เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 928 สติปัญญาล้ำหน้า
บทที่ 928 สติปัญญาล้ำหน้า
ท่านจางกับท่านเปิงนำกล่องใบหนึ่งที่ด้านในมีจานกลมแบนขนาดเล็กสีดำสนิทวางอยู่ เงางามไปทั้งอัน จุดเดียวที่บกพร่องคือมีมุมหนึ่งได้หายไป และชิ้นส่วนนั้นหลุดอยู่ที่มุมกล่อง
“นี่? นี่คือเครื่องเคลือบสีดำ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนแค่มองก็มั่นใจแล้วว่านี่คือเครื่องเคลือบโบราณที่หายากในตำนาน
เครื่องเคลือบทั่วไปส่วนมากจะมีสีขาวเป็นพื้น แล้วเสริมด้วยสีสันสดในอื่นๆ
แต่เครื่องเคลือบสีดำนี้ มีเพียงRu Kilnของช่วงราชวงศ์เป่ยซ่ง เดิมมีจำนวนน้อยอยู่แล้ว มีการเก็บรักษาไว้ได้จนถึงปัจจุบันไม่ถึงสิบชิ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้เห็นเครื่องเคลือบสีดำ เป็นผลงานที่ละเอียดอ่อนจริงๆ ดูอ่อนโยน ซ่อนเร้น มั่นคง ความสว่างไสวท่ามกลางสีดำสนิท เมื่อมองใต้แสงไฟ ก็สามารถเห็นฝ่ามือที่อยู่อีกด้านได้อย่างเลือนราง
“เฮ้อ น่าเสียดาย ที่แตกไปแล้ว”
ท่านเปิงหยิบเศษซากที่แตกขึ้นมาแล้วส่ายหน้า
“สาวตัวน้อย เธอว่าอันนี้สามารถซ่อมแซมได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ไม่ได้มั่นใจขนาดนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสเครื่องเคลือบสีดำ
มองจี้จิ่งเชินแล้วเห็นเขาไม่มีท่าทีอะไร จึงพยักหน้า “ฉันจะลองดู”
ได้รับคำตอบจากเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ท่านจางกับท่านเปิงก็วางใจลงเล็กน้อย
“ยายา”
ในตอนนั้นเองจี้หยู๋ชิงที่จี้จิ่งเชินอุ้มอยู่ส่งเสียงแทรกขึ้นมา ดึงดูดความสนใจของคนชราทั้งคนไป
“เสี่ยวหยู๋ชิง หนูก็รู้จักอันนี้เหรอ?”
ท่านเปิงยื่นมือออกไปหมายจะอุ้ม ท่านจางก็พูดโจมตีเขา
“เจ้าหนวดเฟิ้ม อย่าไปทำเสี่ยวหยู๋ชิงตกใจร้องไห้เชียว”
“ท่านจาง ไม่เป็นไร หยู๋ชิงไม่กลัวคนแปลกหน้า ไม่ร้องไห้หรอก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอธิบายยิ้มๆ คนชราทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงนั้น หยู๋ชิงได้เรียกพวกเขาว่า “คุณปู่” ถือว่าเป็นเกียรติของหยู๋ชิงแล้ว
“จริงเหรอ?” ท่านจางไม่ค่อยเชื่อ
เขายังจำได้ที่ลูกชายของตัวเองมีลูกแฝดตอนนั้น อะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้แทบขาดใจ ทำเขาเศร้าเสียใจมาก จนต้องงัดทุกอย่างออกมาในที่สุดถึงจะทำให้ตัวเล็กสองคนคุ้นเคยกับเขาบ้าง
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ท่านเปิงจึงรับเอาจี้หยู๋ชิงไป
ท่านจางมองใบหน้าเล็กๆ ของหยู๋ชิง อย่างระมัดระวัง เตรียมพร้อมอ้าปากจะปลอบเขา
เห ไม่ร้องไม่งอแงจริงๆ ด้วย มองท่านเปิงเงียบๆ ยังใช้มือเล็กๆ นั้นสัมผัสเคราสีเทาไปมา ไม่ได้ออกแรงคว้ามาจับไว้ ราวกับเป็นของแปลก
“ฮ่าฮ่า เด็กคนนี้ถูกชะตาฉัน” ท่านเปิงสะบัดเคราสีเทาแล้วเอ่ยยิ้มๆ
“นี่? สาวตัวน้อย เธอสอนอย่างไร? ทำไมเด็กแฝดบ้านฉันไม่ว่านอนสอนง่ายแบบนี้?”
ท่านจางไม่สบายใจแล้ว
อิจฉาด้วย
“เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยร้องไห้งอแง”
จี้จิ่งเชินได้ยินคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็รู้สึกอึดอัดใจ
ลูกของตัวเอง เหมือนจะไม่เหมือนกับลูกคนอื่น
แต่อย่ามีปัญหาเรื่องพัฒนาการทางสมองเลย
คำพูดที่ยังไม่ยืนยันของหมอดังสะท้อนในหัวจี้จิ่งเชิน
ท่านเปิงเก็บเครื่องเคลือบสีดำบนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วเอ่ย “ที่จริงแล้วเรียกเธอมาครั้งนี้ ยังมีอีกเรื่องต้องการคุยกับเธอ ช่วงนี้มีคนไม่น้อยถามฉันว่าเธอมีความสนใจกลับมาโลกของการบูรพาวัตถุโบราณอีกครั้งไหม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป
นักบูรพาวัตถุโบราณคือความฝันของเธอ และสิ่งที่เธอชอบ
แต่เพราะหลายๆ เหตุผลก่อนหน้านี้ ทำให้เธอต้องเปลี่ยนสายงานไป
อย่าว่าแต่เรื่องดูแลปัญหาของบริษัทตระกูลหล่อนเลย ตอนนี้เธอมีจี้หยู๋ชิงเพิ่มมาอีกหนึ่ง เธอไม่มีได้ดีใจเลย
เห็นเธอยังลังเลอยู่เล็กน้อย ท่านเปิงก็เอ่ยต่อ ความจริงแล้วฉันได้รับข่าวหนึ่ง อีกครึ่งปี จะมีการประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ถึงตอนนั้นจะจัดการแข่งขันครั้งใหญ่ นี่เป็นโอกาสที่ดี เธอโดดเด่นด้านซ่อมแซมวัตถุโบราณมาก ถ้าหากสามารถเข้าร่วมได้ จะเป็นการนำเกียรติยศมาให้ประเทศได้”
“ทางพระราชวัง คนถามข่าวเธอจากฉันอยู่ไม่น้อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้
“ให้ฉันคิดดูหน่อย”
ท่านเปิงก็ไม่ได้ฝืนใจ พยักหน้า
“ได้”
ในคืนนั้น จี้หยู๋ชิงได้หลับไปแล้ว ตอนนี้เขานอนในห้องของจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ด้านข้างเตียงขนาดใหญ่ได้เพิ่มเตียงนอนเด็กเข้ามา ดูแลได้สะดวกขึ้นเล็กน้อย
หล่อนหลียังอยากพาเขาไปนอนด้วย แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ยินยอม เกรงว่าจะทำให้เธอเหนื่อยเกินไป แล้วทำให้โรคเก่ากำเริบ
“พี่จิ่ง ชิงชิงของเรา จะเงียบเกินไปไหม? ฉันได้ยินหลวนจื่อบอกว่าโดว์โดว์ตอนเด็กๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้แล้ว ยิ้มก็ยิ้มกว้างอย่างสดใส ไม่เหมือนชิงชิง ที่แม้แต่รอยยิ้มยังแฝงความอ่อนโยนขนาดนั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกังวลเล็กน้อย ลูกพึ่งจะครบหนึ่งขวบ หลายเดือนที่ผ่านมาในที่สุดก็สังเกตเห็นความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างเขากับเพื่อนวัยเดียวกัน
ใจเย็นเกินไป
เรื่องอะไรก็สงบเงียบ แม้ว่าจะบอกว่าลดความยุ่งยากไปมาก แต่ก็อย่าให้มีความผิดปกติอะไรเลย
เธอยอมให้เขาร้องไห้งอแง หัวเราะเสียงดัง เหมือนเด็กทั่วไปมากกว่า แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็สบายใจ
“อย่าคิดมาก”
จี้จิ่งเชินจูบลงบนหน้าผากเธอแล้วลูบหลังเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น
“พี่จิ่ง หรือว่าจะพาเขาไปตรวจดูหน่อยดีไหม? ไม่อย่างนั้น ฉันคงวางใจไม่ลงแน่ๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเสนอความคิดเห็น
จี้จิ่งเชินพยักหน้า เขาเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
ฉลาดเจ้าเล่ห์เกินไปหน่อย
ยังไม่ทันถึงหนึ่งขวบ แม้ว่าจะยังพูดไม่ได้ แต่กลับเดินได้อย่างมั่นคงแล้ว
ตอนโดว์โดว์หนึ่งขวบยังเดินไม่มั่นคงเลย
“พรุ่งนี้ พรุ่งนี้พวกเราไปดูกัน”
จี้จิ่งเชินปลอบใจเวินเที๋ยนเที๋ยน
ที่โรงพยาบาล หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจทั้งหมดแล้ว หมอก็ถามคำถามประจำวันทั่วไปเล็กน้อย แล้วสุดท้ายก็ได้ผลสรุปออกมา
“ลูกของทั้งสองท่านสัมผัสกับสารพิษในร่างกายของแม่ และยังคลอดก่อนกำหนด สมองและอวัยวะบางส่วนมีที่การพัฒนานอกร่างกายปกติทั่วไป แต่ได้รับผลกระทบจากสารพิษ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดพวกนั้น ภาพข้างหน้าก็มืดลงทันที เกือบจะเป็นลมหมดสติไป
จี้จิ่งเชินรีบพยุงเธอให้นั่งลง
จี้หยู๋ชิงนั่งบนตักของจี้จิ่งเชิน ลืมตากว้าง มองคุณหมอ
หรือว่าหยู๋ชิงที่มีชีวิตรอดมาได้อย่างยากลำบาก จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอะไรอีกแล้ว?
สติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์หรือว่าปัญญาทางจิตใจ?
ที่ช่วงนี้ไม่ยอมพูด หรือจะจะเป็นเพราะมีปัญญาทางจิตใจ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งคิดยิ่งร้อนใจ อดไม่ได้ที่จะคิดไปในทางที่ไม่ดี ราวกับหยู๋ชิงหลุดปลิวออกจากมือไป
“เที๋ยนเที๋ยน เที๋ยนเที๋ยน หมอยังพูดไม่จบ”
เสียงเรียกหลายครั้ง ทำให้ใจที่คิดไปเรื่องของเวินเที๋ยนเที๋ยนสงบลงชั่วคราว
“ปัจจุบันเห็นว่าพัฒนาการทางสมองของเขามีปัญหาเล็กน้อย น่าจะเพราะสารพิษที่ตกค้างอยู่ ส่งผลกระทบในระยะสุดท้ายของพัฒนาการทางสมอง”
“เส้นประสาท? ถ้าอย่างนั้นสติปัญญาของเขาจะมีพัฒนาการที่ล่าช้าไหม?”
จี้จิ่งเชินถามคำถามที่อยู่ในใจเวินเที๋ยนเที๋ยนออกไป เธอไม่กล้าถามออกไป กลัวว่าคำตอบที่ได้รับจะไม่สามารถทนรับได้
“ไม่ใช่ล่าช้า น่าจะเป็นพัฒนาการล้ำหน้า สติปัญญาของเขาเท่ากับเด็กอายุสองขวบแล้ว น่าจะเป็นเพราะสารกระตุ้นบางอย่าง ทำให้สมองเกิดการพัฒนาเป็นสองเท่าในเวลาอันสั้น”
“ล้ำหน้า?” เวินเที๋ยนเที๋ยนพึมพำ “สติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กสองขวบแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งขวบ”
“ขอให้คุณโปรดวางใจ แม้ว่าความเร็วของการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีเคสตัวอย่างมาก่อน”
“แล้วจะมีข้อบกพร่องอะไรไหม?”
จี้จิ่งเชินยังคงนิ่งสงบ เขารู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นกังวลกับจุดนี้
พัฒนาการเร็วเกินไป เป็นผู้ใหญ่เร็วเกินไป ถึงตอนนี้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี
เหตุผลของการใจร้อนจะทำให้ยิ่งเกิดผลเสียทุกคนต่างรู้ดี