เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 919 ฝันร้ายในใจ
บทที่ 919 ฝันร้ายในใจ
เมื่อมองไปยังสมุดภาพที่อยู่ในมือ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา
พวกเด็กๆต่างก็หวังว่าลูกของเธอจะสุขภาพร่างกายแข็งแรง พวกเขาหวังว่าลูกของเธอจะกลายเป็นเทวดาตัวน้อยที่อยู่ในโลกนี้ตลอดไป ไม่มีวันกลับไปบนสวรรค์
ความปรารถนาที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ ถือเป็นจิตใจที่บริสุทธิ์ดีงามมาก
จี้จิ่เชินยื่นมือของตัวเองออกไปจับมือทั้งสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น
อบอุ่นจัง……
ยังมีคนอีกมากมายรอหนูอยู่นะลูก หนูอย่าทิ้งแม่ไปเลยนะ
ความปรารถนาในการมีชีวิตรอดของเด็กคนนี้แรงกล้ามาก
ตอนแรกที่ตัดสินใจว่าจะผ่าตัด แต่การขยับตัวในครรภ์ก็ได้ช่วยเขาไว้
และฉันเชื่อว่าครั้งนี้ เขาก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนฝืนยิ้มออกมา แสร้งทำเป็นว่าในใจไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้น
ทั้งเก้าคนนั่งเรียงกันเป็นแถวรออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด
จี้จิ่งเชินนั่งอยู่ตรงที่ที่ใกล้ประตูห้องผ่าตัดมากที่สุด ส่วนเวินเที๋ยนเที๋ยนก็นั่งอยู่ในรถเข็นห่างออกไปไม่ไกลนัก ทั้งสองนั่งพิงกันอยู่เงียบๆเพื่อรอฟังผลตรวจ
“ติ๊ง”
ไฟสีแดงของห้องผ่าตัดดับลง ทุกคนต่างก็มองไปที่ประตู
ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณหมอที่สวมหน้ากากแพทย์ก็เดินออกมาพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวเหยียด
“คุณหมอ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกพรวดขึ้น แล้วเดินปรี่เข้าไป
“เป็นยังไงบ้างคะ?”
เมื่อคุณหมอเห็นคนมากมายมายืนล้อมเขาและจ้องเขาเขม็ง เขาเป็นหมอประจำเคสนี้แน่นอนว่าจึงรู้สึกกดดันมาก
“การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ราวกับว่าถูกสูบพลังออกไปจนหมดร่างแล้ว
จากนั้น ก็มีพยาบาลอีกหลายคนเข็นเตียงคนไข้ออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหนูน้อยที่นอนขดอยู่บนเตียง ใบหน้าที่อ่อนนุ่มถูกหน้ากากช่วยหายใจครอบอยู่เกือบครึ่งหน้าเล็กๆของเขา
ความเจ็บแปลบในใจผสมกับความโกรธสุดท้ายก็กลายเป็นความสุข
เธอน้ำตาไหลพรากออกมาอีก นี่คือน้ำตาแห่งความสุข
จี้จิ่งเชินเอาหน้าแนบกับเธอ พร้อมกับช่วยเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มออก
“ลูกทำได้ ลูกเก่งที่สุดเลย”
ทั้งสองไม่เคยรู้สึกภูมิใจขนาดนี้มาก่อนเลย
มีคนจำนวนมากยืนล้อมอยู่ข้างๆเตียง ทั้งพ่อบ้าน แม่ครัวและเหยาเย้นทั้งหมดล้วนพึ่งเคยเห็นคุณชายน้อยเป็นครั้งแรก ช่างน่ารักอย่างกับอะไรดี
“ทุกคนหลบหน่อยค่ะ เด็กจำเป็นต้องไปพักผ่อนในที่เงียบๆ”
พอได้ยินแบบนี้ทุกคนถึงได้ทยอยหลบ จากนั้นเตียงก็ได้ถูกเข็นออกไป
หนูน้อยคนนี้พึ่งเกิดมาก็ได้ใจคนทั้งบ้านแล้ว
กว่าทุกอย่างจะสงบลงมันก็กินเวลามาถึงตอนดึกแล้ว
“แม่คะ แม่กับพ่อกลับไปพักผ่อนเถอะ คงไม่มีอะไรแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้น เพราะไม่อยากให้ทั้งสองต้องมาลำบากไปด้วย
กว่าร่างกายจะดีขึ้นได้ขนาดนี้ เธอไม่อยากให้พวกเขาต้องมาล้มป่วยไปอีกเพราะเรื่องนี้
พวกเขารู้ว่าอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก อีกอย่างเที๋ยนเที๋ยนก็ดีขึ้นแล้วด้วย ฉะนั้นหล่อนหลีกับเวินหงหยู้จึงพูดกำชับจี้จิ่งเชินอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลับไป
ช่วงนี้ทั้งสองพักอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลหล่อน ไม่ได้กลับไปที่บ้าน
ส่วนหลวนจื่อกับหมินอันเกอ ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดกล่อมให้กลับไปตั้งนานแล้ว เพราะพวกเขามีลูกน้อยที่ต้องได้รับการดูแลอยู่
ออกมานานขนาดนี้ ในใจคงเป็นห่วงแย่
“ลำบากเธอด้วยเหมือนกัน ฉันรับรู้ได้ถึงความรักจากเด็กๆแล้วล่ะ อีกอย่างดึกป่านนี้แล้ว เด็กๆจะต้องคิดถึงเธอแน่ๆ โดยเฉพาะหมิงเฮ่าฉันกลัวว่าเขาอาจจะนอนหลับไม่สนิท”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่เหยาเย้น ตั้งแต่เธอออกมาจากตระกูลเวิน เธอก็เข้มแข็งขึ้นมาก เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“ช่วงนี้หมิงเฮ่าเป็นเด็กดีมาก เล่นกับโต้วโต้วดีมากด้วย เดี๋ยวรอเธอออกจากโรงพยาบาล และเดินไปไหนมาไหนได้แล้วค่อยไปเยี่ยมดู พวกเด็กๆคิดถึงเธอมากนะ”
ไม่นานเหยาเย้นก็ขอตัวกลับไป
พ่อบ้านก็พูดด้วยความเคารพ “คุณนายครับ ให้ผมไปส่งเธอนะครับ”
“อืม ถ้างั้นก็รบกวนคุณพ่อบ้านด้วยค่ะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เคยเห็นเขาเป็นคนใช้ เธอคิดมาตลอดว่าเขาเป็นผู้อาวุโส เขาเป็นคนดูแลจี้จิ่งเชินมาจนโต เพราะฉะนั้นดูถูกงานแบบนี้ มันมีเกียรติและควรค่าแก่การเคารพมาก
แม่ครัวที่อยากอยู่ต่อเพื่อปรนนิบัติรับใช้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกปฏิเสธไป เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้างว่าเธออยากกินซุปที่หล่อนทำ แล้วงี้จะไม่กลับได้ยังไงล่ะ?
ด้วยคำพูดที่อ่อนหวานของเวินเที๋ยนเที๋ยน แม่ครัวจึงทำได้แค่กลับไป
คุณนายปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเท่าเทียมกันตลอด ฉะนั้นจึงพูดอะไรมากไม่ได้
พอทุกคนกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินที่อยู่ในห้องพักฟื้น
ตอนนี้จี้จิ่งเชินได้พักอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นหลักแล้ว เขาพักค้างคืนอยู่ที่นี่ทุกวัน
แถมเขายังจัดห้องไว้อยู่ข้างๆโดยเฉพาะด้วย เพื่อที่จะได้ดูแลเธอในทุกวัน
ได้อย่างใกล้ชิด
“พี่จิ่งคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยปากเรียกจี้จิ่งเชินที่กำลังปิดไฟแล้วเดินออกไป
“วันนี้นอนนี่ได้ไหมคะ”
พูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เขยิบตัวไปข้างๆ ให้เหลือที่ว่างไว้ จากนั้นก็ใช้มือตบๆลงบนเตียงที่ว่างข้างๆเธอ
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนเรียกแบบนี้ เขาก็อมยิ้มขึ้นเล็กน้อย ความหวานในใจเอ่อล้นขึ้นมาทันที
น้อยครั้งมากที่เขาจะได้ยินเธอเรียกแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนเรียกแบบนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนได้กลับไปยังตอนแรกๆที่คบกันเลย ในใจมันเต้นระรัวขึ้นมา
แต่ว่าเตียงนั่นมันแคบไปหน่อย
เขาย้ายอีกเตียงมาวางต่อกันจนกลายเป็นเตียงขนาดใหญ่
ทั้งสองนอนเคียงข้างกัน
“ลูกจะเป็นอะไรอีกไหมนะ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินก็ยื่นมือไปประสานกับมือเธออย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็พูดปลอบออกไป
“ไม่เป็นไรหรอก คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไรแล้วนี่นา”
“อื้ม พี่จิ่งคะฉันเหนื่อยจังเลย”
“เหนื่อยก็รีบนอนพักเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว คนป่วยต้องนอนพักผ่อนเยอะๆ”
จี้จิ่งเชินมองเธอหลับตาลงช้าๆ มองไปซักพัก ในขณะที่เขาคิดว่าเที๋ยนเที๋ยนหลับไปแล้ว จู่ๆเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยปากพูดขึ้น
“พี่จิ่ง……”
“หือ?”
“พี่จิ่ง”
“พี่อยู่นี่”
จี้จิ่งเชินบีบมือเธอแน่น ดวงตาที่แดงก่ำและดูบวมเป่งของเธอทำให้เขารู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย
“ที่รัก ผมอยู่นี่ ผมอยู่ข้างๆคุณตลอด”
“รอลูกหายดีแล้ว พวกเราไปฮันนีมูนด้วยกันอีกซักครั้งนะคะ”
“ได้สิ ขอแค่พวกคุณอาการดีขึ้น อยากจะไปไหน ผมก็จะไปกับพวกคุณ ”
“เยี่ยมมากค่ะพี่จิ่ง……”
เสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆเบาลง
หลายวันมานี้เธอเอาแต่เครียดและอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน ร่างกายจึงสูญเสียพลังงานไปมาก ขนาดคนที่ไม่ได้ป่วยก็ยังรู้สึกเหนื่อยเลย เพราะงั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงตัวเล็กๆที่พึ่งหายป่วยมาหมาดๆเลย
จี้จิ่งเชินยื่นแขนออกไปรองไว้ที่ใต้คอเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็โอบเธอไว้ แล้วจูบลงเบาๆที่หัวของเธออย่างอ่อนโยน
ราตรีสวัสดิ์ครับ
ที่รักของผม
ลมโชยพัดผ่าน ทั่วทุกสารทิศมืดสนิท มีเพียงแค่ด้านหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเท่านั้นที่มีแสงสว่าง
ในอ้อมแขนของเธอมีเด็กทารกตัวน้อย ทว่าเขากลับสิ้นลมหายใจไปแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอยู่กับพื้น เธอก้มตัวลงแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“นอนเถิดหนาลูก ข้างนอกทั้งมืดทั้งลมแรง ลูกเอ๋ย นอนเถิดนอน……” เสียงร้องเพลงเบาๆเล็ดลอดออกมาจากปากเวินเที๋ยนเที๋ยน แถมน้ำเสียงของเธอยังดูสั่นเครือด้วย
ไหล่ของเธอกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ
ทันใดนั้นในความมืดก็มีเงาคนทยอยปรากฏขึ้นมา เสียกระซิบของพวกเขาค่อยๆดังขึ้น และดังก้องอยู่ในหัวเวินเที๋ยนเที๋ยนซ้ำไปซ้ำมา
“ดูสิ เด็กประหลาด”
“ไม่หายใจแล้วนี่นา”
“เสนียด……”
“เวรกรรมจริงๆ……”
คำพูดแต่ละคำเสียดแทงเข้าไปในใจของเธอ ทว่าเธอไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้อีกแล้ว
เธอไม่ตอบโต้และไม่ถอยหนี
เธอได้แต่ร้องเพลงไม่หยุด พร้อมกับโน้มตัวลงเพื่อกันลมที่พัดมาให้กับเด็กน้อยในอ้อมแขน แม้เด็กคนนั้นจะไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บแล้วก็ตาม
ลูกจ๋า ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง ลูกก็คือลูกของแม่
……
“เที๋ยนเที๋ยน ตื่นสิ เที๋ยนเที๋ยน”
จี้จิ่งเชินมองคนที่อยู่ในอ้อมอกของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนดิ้นขัดขืนไปมาไม่หยุด เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก ส่วนปากก็เอาแต่พูดพึมพำว่า “ลูก” เขาเรียกยังไงก็ไม่ยอมตื่น