เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 921 ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
บทที่ 921 ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองจี้จิ่งเชินอย่างเคืองๆ
จี้จิ่งเชินรู้ว่าเธอเข้าใจผิดไปแล้วจึงเอ่ยแก้ตัว “ผมเห็นเขาขยับแล้วจริงๆ”
พูดจบก็มองต่ออย่างไม่ยอมแพ้
แล้วก็ขยับอีกครั้งอย่างที่คิดไว้จริงๆ
คราวนี้จี้จิ่งเชินไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าละสายตา กลัวว่าถ้าส่งเสียงหรือกะพริบตา เจ้าตัวน้อยจะไม่ขยับอีก
เขายื่นมือออกไปสะกิดเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วชี้ไปที่หัวของทารกน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนยกสองมือขึ้นทัดผมไปไว้หลังใบหู ดวงตาจับจ้องไปที่กระจก
เห็นแล้ว คราวนี้เห็นแล้วจริงๆ
หนังตาของทารกน้อยกำลังขยับ
ทั้งสองคนจ้องอย่างไม่ละสายตา ราวกับกลัวว่าจะส่งเสียงดังปลุกดอกไม้ที่ผลิบานตามลำพังในตอนกลางคืน ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย
หนังตาของลูกน้อยขยับอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็แยกออกจากกัน
ทั้งสองหันมาคนสบตากัน แล้วก้มลงไปมองต่อ
รอยแยกนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตากลมโต สีดำกับสีขาวแยกกันชัดเจน เหมือนกับพ่อของเขาเป็นอย่างมาก
ดวงตาน้อยกลอกไปมา มองจี้จิ่งเชินทางนี้ แล้วเหลือบมองเวินเที๋ยนเที๋ยนทางนั้น
มุมปากค่อยๆ ยกขึ้น คิ้วและดวงตากลายเป็นเส้นโค้ง
“เขายิ้มแล้ว! ลูกยิ้มแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดีใจจนน้ำตาไหล มือข้างหนึ่งปิดปากเอาไว้ น้ำตาราวกับสร้อยไข่มุกที่ขาดสะบั้นร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย
จี้จิ่งเชินเดินมาข้างๆ ตัวเธอ สองมือโอบรอบเอวเธอไว้ ผอมลงอีกแล้ว
“เด็กดี ไม่ร้อง ลูกจะหัวเราะเยาะคุณนะ”
เมื่อก้มลงมอง เด็กน้อยก็กำลังยิ้มอยู่จริงๆ
“ฮู่” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองลูกน้อยที่เหมือนกับว่าสูญเสียไปแล้วแต่ได้กลับคืนมา แล้วยิ้มทั้งน้ำตา
เกือบไปแล้ว
เธอนึกว่าจะเสียเขาไปแล้ว
สวรรค์คงสงสาร จึงปล่อยเขาไป
ขอบคุณสวรรค์
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นพวกวัตถุนิยมที่ในตอนนี้ยังรู้สึกว่าสวรรค์มีตา
ใช่แล้ว ไม่ว่าจะดีหรือชั่วย่อมได้รับผลตอบสนอง ธรรมชาติย่อมเป็นไปตามวัฏจักร หากไม่เชื่อก็ลองเงยหน้าขึ้น แล้วจะเห็นว่าสวรรค์ไม่เคยละทิ้งใคร
ราวกับเป็นเจตจำนงของสวรรค์ที่ควบคุมชะตาชีวิตไว้ในมือ จะตายหรือจะรอด อยู่ที่ใจคิด
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เรื่องราวก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับว่าได้เห็นแสงของดวงอาทิตย์อีกครั้ง
ทารกน้อยมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ไม่หยุดหย่อน ราวกับจะมองทดแทนที่ก่อนหน้านี้มองไม่เห็น
หมอได้ตรวจร่างกายของเขาแล้ว พบว่าอาการผิดปกติทุกอย่างกำลังกลับสู่สภาวะปกติ เพียงแค่อ่อนแอกว่าเด็กทารกทั่วไป แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
พิษได้กำจัดออกไปหมดแล้ว ไม่สามารถคุกคามเขาได้อีก
ทุกคนต่างก็ดีใจ
หนึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดทั้งครอบครัวก็ออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว อยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว จนคุ้นเคยกับทั้งหมอและพยาบาล
สุดท้ายหมอได้กำชับจี้จิ่งเชินถึงเรื่องที่ต้องระวัง ด้านข้างของจี้จิ่งเชินเป็นพ่อบ้านของปราสาทเก่า ที่กำลังฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ และจดอะไรบางอย่างลงบนสมุดอยู่บ่อยครั้ง
หล่อนหลีกับเวินหงหยู้ช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนจัดของ ที่สำคัญคือเวินหงหยู้กำลังจัดของ หล่อนหลีอุ้มหลานชายตัวน้อยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้าง พลางหยอกเสี่ยวโต้วติงที่ตัวเล็กมากจนทำให้คนรู้สึกสงสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด
“เที๋ยนเที๋ยน เสี่ยวโต้วติงของพวกเราตั้งชื่อแล้วหรือยัง?” หล่อนหลีที่ไม่ละสายตาจากเสี่ยวโต้วติง เอ่ยถามขึ้น
“ชื่อ?”
ในตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงพึ่งนึกขึ้นได้ เหมือนว่าจะยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกน้อย
“ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย กลับไปค่อยคิด” เธอตอบไปแบบนี้
ชื่อจะอยู่กับลูกไปตลอดชีวิต ต้องคิดให้รอบคอบ
เธอไม่อยากโดนลูกตำหนิเรื่องตั้งชื่อไม่ไพเราะให้ในอนาคต
“คุณพ่อ ตรงนี้หนูเก็บให้เอง คุณพ่อไปพักสักครู่เถอะ”
เวินหงหยู้ยังอยากเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนกดให้นั่งลงข้างหล่อนหลี
หล่อนหลีกำลังงอตัวดูเด็กน้อย บุ้ยปากให้เวินหงหยู้แล้วเอ่ย “คุณดูสิ เขาหน้าตาเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่?”
เมื่อถามไปแบบนี้ เวินหงหยู้จึงมองใบหน้าหลานชายอย่างละเอียด
“อืม ผมคิดว่าคิ้วและดวงตาเหมือนจี้จิ่งเชิน ริมฝีปากเหมือนเที๋ยนเที๋ยน”
ดูริมฝีปากเล็กที่เม้มแน่นนั้น เหมือนกับเวินเที๋ยนเที๋ยนตอนจงใจทำเป็นเข้มแข็งมาก
“ฉันก็คิดแบบนั้น ดูใบหน้าเล็กๆ นี่สิ สัมผัสแล้วให้ความรู้สึกที่ดีมาก”
หล่อนหลีราวกับว่าเจอแผ่นดินผืนใหม่อย่างไรอย่างนั้น ดึงมือเวินหงหยู้เพื่อให้เขาลูบใบหน้าทารกน้อยดู หลังจากนั้นไม่นานก็ไม่ชอบใจที่เขามือหนัก
แม้ว่าเธอจะเคยคลอดลูกมาก่อน แต่พึ่งคลอดออกมาได้ไม่นานก็ถูกส่งไปแล้ว หล่อนหลีกับเวินหงหยู้ล้วนไม่มีประสบการณ์ได้เลี้ยงดูลูก เห็นอะไรก็รู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษ
หล่อนหลีอุ้มทารกไว้ตลอดทั้งภาคเช้าก็ไม่รู้สึกว่าเหนื่อย
โชคดีที่ทารกน้อยไม่ขี้กลัว ไม่ร้องไห้งอแงยอมให้หล่อนหลีอุ้มได้ตามอำเภอใจ เอาแต่เล่นน้ำลายตัวเองอยู่อย่างนั้น
เวินหงหยู้มองท่าทางชอบใจของหล่อนหลี ในใจก็ชะงักไป
มุมปากเม้มเบาๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างสง่างาม
“คุณพ่อ ยิ้มอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเวินหงหยู้มองหล่อนหลีกับลูกน้อยแล้วยิ้ม จึงเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร” เวินหงหยู้จัดแจงสีหน้าแล้วรีบเอ่ยอธิบาย
จี้จิ่งเชินที่พึ่งเข้าห้องพักผู้ป่วยมาเห็นฉากนี้เข้าพอดี สบตากับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่ออีกอย่างรู้กัน
เมื่อเก็บของเสร็จแล้ว คนกลุ่มหนึ่งก็มุ่งหน้าไปที่ปราสาทเก่า
ที่ห้องรับแขกของปราสาทเก่า แม่ครัวกับหลวนจื่อ หมินอันเกอ แล้วก็ยังมีเหยาเย้นรวมทั้งแก๊งหัวไชเท้าได้รออยู่นานแล้ว
ความกดดันและอึดอัดที่อยู่โรงพยาบาลมาหลายเดือน เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกว่าตัวเองแทบจะขึ้นราอยู่แล้ว
เมื่อลงจากรถจึงสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปลึกๆ และไล่ก๊าซเสียออกมาจากปอด
“พรึ่บ”
ผ้าห่มขนปุยผืนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า คลุมลงบนศีรษะของเวินเที๋ยนเที๋ยน ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนร้องเสียงดัง ใครกันที่กล้าถึงขนาดนี้ อยู่หน้าประตูบ้านก็กล้าซุ่มโจมตีเธอ?
“ผมเอง ห่อเอาไว้ อย่าให้ลมเข้าเด็ดขาด”
เสียงของจี้จิ่งเชินดังขึ้นจากทางด้านหลัง ตามด้วยเดินไปข้างตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วโอบเธอไว้ เอ่ยเสริมขึ้น
“หมอบอกว่าต้องระวังเรื่องกันลม ไม่อย่างนั้นจะเป็นหวัดเอาได้”
ดูเหมือนว่าเขาจะปฏิบัติตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัดจริงๆ
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องห่อตั้งแต่หัวจรดเท้าไหม? เดินก็ไม่สะดวก ทางก็เห็นไม่ชัด โชคดีที่ยังให้เห็นดวงตาอยู่บ้าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะเคลื่อนฝีเท้า ก็ถูกจี้จิ่งเชินอุ้มขึ้นมา
“อย่าดิ้น ผมอุ้มคุณเอง”
ประโยคเดียวที่หยุดการดิ้นรนของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนเรียงแถวอยู่หน้าประตูปราสาทเก่าอยู่ไกลๆ แล้วยังมีคุณพ่อคุณแม่ที่ลงจากรถอยู่ด้านหลัง สามีภรรยาหลวนจื่อ พ่อบ้านก็อยู่ด้วยทั้งหมด
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงขึ้นมาทันที
ดึงผ้าห่มมาปิดบังใบหน้าอย่างเขินอาย
“ฉัน ฉันลงดีกว่า”
“ไม่ได้”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนในอ้อมแขนเบาราวกับลูกแมว
ไม่ต้องพูดถึงทางเดินสั้นๆ ต่อให้เป็นทางเดินตลอดทั้งชีวิต เขาก็สามารถอุ้มเธอเดินไปได้อย่างมั่นคง
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกถึงฝีเท้าของเขาที่ก้าวขึ้นบันได เสียงแอบหัวเราะของเด็กๆ ลอยมาข้างหู
เมื่อก้าวเข้าห้องนั่งเล่นไปแล้วสั่งให้ปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด จี้จิ่งเชินถึงวางเธอลงบนโซฟา
“ยินดีต้อนรับคุณนาย/พี่เที๋ยนที๋ยนกลับบ้าน ยินดีต้อนรับคุณชายน้อย/น้องชายกลับบ้าน”
เสียงหนึ่งดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับมือของจี้จิ่งเชินลุกขึ้นจากโซฟา แล้วหมุนตัวมองออกไปทางประตู
พ่อบ้าน แม่ครัว ฉวีผิงล้วนยืนอยู่ตรงนั้นแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองเธอ
อีกด้านหนึ่ง เหยาเย้นพาเด็กๆ จากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโต้วโต้วหมิงเฮ่าล้วนอยู่ด้วย ยืนเรียงแถวอย่างเรียบร้อย โดยที่ความสูงไม่เท่ากัน
ยกยิ้มโดยที่ฟันสองซี่ด้านหน้าหลุดไปแล้ว ยิ้มให้อย่างมีความสุข