เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่ 967 ผู้ดูแลตัวเล็ก
พ่อลูกคู่หนึ่งสบตากัน สายตาไม่ปิดบังความรังเกียจที่มีต่ออีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
จี้จิ่งเชินตักก๋วยเตี๋ยวที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ทำเสร็จแล้ว ทานได้เลย ลองชิมรสชาติดู”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ตรงหน้าคือก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆ แต่ส่งกลิ่นหอม
สีหน้าแววตาของเธอปรากฏความแปลกใจ อุ้มจี้หยู๋ชิงขึ้นมาแล้วเอ่ย “พวกเรามาลองชิมกันเถอะ นี่คุณพ่อทำเองกับมือเลยนะ”
พูดพลางกำลังจะให้จี้หยู๋ชิงลองทานดู
จี้จิ่งเชินเห็นแล้ว กลับขมวดคิ้วเอ่ย “เขายังทานก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ไหม?”
“ใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนก็นลังเลเล็กน้อย “หมอบอกว่าตอนนี้สามารถเริ่มทานอาหารเสริมต่างๆ ได้แล้ว”
“ระวังไว้ก่อนดีกว่า”
จี้จิ่งเชินพูดพลางอุ้มจี้หยู๋ชิงขึ้นมา
นี่เขาอุตส่าห์ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเองกับมือ จะให้ราชาพุงโตนี่ทานได้อย่างไร?
แต่เขากลับไม่ได้พูดออกมา แล้วเอ่ย “อายุเขาดื่มนมชงก็พอแล้ว ผมจะไปชง”
จี้หยู๋ชิงที่เพิ่งจะหย่านมไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้ยิน ก็โกรธจนเม้มปาก โบกมือไปมากด้วยความไม่พอใจ พูดอ้อแอ้อย่างไม่พอใจ
ราวกับกำลังบอกว่าเขาไม่อยากดื่มนมชงพวกนั้น เขาอยากทานข้าวจริงๆ!
แต่คนที่เผชิญกับความไม่พอใจของเขา จี้จิ่งเชินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ปราบปรามอย่างป่าเถื่อนโดยอุ้มเขาเดินออกไปอีกทาง ยัดนมที่ชงแล้วใส่อ้อมแขนเขา
จี้หยู๋ชิงขมวดคิ้ว ถลึงตามองขวดนม ราวกับจะมองมันจนทะลุทะลวง ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
มองก๋วยเตี๋ยวที่ส่งกลิ่นหอมน่าทานในมือเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาก็อยากทานก๋วยเตี๋ยว! ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมาทันที
ใบหน้าเล็กน่าสงสารยิ่งขมวดมุ่นเป็นก้อนกลม ใครเห็นล้วนใจอ่อน อยากได้อะไรก็จะให้เขา
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่สะทกสะท้าน ปราดตามองเขาราบเรียบ
“รีบดื่มของหนูเอง อย่าเอาแต่มองซ้ายแลขวา”
จี้หยู๋ชิงน้อยใจ
น้อยใจมาก
แค่นหัวเราะในคออย่างไม่พอใจ หอบขวดนมในมือหมุนตัวไปอีกทาง เหลือแค่แผ่นหลังให้เขา แสดงออกอย่างเต็มที่ถึงความไม่พอใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนตลกกับท่าทางน่ารักๆ ของเขาจนหัวเราะออกมา แล้วอุ้มเขาขึ้นมา
“หยู๋ชิงอยากทานก๋วยเตี๋ยวไหม? แม่แบ่งให้หนูดีไหม”
จี้หยู๋ชิงมองจี้จิ่งเชิน เห็นเขาไม่ได้พูดอะไร ก็พยักหน้าอย่างดีใจ สีหน้าลำพองใจเป็นอย่างมาก
สายตาที่มองไปที่จี้จิ่งเชิน เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า :ต่อให้คุณพ่อไม่ให้ทานแล้วอย่างไร? ในเมื่อคุณแม่ให้ผมทาน!
พูดพลางโยนขวดนมไปด้านข้าง อ้าปากรออย่างเชื่อฟัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทางพอใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
จี้จิ่งเชินเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น อายุน้อยเท่านี้รู้จักแข่งกับเขาแล้ว?
ต่อไปจะขนาดไหนกัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบตะเกียบขึ้นมา กำลังจะคีบก๋วยเตี๋ยวส่งเข้าปากให้
ทันใดนั้นจี้จิ่งเชินกลับยื่นมือมา อุ้มจี้หยู๋ชิงไป
จี้หยู๋ชิงที่กำลังอ้าปาก รอเวินเที๋ยนเที๋ยนป้อน คิดไม่ถึงว่าในปากกลับว่างเปล่า
เมื่อหันไป พบว่าตัวเองถูกอุ้มขึ้นมาก็ดิ้นรนขัดขืนในทันที
แต่แรงน้อยขนาดนั้น เทียบกับจี้จิ่งเชินแล้ว ก็เหมือนกับมดแดงคิดจะเขย่าต้นไม้
จี้จิ่งเชินอุ้มเขาไว้อย่างมั่นคง แล้วเอ่ยกับเวินเที๋ยนเที๋ยน “คุณทานก่อนเถอะ หยู๋ชิงเดี๋ยวผมป้อนเอง”
“ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แบ่งก๋วยเตี๋ยวส่วนหนึ่งให้เขา
จี้จิ่งเชินอุ้มจี้หยู๋ชิงนั่งลงข้างๆ แค่นหัวเราะเสียงเย็นแล้วรับเอาถ้วยพร้อมตะเกียบมา
“มาสิ หนูหิวแล้วใช่ไหม? พ่อจะป้อนหนูเอง”
จี้หยู๋ชิงมองเขาอย่างไม่พอใจทันที
“อ้าปาก” จี้จิ่งเชินเอ่ยสั่ง
จี้หยู๋ชิงไม่แม้แต่จะมองเขา
ตัวอยากให้คุณแม่ป้อน ไม่ใช่คนไม่ดีคนนี้!
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ยอมทนความไม่พอใจของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ้าปาก ถ้าไม่ทานก็ไปหอบขวดนมมาดื่มนม”
ได้ยินดังนั้น จี้หยู๋ชิงจึงไม่มีทางเลือก ได้แต่ประนีประนอมหลับตาแล้วอ้าปาก
จี้จิ่งเชินคีบก๋วยเตี๋ยวส่งเข้าปากให้เขา
แม้ว่าน้ำเสียงจะดุ แต่การกระทำอ่อนโยนเป็นอย่างมาก เกรงว่าถ้าไม่ระวังจะทำให้เขาเจ็บ
จี้หยู๋ชิงเม้มริมฝีปาก ลองชิมรสชาติแล้วก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
คิดไม่ถึงว่า รสชาติของก๋วยเตี๋ยวชามก็ไม่เลว!
เขาคิดมาตลอดว่า ก๋วยเตี๋ยวของจี้จิ่งเชินจะต้องไม่อร่อยจนทานไม่ลง
จี้จิ่งเชินที่เห็นสีหน้าแปลกใจของเขาอยู่ในสายตา เอ่ย “เป็นอย่างไร? อร่อยไหม?”
จี้หยู๋ชิงที่กำลังเพลิดเพลินลิ้มรสอาหารอยู่ได้ยินดังนั้น ก็ดื้อรั้นขึ้นมา แค่หัวเราะแล้วสะบัดหน้าหนี เห็นได้ชัดว่าไม่อยากยอมรับ
จี้จิ่งเชินมองออกว่าเขาปากไม่ตรงกับใจ จึงไม่ฝืนใจ
“ยังทานอีกไหม?” เขาถามคราวนี้จี้หยู๋ชิงกับอ้าปากอย่างเชื่อฟัง สีหน้ายังคงความดื้อรั้น แต่ท่าทางก็ทรยศความคิดในใจของเขาแล้ว
จี้จิ่งเชินไม่ได้สนใจ แล้วป้อนเขาอีกคำ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสองพ่อลูกตอบโต้กัน ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้สึกตัว
ดูท่าแล้วจี้หยู๋ชิงก็สนิทกับคุณพ่อไม่น้อย
วันต่อมา
ก่อนจี้จิ่งเชินไปบริษัทยังเตือนเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ใส่ใจทานข้าวกับพัก ห้ามลืมเด็ดขาด
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า ในใจยังคงงงงวย
เมื่อวานจี้จิ่งเชินบอกว่าจะหาคนมาควบคุมเธอ แล้วคนนั้นเป็นใครกันแน่
หรือว่าจะเป็นพ่อบ้าน? หรือคนขับรถ?
เมื่อส่งคนไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็กลับมาที่ห้องทำงาน
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา กลับเห็นจี้หยู๋ชิงอยู่ข้างใน ใบหน้าเล็กขมวดมุ่น เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เขาสามารถใช้รถหัดเดินได้แล้ว เคลื่อนที่ด้วยเวลาสั้นๆ ก็สามารถเข้าไปยืนอยู่ข้างในนั้นได้แล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างแปลกใจ
“หยู๋ชิง ทำไมหนูมาอยู่ตรงนี้?”
“ยียียายา!ตาตาตา!”
จี้หยู๋ชิงชูมือขึ้นไปมาพลางเอ่ย สีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
เวิเนที๋ยนก็นมองแล้วก็เบิกตากว้างอย่างรวดเร็ว เอ่ยอย่างตกใจ “คนที่จี้จิ่งเชินหามาดูแลฉัน คงไม่ใช่หนูหรอกใช่ไหม?”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้ายืนยัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่กล้าเชื่ออยู่เล็กน้อย
“ให้หนูมาดูแลแม่ จะเป็นไปได้อย่างไร?”
จี้หยู๋ชิงมองเธออย่างแน่วแน่ ไถรถหัดเดินของเด็กมาจนถึงตรงหน้าเธอ ดึงขากางเกงของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วพูดอ้อแอ้
เหมือนกับกำลังรับประกันกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ว่าตัวเองนั้นจะทำภารกิจสำเร็จแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นดังนั้น จึงได้แต่พยักหน้า
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องรบกวนหนูแล้ว แต่หยู๋ชิงถ้าเหนื่อยแล้วก็สามารถพักได้ อย่าฝืน”
จี้หยู๋ชิงกำมือแน่น พยักหน้าอย่างแน่วแน่ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ราวกับกำลังบอกเวินเที๋ยนเที๋ยนว่าเขาจะไม่หลับเด็ดขาด จะคอยดูแลอยู่ตลอดอย่างแน่นอน
ผ่านไปสักพัก อาจารย์หลายท่านที่เข้าร่วมการแข่งขันกับเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินทางมาถึง
แต่ทันทีที่เข้ามาเห็นจี้หยู๋ชิงที่สีหน้าเคร่งขรึมนั่งอยู่ในรถหัดเดินของเด็ก ล้วนก็ตกใจ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนบอกถึงที่มาที่ไป หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
คิดไม่ถึงว่าจี้หยู๋ชิงอายุน้อยขนาดนี้ ก็รู้จักเป็นห่วงคุณแม่แล้ว
และดูรูปลักษณ์ของเขา ใบหน้ากลมๆ ขาวๆ สีหน้าเคร่งขรึมที่น่ารัก ทำให้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หลายคนไม่ได้คัดค้าน มีตัวตลกแบบนี้อยู่ข้างๆ งานพวกเขาอาจจะได้ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าสักเดิมสองเท่า?