูลหล่อนที่เพียงแค่ขยับนิ้วก็มีคนรับใช้คอยช่วยเหลือแล้ว
อย่างน้อยในมุมของหล่อนหลีที่ตระกูลหล่อนก็เหมาะกับการพักฟื้นของเวินเที๋ยนเที๋ยนมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นหนูก็จ้างแม่บ้านคนรับใช้เพิ่ม……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพึ่งจะพูดออกไป ก็ถูกเวินหงหยู้ปฏิเสธ
“คนรับใช้ใหม่กับคนรับใช้ที่ทำงานมาหลายสิบปีแล้ว เทียบกันไม่ได้ตั้งแต่แรก”
เวินหงหยู้อธิบายเสียงเบา “พวกเขารู้จักปราสาทเก่าน้อยเกินไป ดูแลลูกได้ไม่ถนัดมือเหมือนคนรับใช้เก่าแก่พวกนี้ แม่ของลูกเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม สามารถเห็นความแตกต่างนี้ได้ในทันที”
ใช่แล้ว วิสัยทัศน์ของหล่อนหลีนั้นไม่เหมือนใคร เธอเคยเป็นผู้นำตระกูลหล่อนมาก่อน เธอมีความคิดอ่านเป็นของตัวเองในการมองผู้คน
เรื่องนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนยังตามไม่ทัน
แม้ว่าจะหาคนรับใช้มาสำรองเพิ่ม ก็จะถูกหล่อนหลีดูออกได้ในทันที
“แล้วควรทำอย่างไรดี?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนงุนงงเล็กน้อย
เดิมเธอไม่ค่อยมั่นใจเรื่องกลับไปที่ปราสาทเก่า ถ้าหากหล่อนหลีคัดค้านอย่างแน่วแน่ เธออาจจะฟังคำสั่งของคุณแม่อยู่ที่ตระกูลหล่อน
แล้วจี้จิ่งเชินจะทำอย่างไรดี?
เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งสองทางทันที
“เรื่องนี้ลูกอย่าพึ่งคิดมาก เย็นนี้รอหล่อนหลีกลับมาก่อนค่อยถามว่าเธอคิดอย่างไร”
เวินหงหยู้กลัวว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะคิดมาก จึงรีบพูดให้กำลังใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเบาๆ
“เด็กดี พ่อเล่นเปียโนให้ลูกฟังอีกดีกว่า”
หลังจากนั้นไม่นานเสียงเปียโนที่ไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ในตอนแรกเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกแปลกใหม่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มง่วงเล็กน้อย
สะลึมสะลือแล้วก็จมดิ่งสู่ห้วงฝันไป
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงเปียโนได้หยุดไปแล้ว เวินหงหยู้ก็ไม่รู้ว่าหายไปที่ไหนแล้ว
ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าหล่อเหลาแต่กลับซีดเซียวของจี้จิ่งเชิน
“คุณมาแล้ว?” เวินเที๋ยนเที๋ยนขยี้ตา และทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง
จี้จิ่งเชินรีบประคองเธอ
“มานานแค่ไหนแล้ว ทำไมไม่ปลุกฉัน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองใบหน้าซีดเซียวของชายหนุ่ม ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาในใจทันที
“ผมเห็นคุณยังหลัยอยู่เลยไม่ได้ปลุกคุณ”
สองมือจี้จิ่งเชินกุมมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนมาที่ริมฝีปากแล้วพรหมจูบ “อยากทานอะไรไหม ผมจะให้ที่ครัวทำ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “คุณพูดเหมือนพ่อฉันเลย ถามว่าฉันอยากกินอะไร”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินก็สีหน้าดีขึ้นตาม
“คุณทานเยอะหน่อยก็พอแล้ว ดูมือคุณสิ เล็กลงหมดแล้ว”
จี้จิ่งเชินเอ่ยอย่างปวดใจ
เล็กลง?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองมือของตัวเอง ไม่เห็นตรงไหนที่เล็กลงเลยแม้แต่น้อย
แล้วกระดูกมือมีขนาดคงที่ มากที่สุดก็ผอมลงเล็กน้อย จะเล็กลงได้อย่างไร
“มือจะเล็กลงได้อย่างไร?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเตือนสติเขาอย่างขบขัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ผอมเกินไปแล้ว”
จี้จิ่งเชินคลึงนิ้วของเธอ “ผอมลงขนาดนี้ จะบำรุงกลับมาได้อย่างไร? เที๋ยนเที๋ยนต้องทานเยอะๆ”
คำพูดของเขาราวกับกำลังถอนหายใจ และราวกับกำลังถามตัวเองอยู่ด้วย
ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็จับมือของเขาแน่น
“จี้จิ่งเชิน ฉัน……”
เดิมเธออยากบอกเขาเรื่องที่เธอคิดจะกลับไปอยู่ที่ปราสาทเก่า
พาหล่อนหลีกับเวินหงหยู้ไปด้วย
แต่เมื่อคิดอีกที เวินหงหยู้เคยบอกกับเธอว่าหล่อนหลีอาจจะไม่ตกลง
คำพูดที่อยู่ที่ริมฝีปากแล้วก็ถูกเธอกลืนกลับลงไป
“หืม เที๋ยนเที๋ยนอยากพูดอะไรกับผม?”
จี้จิ่งเชินเอ่ยถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า “ฉันแค่อยากถามคุณว่าอยากทานข้าวกับฉันไหม ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนจะหิวนิดๆ แล้ว”
เธอกะพริบตาอย่างทะเล้น
จี้จิ่งเชินกลับเหมือนได้รับคำชี้แนะที่สำคัญ รีบลุกขึ้นทันที รีบร้อนยิ่งกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ผมจะไปยกอาหารมาเดี๋ยวนี้!”
เที๋ยนเที๋ยนเต็มใจทานอาหารเหนือกว่าอะไรทั้งหมด!
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามหลังเขาที่วิ่งออกจากห้องไปก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น
เธอไม่ได้บอกจี้จิ่งเชินเรื่องที่เธออยากกลับไปที่ปราสาทเก่า
เพราะเธอไม่รู้ว่าหล่อนหลีจะคิดอย่างไร เธอกลัวว่าถ้าหวังมาก ก็จะผิดหวังมาก
แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางของผู้ชายคนนี้วิ่งออกไปอย่างรีบร้อน เพียงเพราะคำว่าหิวคำเดียวของเธอ
ทำให้เธอใจเต้น และก็ทำให้เธอปวดใจ
ไม่นาน จี้จิ่งเชินก็ยกจานอาหารเข้ามา เขารีบจัดวางวางชามและตะเกียบแทนเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างรวดเร็ว
“ได้แล้ว ฉันทำเอง มีของบางอย่างฉันไม่ชอบทาน คุณอย่าแอบส่งมานะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขายิ้มๆ
จี้จิ่งเชินกลับปล่อยให้เธอบ่น แทนที่จะพยายามแนะนำเธอ “อาหารพวกนี้มีโภชนาการ ดีต่อร่างกาย คุณทานให้เยอะๆ ทานไม่ลงก็คิดว่ามันเป็นยาแล้วทานลงไป”
ความหมายคือต้องการบังคับเธอให้ทานเอง?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วมองอาหารที่มีโภชนาการสูงแต่กลับทานยากพวกนั้นอย่างลำบากใจ
จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้สนใจ ชิมเองไปหลายคำ
ราวกับกำลังบอกว่า: ดูสิ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนลอบถอนหายใจในใจ ได้แต่พยักหน้า ขมวดคิ้วแล้วส่งพวกมันเข้าปาก
รสชาติแปลกจริงๆ
แต่กลับน่าแปลกที่ไม่ได้ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้
“เก่งจริงๆ!”
จี้จิ่งเชินโน้มตัวมาจูบลงบนหน้าผากเธอ น้ำเสียงราวกับกำลังหลอกล่อเด็กน้อยหยอกเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาอย่างจนใจ ก้มหน้าก้มตาทานต่อ
มื้อนี้ทานไปเยอะกว่าก่อนหน้านี้จริงๆ
“ทานมากเกินไปก็ไม่ได้”
จี้จิ่งเชินเห็นเธอทานไปพอประมาณแล้ว จึงจัดการเก็บของออกไป
“ฉันไปเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณ”
แม้หมอจะเคยบอกไว้ แม้ว่าจะต้องใส่ใจการพักผ่อน แต่ก็ต้องออกกำลังกายที่เหมาะสมด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
คฤหาสน์ตระกูลหล่อนได้รับการดูแลรักษามามากกว่าร้อยปี ทิวทัศน์ยังคงสภาพเดิมเมื่อร้อยปีก่อนไว้ แต่กลับสวยงามยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
สวนหน้าบ้านมีวิวทิวทัศน์ สวนหลังบ้านมีสวนดอกไม้
จี้จิ่งเชินไม่ได้พาเธอไปที่สวนหลังบ้าน เพราะเขารู้ว่าหล่อนเจียนีพวกเธอถูกกักบริเวณอยู่ที่นั่น
เขาไม่อยากให้พวกเธอสองแม่ลูกส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจเวินเที๋ยนเที๋ยนแม้แต่น้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเล่นไปพลางเล่าเรื่อง “การเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ก่อนคลอด” ที่เวินหงหยู้เสนอให้กับจี้จิ่งเชินฟัง
ได้ยินดังนั้นจี้จิ่งเชินก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“เป็นวิธีที่ดี!” จี้จิ่งเชินอยากลองทำดูเล็กน้อย “ผมเล่นเปียโนให้คุณฟังดีไหม?”
“ฟังมาตลอดทั้งภาคเช้าแล้ว ฉันแทบจะหลับอยู่แล้ว!”