เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 966 อาหารที่คุณพ่อทำทานได้เหรอ?
เพียงแต่เซียวหยี่อันเชื่อมั่นในตัวเองมาก ถึงได้ประมาทจนเดินไปผิดทาง
ตอนนี้เธอสำนึกผิดและเปลี่ยนตัวเองใหม่แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ดีใจมากกว่าใครพยักหน้าขึ้นลง
“ไม่เป็นไร ถ้าเธอพยายามล่ะก็ ฉันเชื่อว่า
ต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ”
“ขอบคุณ!” เซียวหยี่อันโค้งตัวอย่างตื่นเต้นเอ่ย “เธอกำลังคุยธุระอยู่ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนแล้วดีกว่า”
พูดพลางเอ่ยลา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามหลังเธอเดินออกไป ถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้สึกตัว
ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการบูรณะวัตถุโบราณมาก่อน แต่เพราะเดินไปผิดทางเลยต้องจากอาชีพนี้ไป ไม่สามารถประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ได้อีก
ไม่อยากเห็นเซียวหยี่อันเดินตามรอยไป ยังดีที่ตอนนี้เธอรู้สำนึกได้ทันเวลา ไม่สายเกินไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ
กำลังจะหมุนตัวกลับไปที่ห้องทำงาน เมื่อออกประตูไปก็บังเอิญเจอกับจี้จิ่งเชินที่เดิมเข้ามาจากทางด้านนอก
“คุณกลับมาทำไมอีก?” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างแปลกใจ “วันนี้เลิกงานก่อนเวลาเหรอ?”
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ตอนนี้หกโมงแล้ว คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพักเป็นระยะๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเงยหน้าขึ้นมองเวลา เป็นเวลาเกือบหกโมงแล้ว!
ไม่รู้สึกตัวเลยว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนใจฝ่อในทันที
จี้จิ่งเชินเคยบอกเธอแล้ว ว่าต้องพักผ่อนเป็นระยะๆ
แต่เมื่อเธอเริ่มทำงาน ก็ลืมเวลาไปเสียหมด
เดินออกไปข้างนอกพลางเอ่ย “ฉันจะไปบอกให้อาจารย์ฉู่พวกเขาพักสักครู่”
กำลังจะเดินไปแล้วจี้จิ่งเชินก็จับมือของเธอไว้
“ไม่ต้องไปแล้ว ก่อนเข้ามาผมไปดูมาแล้ว ให้พวกเขากลับไปพักก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้น คุณกับกลุ่มอาจารย์ที่ในหัวมีแต่วัตถุโบราณอยู่ด้วยกัน ต้องลืมแม้กระทั่งทานข้าวแน่ๆ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็ชะงักค้างไป ใจฝ่อยิ่งกว่าเดิม
จี้จิ่งเชินเห็นสีหน้าของเธอ ก็หน้านิ่วคิ้วขมวด
“คุณคงไม่ได้ไม่ทานข้าวจริงๆ หรอกใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าตัวเองถูกเขาจับได้แล้วก็ยิ้มแหย
“ฉันจำได้ เหมือนว่าแม่ครัวมาเรียกฉันแล้วหนึ่งครั้ง แต่งานในมือของฉันยังไม่เสร็จ ก็เลยตัดสินใจว่าจะทำให้เสร็จแล้วค่อยทาน……”
“แล้วยังไงต่อ?”
“แล้วก็ลืมไปเลย…….” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างหวาดๆ
มิน่าตั้งแต่เมื่อกี้เธอถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายท้อง ที่แท้ก็เพราะหิวเกินไป…….
จี้จิ่งเชินมองท่าทางของเธอ แล้วถอนหายใจออกมา
“ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคุณแล้วจริงๆ ถ้าหากเจอเรื่องแบบนี้อีก ผมจะกำหนดเวลาทำงานของคุณ สามชั่วโมงต่อวัน เป็นอย่างไร?”
“อะไรนะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างตกใจทันที
“ไม่ได้ ไม่ได้! ตอนนี้ใกล้จะต้องเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว สามชั่วโมงต่อวันจะพอได้อย่างไร?”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ให้เชื่อฟังพักผ่อนทานข้าวด้วย”
จี้จิ่งเชินเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ย “นอกจากไม่ได้ทานข้าวแล้ว คุณก็น่าจะไม่ได้พักด้วยใช่ไหม?”
ได้ยินคำถามนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งใจฝ่อมากกว่าเดิม
จี้จิ่งเชินมองแววตามืดมนของเธอ ขมวดคิ้วแน่นแล้วกัดฟันพูด “คุณคงจะไม่บอกผมว่าตั้งแต่ตอนเช้าผมกลับไป คุณก็ไม่ได้พักอีกเลยหรอกใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนสายตาหลุกหลิก
“น่าจะ……เหมือนว่า…….พักแล้ว”
“เหมือนว่า? น่าจะ?”
จี้จิ่งเชินโมโหจนกัดฟัน แทบอยากจะตีคนตรงหน้าให้หมดสติ ส่งกลับห้องให้เธอพักผ่อนดีๆ
เห็นสีหน้าเขาดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธเริ่มรุกล้ำเข้ามาในสายตา เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบยกมือขึ้นทำสามนิ้วรับรอง
“ต่อไปฉันจะพักผ่อน ฉันสาบาน”
เธอเอ่ยสาบาน แต่จี้จิ่งเชินกลับกันสีหน้าสงสัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นแล้ว
“จริงๆ นะ!” เวิเนที๋ยนเที๋ยนเอ่ยยืนยัน
จี้จิ่งเชินเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้จึงได้แต่ประนีประนอม
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ถ้าต่อไปยังเป็นแบบนี้อีก ผมจะต้องกำหมดเวลาทำงานของคุณแล้ว”
“ไม่มีปัญหา ฉันทำภารกิจสำเร็จแน่นอน!”
จี้จิ่งเชินกลับเลิกคิ้ว “ต่อไปผมจะหาคนมาดูแลมาดูคุณ ตอนนี้ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ”
“ใครนะ?”
“ถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เอง”
ทันใดนั้นจี้จิ่งเชินกลับค้อมตัวลงอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมา แล้วเดินไปทางห้องอาหาร
เวิเนที๋ยนเที๋ยนตกใจกับการกระทำกะทันหันของจี้จิ่งเชิน จึงรีบปีนขึ้นมามองเขา
“คุณทำอะไร? เดี๋ยวคนเห็น”
จี้จิ่งเชินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ผมอุ้มภรรยาของผมในบ้านของตัวเอง มีอะไรน่าอาย? ต่อให้พวกเขาเห็นแล้วอย่างไร?”
พูดพลางอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปห้องอาหาร
เมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะที่ไม่ได้ถูกแตะต้องมาก่อน จี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
“แม่ครัวล่ะ?”
ว่ากันตามเหตุผล ถ้าหากก็วินที๋ยนเที๋ยนไม่ได้มาทานข้าว แม่ครัวก็ต้องเห็นอย่างแน่นอน
เวินเที๋ยนก็นครุ่นคิดแล้วเอ่ย “เมื่อกี้เหมือนได้ยินเธอบอกว่าที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย เลยงานลาชั่วคราว”
จี้จิ่งเชินได้ยิน ก็ยิ่งขมวดคิ้ว
มีพ่อบ้านกับแม่ครัวอยู่ ก็วินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่สามารถทานข้าวให้ตรงเวลาได้
ถ้าหากว่าพวกเขาไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่ทนหิวทุกวัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเอ่ย “คุณวางใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ แล้วไหนจะจี้หยู๋ชิง ฉันไม่ปล่อยให้เขาหิวหรอก”
“ผมไม่ได้เป็นห่วงว่าเขาจะหิว แต่ผมเป็นห่วงคุณทนหิว”
เจ้าหนูน้อยคนนั้นฉลาดจะตาย ไม่มีทางให้ตัวเองต้องลำบากอย่างแน่นอน แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นก็ไม่แน่แล้ว
จี้จิ่งเชินวางเธอลงบนเก้าอี้ แล้วยกเท้าเดินเข้าไปด้านใน
“คุณจะทำอะไร?” เห็นเขาเดินเข้าห้องครัวไป เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
จี้จิ่งเชินไม่หันกลับมามอง “ทำอาหารเย็นให้คุณ นั่งดีๆ อย่าขยับ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
แล้วเขาก็เข้าห้องครัวไปเลย เวินเที๋ยนเที๋ยนประหลาดใจมากกว่าเดิม
จี้จิ่งเชินทำอาหารเย็นให้เธอ?
เวินเที๋ยนก็นนึกถึงประสบการณ์ที่จี้จิ่งเชินทำอาหารก่อนหน้านี้ ก็เป็นห่วงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แต่ก็ได้แต่นั่งอยู่ที่เก้าอี้รออย่างเชื่อฟัง
นั่งได้สักพักก็ได้ยินเสียงน่ารักๆ ดังขึ้น
“ยียียายา!”
เวินเที๋ยนก็นตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
หยู๋ชิงตื่นแล้ว
เธอมองจี้จิ่งเชินที่ยังอยู่ในครัว ยกเท้าเดินไปทางที่เสียงดังมา
จี้หยู๋ชิงตื่นเต็มตาแล้ว อยู่ในเตียงสำหรับเด็กทารก มองเธอตากลมโต
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบาง
“หนูตื่นแล้วเหรอ?”
พูดพลางอุ้มเขาขึ้นมา เอ่ย “พ่อไปทำอาหารแล้ว รอเดี๋ยวพวกเราไปทานข้าวกัน”
อะไรนะ?
แววตาจี้หยู๋ชิงปรากฏความสงสัยในทันที เห็นความสงสัยบนสีหน้าที่ปกปิดไว้ไม่ไหว เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “หยู๋ชิงยังไม่เคยทานอาหารที่คุณพ่อทำใช่ไหม? รอเดี๋ยว หนูลองชิมดูได้”
ได้ยินดังนั้นจี้หยู๋ชิงก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น สีหน้ายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
อาหารที่เขาทำทานได้ไหม?
ดังนั้นตอนจี้จิ่งเชินยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกมา คนที่ต้อนรับเขากลับไม่ได้มีแค่เวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ยังมีก้างขวางคออย่าง จี้หยู๋ชิงอยู่ด้วย
เขาลืมไปได้อย่างไรว่ายังมีเจ้าหนูน้อยนี่อยู่