เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 870 บทเพลงแรก
บทที่ 870 บทเพลงแรก
น้ำเสียงของเขาเจือความอาวรณ์ จูบลงบนหน้าผากเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยรักและทะนุถนอมทันที
“แค่คุณยอมกลับมา ให้ผมทำอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น”
เขาโอบเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ราวกับกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่า
ในตอนนั้นเอง ไฟก็สว่างขึ้น
แม่ครัว พ่อบ้าน ยังมีเวินหงหยู้กับหล่อนหลี ล้วนยืนอยู่บนชั้นสองมองสองสามีภรรยาที่โอบกอดกันในห้องนั่งเล่น
ดวงตาหล่อนหลีเป็นประกายจากน้ำตาที่เอ่อคลอ
พ่อบ้านเป็นคนนำปรบมือ “ยินดีต้อนรับคุณนายกลับปราสาทเก่า!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงเห็นว่าบนชั้นสองมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด
ใบหูเธอร้อนขึ้นทันที ผลักอ้อมกอดของจี้จิ่งเชินออกไปโดยไม่รู้สึกตัว กลับถูกเขาโอบไว้แน่น
“ยินดีต้อนรับคุณนายจี้กลับปราสาทเก่า”
จี้จิ่งเชินพูดขึ้นข้างหูเธอ
น้ำเสียงเขาอ่อนโยนอาลัยรัก
เขาแค่พูดมากกว่าพ่อบ้านมาหนึ่งคำ กลับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงขึ้นทันที
“ทุกคนกำลังมองอยู่” เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอายมากขึ้นเรื่อยๆ “รีบปล่อยฉัน”
เธอดิ้นรนเบาๆ
จี้จิ่งเชินถึงได้ปล่อยเธอ แต่สายตาล้ำลึกของเขากลับตามติดเหมือนเงา
ราวกับว่ามองอย่างไรก็ไม่พอ
แม่ครัวทำอาหารเย็นสำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยนและคุณพ่อคุณแม่ของเธอเป็นพิเศษ
เวินเที๋ยนเที๋ยนทานเพียงเล็กน้อยก็อิ่มแล้ว แต่เวินหงหยู้กับหล่อนหลีทานอย่างเอร็ดอร่อย ก็ไม่ทำให้พวกเขาเสียอารมณ์
สังเกตเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนทานอาหารช้าลง จี้จิ่งเชินก็เข้าใจความคิดเธอในทันที
ใช้ช่องว่าตักซุปให้เธอ เขาเอ่ยกับเธอเบาๆ “ทานไม่ลงก็ต้องฝืนหน่อย รอเดี๋ยวผมไปเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้ายิ้มๆ
หลังจากมื้ออาหารเย็นแล้ว จี้จิ่งเชินก็จูงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเล่นใกล้ๆ กับปราสาทเก่า
เมื่อตกกลางคืน ทิวทัศน์ใกล้ๆ ปราสาทเก่าก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด
มองทิวทัศน์ที่คุ้นเคย เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกเหมือนห่างเหินไปนาน
“ไม่อยู่ที่นี่แค่แป๊บเดียวแท้ๆ กลับรู้สึกเหมือนไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว”
เธอพูดเสียงเบา
จี้จิ่งเชินกุมมือของเธอไว้ เอ่ยถามอย่างอิจฉาเล็กน้อย “นี่เป็นเหตุผลที่คุณกลับมาที่ปราสาทเก่า?”
หรือว่าเขายังไม่สำคัญเท่าทิวทัศน์พวกนี้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือของเขาแน่น แววตาเจือรอยยิ้มขบขันเล็กน้อย
“ฉันกลับมาที่นี่ เพราะที่นี่ของที่ทำให้ฉันอาลัยอาวรณ์อยู่”
ของที่อาลัยอาวรณ์?
จี้จิ่งเชินรู้สึกสับสนเล็กน้อย “ของที่อาลัยอาวรณ์” จากปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนหมายถึงเขาหรือว่าทิวทัศน์
ไม่รอให้เขาเข้าใจ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดขึ้นมาอีก “ฉันได้ยินพ่อบ้านบอกว่าฉันไม่อยู่ที่ปราสาทเก่า คุณก็ทำงานอย่างบ้าคลั่งทั้งวัน ข้าวก็ไม่ทาน ไม่หลับไม่นอน?”
จี้จิ่งเชินสีหน้าตึงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อสบตากับดวงตาใสของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาจึงได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม และยอมรับ
“คุณไม่รักตัวเองแบบนี้ จะให้ฉันวางใจได้อย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างเข้มงวดที่นานๆ ทีจะได้เห็น
แววตาของจี้จิ่งเชินฉายแวว ดีใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาเพราะเขาจริงๆ
“มีแค่ต้องยุ่ง ผมถึงไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น……”
จี้จิ่งเชินไม่ได้ปิดบังที่ตัวเองคิด
เขาได้แต่ใช้งานมาทำให้ตัวเองไม่รู้สึก ถึงจะไม่คิดถึงเวินเที๋ยนเที๋ยน ถึงจะไม่คิดถึงอาการป่วยของเธอ และอนาคตที่ยังไม่รู้
น้อยมากที่จี้จิ่งเชินจะไร้ความสามารถแบบนี้
แต่ว่าเรื่องพวกนี้ เขาไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงได้
เวิเนที๋ยนเที๋ยนหยุดฝีเท้าลง แสงจันทร์กระทบใบหน้าเธอ ยิ่งสะท้อนให้เธอดูกินใจ
จี้จิ่งเชินมีสีหน้าหลงใหล
“คุณต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองให้ดี ถ้าฉันไม่อยู่แล้ว ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่อยากพูดคำที่น่าหงุดหงิด เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าตัวเองพูดออกไปจี้จิ่งเชินจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
แต่เธอเป็นห่วงจริงๆ
เธอกลัวว่าเธอจะยื้อไม่ไหว กลัวว่าหลังจากที่เธอจากไปแล้ว จี้จิ่งเชินจะใช้วิธีนี้สิ้นเปลืองพลังงานชีวิตของตัวเองอีก
เธอไม่อยากให้จี้จิ่งเชินทำร้ายตัวเองแบบนั้น
ได้ยินดังนั้นจี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่ชอบใจ
“ผมไม่อนุญาตให้คุณพูดแบบนี้”
นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับตอนกลางคืน จ้องเธอ
“คุณเป็นภรรยาของผม ผมไม่อนุญาต คุณก็ตายไม่ได้”
“ถึงจะเพื่อผม คุณก็ต้องมีชีวิตต่อไป”
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินสั่นเล็กน้อยจนแทบไม่สามารถจับได้
ไม่มีความสุขุมใจเย็นเหมือนเมื่อก่อน น้ำเสียงของเขาคล้ายกับกำลังวิงวอน
หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนส่งสะท้าน เธอไหนเลยจะไม่อยากอยู่กับจี้จิ่งเชินไปจนแก่เฒ่า?
“คุณวางใจ ฉันจะพยายามมีชีวิตต่อไป”
อยู่กับคุณ อยู่กับลูก พยายามมีชีวิตรอดต่อไป
……
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาที่ปราสาทเก่าแล้ว จี้จิ่งเชินก็เอางานทุกอย่างที่สามารถนำกลับมาได้กลับมาทำที่ปราสาทเก่า
เขาพยายามหาเวลาว่างมากขึ้นเพื่อดูแลลูกกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
แล้วทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากเวินหงหยู้หรือเปล่า จี้จิ่งเชินก็เริ่มกระตือรือร้นเรื่องส่งเสริมพัฒนาการก่อนคลอดแล้ว
อ่านสื่อประกอบการอ่านก่อนนอนให้เวินเที๋ยนเที๋ยน ตั้งแต่《เทพนิยายของกริมม์》ไปจนถึงหนังสือที่มีชื่อเสียงระดับโลก
“……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินที่กำลังอ่านบทประพันธ์เสียงดังฟังชัดให้เธอฟังอย่างจนใจ “ลูกยังเป็นแค่ทารกในครรภ์เอง ฟังพวกนี้ไม่เข้าใจหรอก”
ที่สำคัญคือ ตอนที่จี้จิ่งเชินอ่านนั้นมีเพียงโทนเสียงราบเรียบเพียงโทนเดียว
ต่อให้เธอไม่ง่วง แต่การอ่านของเขาก็ทำให้ง่วง
เสียงของจี้จิ่งเชินหยุดลง
เขาเอ่ยสีหน้าจริงจัง “คุณพ่อบอกแล้ว ว่าเสียงโลกภายนอกสามารถกระตุ้นเด็กในครรภ์ให้มีความรู้สึกร่วมได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามองเขายิ้มๆ “ต่อให้ทำได้ ก็ต้องรอหลายเดือนหลังจากนี้หรือเปล่า?”
ตอนนี้น่าจะเร็วไปไหม?
“ไม่เร็วแล้ว ให้เขารู้สึกถึงเสียงของพวกเราเร็วๆ ก็สามารถ……”
เขาพูดเพียงครึ่งเดียว ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เห็นได้ชัดว่าจี้จิ่งเชินคิดว่าการเสริมพัฒนาการก่อนคลอดเป็นสิ่งที่จำเป็น แม้กระทั่งสายตาที่มองเธอก็จริงจังเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที แล้วพยักหน้า
ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าจี้จิ่งเชินไม่ให้ความสำคัญกับลูกมากพอ
เพื่อสุขภาพของเธอแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะต้องการให้เธอทอดทิ้งเขา
ตอนนี้ดูแล้วเธอไม่จำเป็นต้องตระหนกขนาดนั้น ในใจของจี้จิ่งเชิน ก็ยังคงรักเด็กคนนี้มาก
ไม่อย่างนั้นไม่จะไม่ใส่ใจเรื่องของการเสริมพัฒนาการก่อนคลอดถึงขนาดนี้
ขณะที่กำลังคิด จี้จิ่งเชินก็วางบทประพันธ์ลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นดังนั้นจึงส่งสายตาถามเขา
“คุณไม่อยากฟังบทประพันธ์ ผมเล่นเปียโนให้คุณฟังดีไหม? คุณอยากฟังอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
สองวันมานี้เธอฟังเพลงเปียโนมาไม่น้อย แต่เพลงที่จี้จิ่งเชินกับเวินหงหยู้เล่นส่วนมากเป็นเพลงสากล
เธอจำได้เพียงแค่สองเพลงคือ 《งานแต่งงานในฝัน》กับ《ถึงอลิซ》
สองเพลงนี้เป็นเพลงเปียโนที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้ว
สำหรับเพลงอื่นๆ เธอไม่มีความประทับใจเลยจริงๆ
บางทีเธออาจจะไม่มีเซนส์ศิลปะจริงๆ ……
“อะไรก็ได้ ถ้าเป็นคุณ อะไรก็ได้ทั้งนั้น”
แววตาเข้าใจฉายผ่านดวงตาของจี้จิ่งเชิน เขาก้มหน้าลงจูบบนหน้าผากหน้าของเธอ
“บทเพลงแรก มอบให้แก่คนที่ผมรักที่สุด”