เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 905 พลังชีวิตที่เข้มแข็ง
บทที่ 905 พลังชีวิตที่เข้มแข็ง
แต่หลวนจื่อสามารถเข้าใจความรู้สึกของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ความรู้สึกตั้งครรภ์ของการมีชีวิตใหม่ มีเฉพาะผู้ที่ให้กำเนิดบุตรเท่านั้นที่สามารถจะสัมผัสได้
ราวกับว่ามันกะทันหัน มีการดำรงอยู่เชื่อมติดกับสายเลือดของคุณ
เขาตัวเล็ก อ่อนแอ จำเป็นต้องดูแลอย่างมาก
และพวกเธอ ก่อนที่เขาจะมาถึงโลกมนุษย์ จะมีแต่ผู้พิทักษ์รักษาเท่านั้น
หมินอันเกอมองไปที่หลวนจื่อราวกับว่ามีความรู้สึก ทันทีหลังจากนั้นจูงมือเธอขึ้นมา แล้วประสานนิ้วทั้งสิบกับเธอ
“เที๋ยนเที๋ยนจะไม่เป็นอะไร……”
ดวงตาของหลวนจื่อเต็มไปด้วยหยดน้ำตาแวววับ เจ็บปวดที่หน้าอก เธอสะอึกสะอื้นแทบจะพูดไม่ออก
หมินอันเกอพยักหน้าเล็กน้อย และส่งสายตาอย่าเป็นกังวลให้เธอ
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม นี่คือการตัดสินใจของเที๋ยนเที๋ยน ในเมื่อจี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไร พวกเราก็ไม่ควรจะห้ามเธอ”
เมื่อฟังแล้ว หลวนจื่อทำได้เพียงพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ฉันอยากจะไปดูเธอ” หลวนจื่อกระพริบตาหันมองไปที่เขา “คุณจะไปกับฉัน หรือจะกลับไปดูแลโดว์โดว์?”
หมินอันเกอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมแนะนำว่าตอนนี้คุณอย่าพึ่งไปหาเที๋ยนเที๋ยนเลย ให้เวลาพวกเขาอยู่คนเดียวบ้าง”
พูดแบบนี้ก็ถูก หลวนจื่อยังหวังว่าจี้จิ่งเชินสามารถเกลี้ยกล่อมให้เที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนใจได้
“โอเค งั้นพวกเรากลับกันไปก่อน ค่อยกลับมาในวันอื่น?”
“โอเค”
……
ห้องผู้ป่วยขนาดใหญ่ วังเวงเล็กน้อยเพราะความเงียบงันของทั้งสองคน
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชินยังไงดี ตอนนี้เขาคงจะโกรธมากหรือเปล่า?
ถึงอย่างไรก็เป็นเธอที่รับปากกับเขา แต่พูดกลับไปกลับมาอีก พอมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก็เปลี่ยนใจอีก
ไม่ต้องพูดถึงจี้จิ่งเชิน แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังดูถูกตัวเอง
ในระหว่างครุ่นคิด ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ยินจี้จิ่งเชินเปิดปากพูด “ตัดสินใจแล้ว?”
คำสั้น ๆ สี่คำ กลับครอบคลุมอย่างไม่มีทางเลี่ยงมากมาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นอย่างกังวล เธอเห็นความรักที่ไม่ได้รับการรักษาไว้ในดวงตาของจี้จิ่งเชินอย่างชัดเจน
ภายใต้สายตาจ้องเขม็งของเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างช้า ๆ “ฉันอยากจะคลอดเขาออกมา ฉันรู้นี่อันตรายอย่างมาก คุณก็รู้สึกลำบากใจ”
เธอเม้มริมฝีปาก แล้วน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป “แต่ว่า……ฉันไม่มีวิธีที่จะเกลี้ยกล่อมตัวเองให้กำจัดเขาได้ หารู้ไม่ว่ายังมีโอกาสรอดอีกสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
จี้จิ่งเชินถอนหายใจเบา ๆ นั่งลงข้าง ๆ เตียงผู้ป่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยน เล่นกับนิ้วบาง ๆ ของเธอโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
เขารู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนสนใจเด็กคนนี้ขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงไม่เคยกล้าบังคับให้เธอทำอะไรเด็กคนนี้
เดิมทีคิดว่าการโน้มน้าวทีละขั้นตอนของเขา ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลใจ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าสุดท้ายยังคงเรือล่มเมื่อจอด
“ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ แต่คุณจำเป็นต้องรับปากกับผม จะต้องยืนหยัดต่อไป”
ในลูกตาของจี้จิ่งเชินเต็มไปด้วยอารมณ์ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นความดื้อรั้นหัวแข็ง
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยแววตาที่อ้อนวอน “เพื่อลูก เพื่อผม และคนที่รักคุณทุกคน เที๋ยนเที๋ยน คุณจะต้องยืนหยัดต่อไป”
หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นอย่างรุนแรง
เธอเห็นภาพของเธอสะท้อนอยู่ในดวงตาของจี้จิ่งเชินอย่างชัดเจน
แววตานั้น ราวกับว่าในสายตาของเขามีเพียงแค่เธอคนเดียว
เธอนึกไม่ออกเลยว่า จี้จิ่งเชินจะทุกข์ใจขนาดไหน ถ้าไม่มีตัวเธอ……และยังมีหลวนจื่อพวกเขา หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอให้เธอดีขึ้น เธอจะใจแข็งปฏิเสธได้อย่างไร?
“ฉันรับปากคุณ ฉันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือของจี้จิ่งเชินแทน มันเป็นเหมือนสิ่งเดียวของความอบอุ่นที่สัมผัสได้ในคืนที่มืดมิดและหนาวเหน็บ
เธอกอดจี้จิ่งเชินด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ขอโทษ ที่ฉันเปลี่ยนใจกะทันหัน มันต้องทำให้คุณลำบากใจมากใช่มั้ย? เฮ้อ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งเสียงแสดงความไม่พอใจทันที!
“คุณเป็นอะไร?”
จี้จิ่งเชินตกใจ รีบช่วยประคองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างรวดเร็ว และดวงตาคู่ที่เย็นชาของเขาจับจ้องไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
ในตอนนี้ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเต็มไปด้วยความดีใจและแปลกใจ “จี้จิ่งเชิน ลูกเตะฉันอยู่! คุณรีบคลำดู! เขากำลังเตะฉันอยู่จริง ๆ!”
ขณะพูด เธอดึงมือของจี้จิ่งเชิน เอาวางไว้บนท้องของตัวเอง
จี้จิ่งเชินก็รู้สึกถึงการขยับตัวทารกในครรภ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยน
นี่คือเด็กคนนั้นเหรอ?
จี้จิ่งเชินมองดูท้องของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างลึกซึ้ง
เด็กที่สายเลือดเชื่อมต่อกับเขาและเวินเที๋ยนเที๋ยน……
ความรู้สึกนี้ เขาไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไง ราวกับว่าตัวเองมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นโดยไม่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
แต่เขาไม่ได้เกลียดความรู้สึกนี้
เพียงแต่ว่า……
ถ้าหากเด็กคนนี้ใช้เที๋ยนเที๋ยนมาแลกเปลี่ยน เขาควรทำยังไงกับเขาดี?
“อืม ผมสัมผัสได้”
จี้จิ่งเชินยิ้มกลับ “เขาร่างเริงมาก ดูเหมือนว่ามีพลังชีวิตที่เข้มแข็งอย่างมาก”
พลังชีวิตที่เข้มแข็ง?
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะแขวะการประเมินค่าของจี้จิ่งเชิน พอคิดอีกที นี่ไม่ใช่คำชมที่ดีที่สุดเหรอ?
มีเพียงพลังชีวิตที่เข้มแข็ง เด็กคนนี้ก็จะมีความหวังที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป
จี้จิ่งเชิน……เขาก็เหมือนกับเธอ ที่รอคอยเด็กคนนี้เกิดมาสินะ?
เขาเจตนาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แม้กระทั่งไม่ได้แสดงความชื่นชอบแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ต่อเด็ก จุดประสงค์คือเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องเป็นทุกข์และลำบากใจมากนัก
เมื่อคิดแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือของจี้จิ่งเชินไว้แน่น และพูดอย่างเบา ๆ: “ฉันไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ฉันจะต้องทุ่มสุดแรงเกิด เชื่อใจฉัน ฉันยังรอคอยวันที่ครอบครัวของเรากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง”
ถึงแม้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หวังอย่างยิ่งว่าอาการป่วยของเธอจะเปลี่ยนเป็นดีขึ้น
วันที่สอง เธอตกอยู่ในอาการไม่ได้สติอีกครั้ง
“เมื่อวานนี้อารมณ์ของคุณเวินตื่นเต้นมากเกินไป อาการป่วยก็เลยทรุดลง”
สีหน้าของหมอที่รักษาดูเคร่งขรึมมาก หลังจากตรวจเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว เขาพูดกับจี้จิ่งเชินด้วยน้ำเสียงต่ำ “จะต้องเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยหนักโดยเร็วที่สุด”
จี้จิ่งเชินรู้ดีว่าการเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยหนักหมายความว่าอย่างไร นั่นเท่ากับเป็นการมอบชีวิตของเวินเที๋ยนเที๋ยน ให้กับพวกคุณหมอโดยตรง
และเขาทำได้แค่อยู่ข้างนอก หมดซึ่งหนทางปัญญา
ถึงอย่างนั้น จี้จิ่งเชินยังคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “งั้นก็เริ่มเลย ใช้ยาที่แพงที่สุด แผนการรักษาที่ได้ผลที่สุด พวกเขาจะต้องปลอดภัยทั้งแม่และลูก!”
น้ำเสียงของเขาไม่ยอมให้กังขา ความบ้าคลั่งในสายตาทำให้ผู้คนตกใจ
มีเพียงแค่เขาเองที่รู้ ว่าในใจของเขาไม่สงบแค่ไหน หวาดกลัวแค่ไหน
หมอที่รักษาขมวดคิ้วและมองมาที่เขา “ผมจะพยายามสุดกำลัง”
เขาเคยพูดไว้นานแล้ว ว่าหากต้องการเก็บเด็กไว้ เวินเที๋ยนเที๋ยนจะมีโอกาสรอดเพียงแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์
ดังนั้นตอนนี้ เขาจะไม่รับปากกับคำขอที่เด็ดขาดของจี้จิ่งเชินโดยสิ้นเชิง
ถ้าเป็นปกติ จี้จิ่งเชินจะไม่ใช้วาจาทำร้ายคนอื่นแบบนี้แน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะมีนิสัยที่แข็งกร้าวและรุนแรง แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผล
แต่อาการที่ไม่ได้สติของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับกระตุ้นเขาอย่างถึงที่สุด
ตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลเลยแม้แต่น้อย
“ผมพูดแล้ว ผมต้องการให้คุณช่วยพวกเขา ไม่ว่าจะยังไงก็ตามต้องให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไป!”
มีแสงที่ดุร้ายในสายตาของจี้จิ่งเชิน “มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถแบกรับได้”
หมอที่รักษาขมวดคิ้ว เขารู้ว่าจี้จิ่งเชินไม่ได้พูดล้อเล่น
แต่เขาเป็นหมอมานาน ได้เห็นคนในครอบครัวของผู้ป่วยหลายพันคน ไม่ฟังเหตุผลก็มากมาย
อีกทั้งจี้จิ่งเชินตื่นเต้นแบบนี้ ก็เพราะว่าอาการป่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยนทรุดลง ดูจากเหตุการณ์ก็พอที่จะให้อภัย
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง และยังคงพูดกับจี้จิ่งเชิน: “ในฐานะหมอ ผมจะพยายามรักษาคนไข้ทุกคนให้ดีที่สุด จะไม่เกียจคร้านใด ๆ หรือเพิ่มความสำคัญเพราะว่าตัวตนของเธอ นี่คือความรู้ความสามารถในอาชีพผม”