เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 925 ผู้หญิงตะวันออกทรงเสน่ห์
บทที่ 925 ผู้หญิงตะวันออกทรงเสน่ห์
บนโต๊ะมีผลงานชิ้นกึ่งสำเร็จวางอยู่ไม่น้อย มีทั้งฝีมือยอดเยี่ยม และมีทั้งที่มองออกว่าพึ่งจะเริ่มเรียน
จิ้จิงเชินเอ่ยกับเวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มๆ
“อีกหลายร้อยปีในอนาคต ลูกของพวกเราสามารถเก็บเครื่องเคลือบที่พวกเราทำเป็นของที่ระลึกได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยากลองทำดูอยู่แล้ว ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็จะก้าวเข้าไป กลับถูกจี้จิ่งเชินขวางไว้
“คุณรอก่อน ผมผสมดินเหนียวก่อน”
พูดพลางส่งจี้หยู๋ชิงไปในอ้อมแขนของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วหยิบก้อนดินเหนียวขึ้นมานวด
เห็นท่าทางจริงจังมุ่งมั่นของจี้จิ่งเชิน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกมีความสุขอย่างที่เปรียบไม่ได้
จี้จิ่งเชินตัดดินโคลนเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แล้วสลักตัวอักษรลงทางด้านซ้ายอยู่หลายแถว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาดูใกล้ๆ เป็นที่มาของชื่อจี้หยู๋ชิงนั่นเอง
“มา ส่งหยู๋ชิงมาให้ผม”
จี้จิ่งเชินล้างมือให้สะอาดแล้วอุ้มเสี่ยวหยู๋ชิง เหยียดเท้าเล็กอ้วนของเขาให้ตรงเพื่อเหยียบลงบนที่ว่างของแผ่นดินเหนียว
รอยเท้าสองข้างที่ชัดเจน เข้ากันกับกลอนที่งดงามบทนั้น
อบอุ่นอย่างถึงที่สุด
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจทันที
เธอยังคิดว่าจี้จิ่งเชินจะสร้างสิ่งที่น่าอัศจรรย์ให้คนรุ่นหลังส่งต่อตลอดไป
คิดไม่ถึงว่า……
เธออายมากจนอยากจะทำใหม่อีกครั้ง แต่กลับถูกจี้จิ่งเชินห้ามไว้ แล้วรีบเรียกผู้อาวุโสคนก่อนหน้านี้เข้ามา
แผ่นดินเหนียวที่ทำเสร็จแล้วถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณนายจี้ สามีของคุณรักคุณมากจริงๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้แต่ยิ้ม คำพูดนี้จะให้เธอตอบอย่างไร?
เธอจึงได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ผู้อาวุโส ที่นี่ของพวกคุณ ฉันว่าค่อนข้างจะมีอายุแล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ห้าสิบห้าปีมาแล้ว ตั้งแต่ผมสิบขวบเป็นต้นมาผมก็อยู่ที่นี่ดูพ่อของผมทำเครื่องปั้นดินเผา และเครื่องเคลือบลายคราม” ผู้อาวุโสใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น ล้อของประวัติศาสตร์ได้หมุนไป เหลือไว้เพียงการเปลี่ยนแปลงของครึ่งศตวรรษ
“น่าเสียดาย ที่ผมแก่แล้ว ผมกังวลว่าต่อไปงานฝีมือนี้จะไม่มีคนสืบทอดต่อไปแล้ว” ความเงียบเหงาในน้ำเสียงของผู้อาวุโสทำให้ยากที่จะเมินเฉยได้
“ผู้อาวุโส มีแค่คุณคนเดียวเหรอ? เด็กฝึกล่ะ?” สำหรับงานฝีมือเช่นนี้ ควรมีผู้สืบทอดถึงจะถูก
“คนหนุ่มสาวสมัยนี้ที่ไหนจะยอมเรียนอะไรพวกนี้กัน? ทั้งสกปรกทั้งเหนื่อย”
ผู้อาวุโสส่ายหน้า มองเรือนสี่ประสาน ห้องที่อยู่กันมาสองชั่วอายุคน จมไปกับสังคมใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้อาวุโส ไม่ใช่หรอก ต้องยังมีคนอยากเรียนแน่ คุณรออีกสักหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เป็นนักบูรพาวัตถุโบราณ ย่อมไม่อยากเห็นการถ่ายทอดพวกนี้ขาดหายไป
“ไม่ปิดบังผู้อาวุโส ภรรยาของผมมีความชำนาญเรื่องการบูรพาวัตถุโบราณ มีความรู้ทางด้านนี้อยู่บ้าง”
จี้จิ่งเชินอุ้มจี้หยู๋ชิง คอยก้มมองเขาอยู่ตลอด และทุกครั้งก็สบตากับเขา เจ้าหนุ่มน้อยจ้องตัวเองอยู่ตลอด?
“คุณนายจี้ที่แท้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นคนอายุน้อยที่มีความสามารถจริงๆ”
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยน ในที่สุดก็นึกออก “ผมเคยเห็นในโทรทัศน์ คุณแข่งขันเทคนิคการซ่อมแซมกับอีกคนหนึ่ง แบบนั้นยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนตอนแรกได้ ทำให้รู้สึกนึกนับถือจริงๆ”
สายตาปลื้มใจของผู้อาวุโสเจือแววชมเชย ยกนิ้วโป้งขึ้นให้สูงๆ
“คุณชมเกินไปแล้ว ฉันรับผิดชอบซ่อมแซม คุณรับผิดชอบสร้างสรรค์ ขาดใครไปก็ไม่ได้ ฉันพึ่งเห็นชิ้นงานสำเร็จในห้องพวกนั้น น่าจะเป็นของที่ผู้อาวุโสทำเอง ใช่ไหม ราวกับว่ามีชีวิตจริงๆ มีมูลค่าและน่าชื่นชมมากจริงๆ”
คำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนซึมเข้าไปในส่วนลึกในจิตใจของคนแก่
เขาโบกมือ ถอนหายใจ “ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ไม่มีคนอยากเรียนแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังอยากจะโน้มน้าวอีกครั้ง แต่จี้จิ่งเชินจึงดึงข้อมือของเธอไว้
“ผู้อาวุโส ท่านค่อยๆ รอ ต้องมีคนแน่ๆ วันนี้พวกเราต้องไปก่อนแล้ว”
จี้จิ่งเชินเอ่ยลา
“ทั้งสองคนเดินทางปลอดภัย รอเครื่องเคลือบเผาเสร็จแล้ว ผมจะแจ้งคุณไป”
ผู้เฒ่าไม่ได้ออกมาส่ง เดินกลับไปที่ห้องแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเงาของเขาค่อยๆ หายไป ให้ความรู้สึกเหมือนวีรบุรุษที่เป็นไม้ใกล้ฝั่ง
“พี่จิ่ง”
“ไปกันเถอะ”
ไม่ได้รอให้เครื่องเคลือบเผาเสร็จ ก็ไปที่งานแต่งงานของหลวนจื่อกับหมินอันเกอ
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบแบบแผน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ได้เจอกับครอบครัวของหลวนจื่อเป็นครั้งแรก คือชายหนุ่มผมบล์อนตาสีฟ้าสองคน
หลวนจื่อแนะนำว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ
ก่อนนี้ได้พูดคุยกับหลวนจื่อเกี่ยวกับครอบครัวของเธอน้อยมาก รู้เพียงแค่ว่าทุกคนอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ
แต่ว่าครอบครัวของเธอก็เข้าใจและมีเหตุผล ไม่ได้คัดค้านการแต่งงานนี้ และยังมาร่วมงานแต่งงานของเธออีกด้วย
ชายหนุ่มท่าทางสุภาพถือแก้วแชมเปญยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา แต่กลับคุยกลับบุคคลคนอื่นน้อยมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเดินเข้าไปยิ้มทักทายเป็นลำดับแรก “สวัสดีค่ะ”
“คุณผู้หญิงคนสวย สวัสดีครับ” ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นเห็นเธอตาก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย จับมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วก้มลงหมายจะจูบ
แต่เมื่อกำลังจะแตะลงบนหลังมือ ความอ่อนนุ่มในมือก็ถูกดึงกลับไป
เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง ข้างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็มีชายหนุ่มใบหน้าคมคายราวกับใบมีด นัยน์ตาสีดำราวทะเลลึกยืนอยู่
“เที๋ยนเที๋ยน”
น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความไม่พอใจเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยเสียงเบา “ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ พวกเขาจะจับมือฉัน”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ยิ่งไม่น่ามองมากยิ่งขึ้น
“ดูท่าแล้วคราวหน้าคงต้องเก็บคุณใส่กระเป๋าซะแล้ว” เขาพูดขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มกว้าง
จี้จิ่งเชินกำมือเธอแน่น แล้วเอ่ยกับทั้งสองคนตรงหน้าอย่างเย็นชา “ขออภัย ผมมีเรื่องต้องคุยกับภรรยานิดหน่อย”
พูดพลางหมุนตัวเดินออกไปทันที
ผู้ชายทั้งสองคนมองตามหลังพวกเขา ใช้ภาษาอังกฤษคุยกันเสียงเบาอย่างไม่รู้ตัว
“ผู้หญิงตะวันออกสวยจัง ผู้หญิงที่นี่ล้วนสวยและอ่อนโยนกันหมดใช่ไหม?”
“ดูท่าแล้วฉันคงต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักซะแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน หลวนจื่อก็เดินเข้ามา
“พวกนายกำลังมองอะไรกัน?”
เมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้อง ทั้งสองคนจึงชี้ไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเอ่ยถาม “คุณผู้หญิงคนนั้น แต่งงานแล้วหรือยัง?”
หลวนจื่อมองตามแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจทันที
“แน่นอนว่าแต่งงานแล้ว พวกนายคิดจะทำอะไร? ฉันแนะนำให้พวกนายตัดใจเสียเถอะ ไม่อย่างนั้นจะถูกสามีขี้หึงเอาเรื่องอย่างน่าอนาถ! อนาถมาก!”
ทั้งสองคนรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ถอนหายใจแล้ว จุดนี้พวกเขาเองก็พึ่งค้นพบมัน
“น่าเสียดายจริงๆ”
หลวนจื่อกลอกตา เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ฉันให้พวกนายมา เพื่อมาช่วยงาน ไม่ใช่มาดูสาวสวย รีบมาหาฉันได้แล้ว!”
ทั้งสองคนตามไปช่วยงานอย่างเชื่อฟัง แล้วคุยกันเสียงเบา
“ดูแล้วไม่ใช่ผู้หญิงตะวันออกจะอ่อนโยนไปทั้งหมด”
“ใช่แล้ว อย่างน้อยลูกพี่ลูกน้องเราก็ไม่ใช่……”
หลังจากถูกจี้จิ่งเชินพาออกมาแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเอ่ยขึ้น “โทษคุณนั่นแหละ พวกเขาไปกันหมดเลย ฉันยังอยากคุยกับครอบครัวของหลวนจื่ออยู่เลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมุ่ยปาก เดิมเห็นว่าทั้งสองคนยืนโดดเดี่ยวอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าเย็นชากับแขกจึงเดินเข้าไปทักทาย ใครจะรู้ว่าจะทำให้คนขี้หึงของตัวเองจะหึงเรี่ยราดแบบนี้
แต่ต้องอย่าให้เพื่อนชาวต่างชาติรู้สึกไม่เป็นกันเอง
“ถ้าอย่างนั้น ผมไปเป็นเพื่อนคุณ?” จี้จิ่งเชินเลิกคิ้ว ภรรยาของตัวเองคุยกับผู้ชายคนอื่น ตัวเองก็ต้องอยู่ข้างๆ
“ช่างเถอะ หลวนจื่อบอกว่าสองคนนั้นเป็นน้องชายของเธอ คุยกันง่าย ไม่น่าจะไม่พอใจอะไร”
จี้จิ่งเชินไม่ได้รู้สึกดีกับชายชาวต่างชาติมากนัก โดยเฉพาะกับชายหนุ่มที่หน้าตาพอใช้ได้และมีฐานะสูงศักดิ์
เขายังจำได้ว่าไม่นานมานี้ก็เป็นชายชาวต่างชาติเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พยายามครอบครองปราสาทเก่าของเขา แต่ยังต้องการแย่งชิงเที๋ยนเที๋ยนของเขาไปอีกด้วย
ต่อไปเรื่องทำนองเดียวกันนี้จะต้องกำจัดไปให้หมด
ใครใช้ให้ภรรยาของเขาน่ารักมีเสน่ห์ขนาดนี้กัน?