เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1002 ยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา?
“นี่เป็นความผิดที่เธอทำเอง ก็ควรจะแบกรับเอง!”
หลุยส์มองไอรีนที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้เป็นมืออาชีพมาก แต่คนๆนึงถ้าจิตใจไม่ดี ถึงจะมีความสามารถแค่ไหนก็ใช้ไม่ได้
นี่เป็นประสบการณ์ที่เขาสรุปออกมา จากที่อยู่วงการนางแบบมานานหลายปี
“แต่ว่าฉัน……”
ไอรีนเซถอยหลังไปหลายก้าว แต่เธอรู้ไม่ว่าตอนนี้ตัวเองจะพูดอะไร พวกเขาก็จะไม่จ้างงานตัวเองอีกแล้ว
อนาคตของเธอได้ดับลงแล้ว
อีกทั้งยังดับด้วยมือตัวเอง……
เธอเอามือกุมหน้าและร้องฟูมฟายขึ้นมา
คนที่อยู่รอบๆถอนหายใจทีนึง ถึงแม้รู้สึกนางแบบที่มีความสามารถคนนี้จะต้องออกไปแบบนี้ค่อนข้างเสียดาย แต่ทั้งหมดนี้เธอเป็นคนหาเหาใส่หัวเอง
มีบทเรียนของครั้งนี้ ก็ดีเหมือนกันจะได้ให้คนอื่นดูเอาไว้ว่าอย่าเจริญรอยตาม
หลุยส์มองผู้คนที่อยู่ตรงหน้าแล้วพยักหน้าพร้อมกล่าวขอโทษ: “ต้องขออภัยด้วยครับ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ ต่อไปผมจะระวังแน่นอนครับ”
หมินอันเกอเห็นคนๆนั้นได้รับบทเรียนแล้ว ทีนี้ถึงหันไปมองหลวนจื่อ
หลวนจื่อเตรียมขอบคุณเวินเที๋ยนเที๋ยนดีๆ ถ้าไม่ใช่เธอถ่ายรูปไว้ได้พอดี ครั้งนี้ก็อาจจะจบเห่แล้ว
แต่กำลังจะอ้าปากพูด จู่ๆกลับเห็นสายตาของหมินอันเกอจ้องอยู่ที่ตัวเอง
ในดวงตาสีน้ำตาคู่นั้น นาทีนี้ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนสายน้ำอีกต่อไป กลับกันสอดแทรกด้วยความโกรธที่เห็นได้ชัด
หลวนจื่ออึ้ง
หมินอันเกอก็เปิดปากพูด: “มากับผม”
พูดจบ ก็ได้ดึงมือของหลวนจื่อเดินออกไปข้างนอกอย่างไม่อาจให้คนอธิบาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อนข้างเป็นห่วง กำลังจะตามไปดู กลับถูกจี้จิ่งเชินดึงตัวเองไว้
“เราไปรอที่ด้านนอกเถอะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองทิศทางที่หลวนจื่อกับหมินอันเกอจากไป
ก็ดีเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอก็รู้สึกว่าค่อนข้างผิดสังเกตแล้ว ให้ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกันดีๆก็ไม่เลวเหมือนกัน
อีกฝั่งนึง
ในใจของหมินอันเกอลุกเป็นไฟ
ก่อนหน้านี้เขาถ่ายหนังอยู่ที่ต่างถิ่น หนังเรื่องนี้มีผู้กำกับชื่อดังเป็นคนผลิต และเจาะจงให้เขาไปเป็นพระเอก
ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตรียมตัวเพื่องานตรุษจีนของปีนี้ด้วย
สำหรับหลวนจื่อกับโดว์โดว์ ถึงแม้เขาไม่อยากจากกับพวกเธอ แต่พอนึกถึงหน้าที่แล้ว ก็ได้พยายามสุดแรงในการทำงาน
ผู้กำกับคนนี้มีมาตรฐานการทำงานที่สูงมาก ถึงอีกฝ่ายคือหมินอันเกอ ก็ไม่ใจอ่อนเลยสักนิด
บวกกับถ่ายหนังมีความยากมาก หมินอันเกอไม่เกลือกกลิ้งอยู่ในดินโคลน ก็ตีรันฟันแทงอยู่ในน้ำแทบจะทุกวัน
วันนึงยี่สิบสี่ชั่วโมง แทบอยากจะให้ตัวเองแยกร่างได้
เขาอยากจะถ่ายทำให้เสร็จโดยเร็ว จะได้กลับมาอยู่ข้างกายเธอกับลูก
แรงบันดาลใจที่ทำให้เขายืนหยัดที่จะทำงานต่อ ก็คือสายเรียกเข้าจากหลวนจื่อและโดว์โดว์
ถึงจะอยู่ไกลกัน ถึงได้ยินเสียงของอีกฝ่ายจากแค่ในโทรศัพท์ ได้ยิน
โดว์โดว์เรียกเขาพ่อด้วยเสียงอ้อแอ้ ความเหนื่อยล้าของหมินอันเกอก็จะหายไปในพริบตา
แต่ว่า ทุกครั้งที่โทรศัพท์ มักจะมีงานอยู่เรื่อย พูดคุยหารือเรื่องบทกับผู้กำกับ สื่อสารพล็อตเรื่องกับนักเขียนบท
หมินอันเกอรู้ว่าหลวนจื่อไม่รู้รายละเอียดที่ซับซ้อนพวกนี้ กลัวว่าเธอจะหงุดหงิด จึงได้แต่วางสายไปอย่างเร่งรีบ
เวลาที่พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ยิ่งอยู่ยิ่งสั้นลง พอเวลานานเข้า พอเขามารู้ตัว หลวนจื่อก็ไม่ค่อยโทรหาเขาแล้ว
จากที่โทรวันละสาย ได้ค่อยๆกลายมาเป็นโทรสัปดาห์ละสาย……
ช่วงเวลายืดยาวขึ้น ถึงขั้นแม้แต่เวลาที่คุยสายก็เริ่มสั้นลง
แม้จะคุยการผ่านโทรศัพท์ หมินอันเกอกลับฟังออกอย่างชัดเจนว่า ท่าทีของหลวนจื่อเย็นชาลงไม่น้อยเลย
ตั้งแต่รู้จักหลวนจื่อมา อยู่ในความทรงจำของหมินอันเกอ เธอเป็นคนร่าเริงแจ่มใสและเป็นฝ่ายเข้าหาเขามาโดยตลอด
เมื่อก่อนออกนอกบ้านด้วยกัน ไม่ว่าหลวนจื่อเห็นอะไรก็เต็มใจที่จะแชร์กับเขา
ถึงตัวเองงานยุ่ง แต่ก็ไม่สามารถลดความกระตือรือร้นของเธอได้เลยด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ น้ำเสียงเย็นชาที่ก้องมาจากโทรศัพท์ กลับทำให้คนกระวนกระวายใจ
บางครั้ง ถึงหมินอันเกอเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง สอบถามเกี่ยวกับเรื่องงานของหลวนจื่อ เธอก็แค่พูดคำสองคำให้มันผ่านๆไปเฉยๆ
หมินอันเกอได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า จะต้องเป็นเพราะช่วงนี้หลวนจื่อเตรียมตัวกับเรื่องงาน เลยไม่มีเวลาแน่นอน
เขาเร่งระยะเวลาในการถ่ายทำของทั้งกองถ่ายให้เร็วขึ้น และถ่ายทำเสร็จล่วงหน้าสองสัปดาห์
ตอนที่เขาเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆกลับได้ยินอีกข่าวนึงว่า หลวนจื่อจะไปเข้าร่วมการเดินแบบของต่างประเทศ
หมินอันเกออึ้งค้าง เขาไม่รู้ข่าวนี้เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่คนของตระกูลหลวนโทรศัพท์มาบอกเขา เขายังถูกปิดบังจนถึงตอนนี้เลย
จนถึงตอนนี้ ในหัวของเขายังมีคำพูดที่แม่หลวนคุยในโทรศัพท์ผุดขึ้นมา
“นายไม่เป็นห่วงหลวนจื่อเลย ไม่งั้นทำไมนายไม่รู้ว่าเธอไปประเทศเลย?”
สำหรับคำนี้ หมินอันเกอไม่สามารถโต้แย้งเลยด้วยซ้ำ
เขามาที่งานเดินแบบของต่างประเทศอย่างเร่งรีบถึงขั้นไม่ได้พักผ่อนเลย
เห็นหลวนจื่อที่ดูมีราศี นาทีนี้กำลังเฉิดฉายอยู่บนเวทีเขาถึงอึ้งค้าง
เวลายาวนานขนาดนี้ เขาใกล้จะลืมไปแล้วว่าหลวนจื่อเป็นซุปเปอร์โมเดลที่ไม่แย่กว่าใครๆเลย
นาทีนี้เธอที่อยู่บนเวที คือหน้าตาของเมื่อก่อน แต่ก็รู้สึกว่าค่อนข้างไม่เหมือนเดิมแล้ว
เหมือนมีของอะไรสักอย่าง กำลังไหลออกมาจากซอกนิ้วอย่างช้าๆ
เหมือนกับเม็ดทราย ยิ่งกุมเอาไว้แน่น ยิ่งกุมไว้ไม่อยู่
หลวนจื่อที่อยู่บนเวที ทำให้เขาตะลึงในความสวย!
หมินอันเกอเหม่อมองจนไม่รู้ตัว จนกระทั่งตอนที่เธอถูกผลักลงมา ในที่สุดถึงดึงสติกลับมาได้
นาทีนี้ในใจเขายังมีความโกรธอบอวลอยู่ไม่น้อย
ทำไมถึงไม่บอกเขาว่าจะมาทำงานที่ต่างประเทศ?
ทำไมถึงยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชากับเขา?
ทำไมไม่ดูแลตัวเองดีๆ ให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้?
เธออยู่วงการนางแบบมานานขนาดนี้ ก็น่าจะรู้นิสัยของคนอื่นตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?
ทำไมไม่ระวังตัวเลย?
เขาดึงหลวนจื่อมาถึงที่ๆไม่มีคน
“คุณจะทำอะไรคะ?”
“จะพูดก็พูดมาเลย ไม่ต้องมาถึงที่นี่เลย ฉันยังต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก”
“หมินอันเกอ คุณได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า?”
หลวนจื่อเห็นเขาไม่ตอบตัวเอง เธอขมวดคิ้วและสลัดมือของเขาทิ้งอย่างแรง
มือที่จับอยู่หลุดพ้นออกมา หมินอันเกอถึงหันหน้ามองมาที่เธอ
หลวนจื่อขมวดคิ้วไว้แน่น
“คุณจะทำอะไร? เดี๋ยวฉันยังต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก!”
หมินอันเกอเปิดปากพูด: “คุณมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“สองวันก่อน”
สีหน้าของหมินอันเกอยิ่งบึ้งตึงเข้าไปใหญ่
ไม่นึกเลยว่ามาต่างประเทศนานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่บอกตัวเองเลย……
“ทำไมถึงไม่บอกผม?”
หลวนจื่อได้ยินคำนี้แล้วค่อนข้างร้อนตัวขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้เพราะไม่ได้ติดต่อกันมานาน ทำให้เธอค่อนข้างอึดอัด
ก่อนมาทำงานที่ต่างประเทศ เธอก็เคยคิดจะบอกเขาอยู่เหมือนกัน
แต่คิดอยู่ครึ่งค่อนวัน ไม่รู้ควรจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยยังไง ก็เลยละทิ้งความคิดไป
ยังไงซะทั้งงานก็ใช้เวลาแค่สามวัน พอเสร็จงานก็จะรีบกลับเลย
บางที หมินอันเกออาจจะไม่ทันสังเกตเห็นเลยด้วยซ้ำ
แต่เธอจะรู้ได้ยังไงว่าหมินอันเกอจะรู้
เธอก้มหน้ามองต้นหญ้าที่ตกแต่งได้เป็นระเบียบที่อยู่ข้างขาตัวเอง
“คุณรู้ได้ยังไง?”
“แม่โทรศัพท์มาบอกผม”
หลวนจื่อได้ยินแล้วดึงสติกลับมาไม่ได้ในชั่วขณะ เธอเงยหน้ามองไปที่เขา
หมินอันเกอเป็นเด็กกำพร้า ไปเอาแม่มาจากไหน……
ระหว่างที่คิด จู่ๆก็ได้เบิกตากว้าง
“แม่ฉัน?”