เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1003 วางแผนอย่างลับๆ
“แม่ฉัน?”
หมินอันเกอพยักหน้า
หลวนจื่อเคลื่อนย้ายสายตาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าค่อยๆแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้
จริงๆเลยนะ
ก่อนหน้านี้เผลอบอกกับแม่ คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะพูดออกมาเฉยเลย
เธอฝืนใจอธิบาย: “ฉันไม่อยากกระทบการถ่ายหนังของคุณ เดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ”
หมินอันเกอขมวดคิ้วแน่น
“ผมพูดตั้งแต่เมื่อไหร่……”
เขาพูดถึงกลางคันก็ได้หยุดลงมา และหันหน้าไปอีกทาง
ทั้งสองมองหน้ากันแต่พูดไม่ออก รอบๆเงียบสงบลงมาทันที
ผ่านไปสักพัก หมินอันเกอถึงพูดว่า: “แล้วโดว์โดว์ล่ะ?”
“อยู่บ้านค่ะ ฉันฝากไว้ที่บ้านเที๋ยนเที๋ยน มีพ่อบ้านและแม่ครัวคอยดูแลอยู่”
หมินอันเกอพยักหน้าและมองไปที่หลวนจื่อถึงพูดว่า: “ต่อไปจะไปไหนก็บอกผมก่อน”
พูดจบ ก็ได้พูดเสริมคำนึงอย่างแห้งผาก “อย่าให้พวกท่านเป็นห่วง”
หลวนจื่อได้ยินคำพูดข้างหน้าแล้วกำลังจะพยักหน้า แต่พอได้ยินคำพูดหลังแล้วรอยยิ้มบนใบหน้ากลับแข็งทื่อ
รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนมาขมขื่นขึ้นมา
“แม่ฉันว่าคุณ?”
หมินอันเกอนึกถึงสายเรียกเข้าของแม่หลวนในก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก “อืม”
คิดไม่ถึง ได้ยินคำตอบของหมินอันเกอ แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าหลวนจื่อก็ไม่อาจรักษาไว้ได้แล้ว
เสียงของเธอเปลี่ยนมาเย็นชาอย่างรวดเร็ว “เหรอคะ? ถ้าไม่มีธุระอย่างอื่น ฉันขอตัวก่อน ฉันยังต้องเตรียมพร้อมกับงานถัดไป”
พูดจบ เธอก็ได้เดินไปยังสถานที่จัดงาน
เธอส่ายหัว ที่แท้ก็เพราะแม่นี่เอง……
ถึงว่าล่ะ ก่อนหน้านี้เธอยังคิดอยู่ทำไมหมินอันเกอถึงตามมาถึงนี่ได้ แม้กระทั่งพูดคำพูดเหล่านั้นออกมา
ถ้าไม่มีคำพูดของแม่ บางทีเขาอาจจะไม่มาเลยมั้ง?
ดูท่าพฤติกรรมของตัวเอง ได้ทำให้เขาลำบากใจแล้ว
หมินอันเกอไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ อึ้งอยู่ครู่นึง จากนั้นได้รีบหันไปมอง กลับเห็นแค่เงาที่เดินจากไปของหลวนจื่อ
เขาขมวดคิ้ว
ในความทรงจำ เวลาที่ตัวเองมองเงาของหลวนจื่อน้อยมากๆ
เขานึกย้อนอย่างละเอียดรอบนึง เมื่อก่อน ตัวเองแทบจะเป็นคนหันหลังให้เธอก่อนทุกครั้ง
ตัวเองจากไปก่อน จากนั้นหลวนจื่อถึงจากไปทีหลัง
แต่ตอนนี้กลับสลับสับเปลี่ยนกัน
นี่มันอะไรกันแน่?
พวกเขาแต่งงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ?
พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ทั้งๆที่ทั้งสองควรจะใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ความจริงกลับตาลปัตร
หมินอันเกอไม่เข้าใจและแอบไม่สบายใจ เขารีบตามเธอไป
หลวนจื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว และหาเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเจอตรงหน้าเวที
เธอเพิ่งออกมา ก็มีนักข่าวไม่น้อยมองเห็นเธอและห้อมล้อมกันมาอย่างล้นหลามทันที
ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินก็มีเวลาไปจากงานอย่างรวดเร็วเสียที
ถึงจะอย่างนี้ก็เถอะ ภาพของทั้งคู่ก็ถูกนักข่าวถ่ายไว้ได้และโพสต์ลงในโซเชียลอยู่ดี
แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมง ก็แพร่มาถึงในประเทศแล้ว
นาทีนี้ นิวมั้นที่เพิ่งจบการแข่งขันเห็นข่าวพวกนี้ยิ่งโมโหจนกัดฟัน
ในข่าวรายงานว่า: ว่าที่นักบูรณะวัตถุโบราณ เวินเที๋ยนเที๋ยน ถึงจะอยู่ในการแข่งขันก็ทำได้ชำนาญและง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก แถมยังหาเวลาว่างมาดูแฟชั่นโชว์ที่ต่างประเทศกับหวานใจอีก ดูท่า เธอมีความมั่นใจว่าจะชนะการแข่งขันของครั้งหน้าได้อย่างแน่นอน รางวัลชนะเลิศของการแข่งขันบูรณะวัตถุโบราณครั้งนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนมีความหวังที่สุด
ได้ยินคำบรรยายเหล่านี้แล้ว สีหน้าของเขาดูแย่สุดๆ
เขาเพิ่งจบการแข่งขันที่มีความยากมากๆ เกือบจะแพ้อยู่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนยังจะมีอารมณ์ไปเที่ยว?
แค่ก่อนหน้านั้นโชคดี บังเอิญชนะเฉยๆ ก็บอกว่าเธอชนะเลิศแล้ว?
อย่าล้อเล่นหน่อยเลย!
เขาก้มหน้ามองฉลากที่ตัวเองจับได้ ด้านบนเขียนชื่อของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้
อีกสามวันข้างหน้า เขาก็จะแข่งขันกับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
ทั้งๆที่แข่งขันกับเวินเที๋ยนเที๋ยน เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนเขารอคอยมาโดยตลอด แต่พอนึกถึงวันที่อยู่ปราสาท และการแข่งขันของเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนในก่อนหน้านี้ นิวมั้นก็ค่อนข้างกังวลอย่างห้ามใจตัวเองไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนค่อนข้างมีความสามารถจริงๆ
เขากำหมัดแน่น ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้เขาจะต้องชนะให้ได้!
คิดๆแล้ว นิวมั้นเงยหน้ามองดูในงานรอบนึง เห็นจางลัยยี่เดินออกมาในเวลานี้พอดี เขาได้รีบเดินไป
“จางลัยยี่!”
เขาเปิดปากปุ๊บ ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็หันมามองเขา
อาจารย์ฉู่และคนอื่นๆเห็นนิวมั้นเดินมา แม้กระทั่งยังได้พูดคุยกับจางลัยยี่ ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที
จางลัยยี่ก็คิดไม่ถึงว่านิวมั้นจะพูดคุยกับตนเองในสถานที่แบบนี้
ก่อนหน้านี้คุยกันแล้วแท้ๆว่าจะไม่เปิดเผยฐานะของพวกเขา
สีหน้าเขาเปลี่ยน รีบเดินไปหานิวมั้นและดึงเขาไปข้างๆ จากนั้นได้มองดูรอบๆ เห็นว่าไม่มีคนถึงพูด: “นี่นายทำอะไร? คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าตอนที่มีคนอยู่ อย่าพูดคุยกับฉัน?”
นิวมั้นหงุดหงิดสุดๆ
“จะไปกลัวอะไร? เดี๋ยวก็ถึงรอบตัดสินแล้ว”
“ระวังตัวหน่อยจะดีกว่า” จางลัยยี่ระแวดระวังมาก
นิวมั้นหัวเราะเยาะทีนึง
“อย่าลืมที่เรานัดหมายกันไว้นะ ว่านายจะช่วยให้ฉันชนะ”
จางลัยยี่พยักหน้า
“แน่นอน นายวางใจเถอะ พอถึงรอบตัดสิน ฉันจะจงใจแพ้ให้พวกนาย”
“ใครหมายถึงอันนี้?” นิวมั้นพูดขัดจังหวะเขาอย่างเย็นชา สายตาเปลี่ยนมสดุร้าย “ที่ฉันหมายถึงคือเวินเที๋ยนเที๋ยนคนนั้น!”
จางลัยยี่คิดๆแล้วก็เข้าใจในทันที
“ฉันรู้แล้ว นายกำลังกังวลการแข่งขันกับเวินเที๋ยนเที๋ยนในอีกหลายวันข้างหน้า?”
สีหน้าของนิวมั้นค่อนข้างตกที่นั่งลำบากทันที อีกทั้งยังขมวดคิ้ว
“ใช่ ก็มันนั่นแหละ! ถึงแม้ฝีมือการบูรณะของฉันจะดีกว่ามัน และมีความมั่นใจว่าจะชนะ แต่ก็กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไร นายมีวิธีอะไรมั้ย?”
จางลัยยี่เห็นเขาจนป่านนี้แล้วยังมาเสแสร้งอีก เขาหัวเราะเยาะอยู่ในใจ แต่กลับไม่เผยออกมาทางสีหน้า
“นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันได้ไอเดียตั้งนานแล้ว”
“ไอเดียอะไร?”
จางลัยยี่ยิ้มและพูดอย่างได้ใจ: “รูปถ่ายในข่าววันนี้ นายก็คงเห็นแล้วสินะ?”
นิวมั้นฟังแล้ว พอนึกถึงเนื้อหาในข่าวก็สีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที พร้อมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “เห็นแล้ว! ยังพูดอะไรนะ ครั้งนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้รางวัลชนะเลิศแน่นอน……ถุย!”
จางลัยยี่ปลอบโยนเขาด้วยรอยยิ้ม
“นายอย่าใจร้อนสิ ในเมื่อนายเห็นข่าวแล้ว ก็คงจะรู้ความสัมพันธ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินแล้วสินะ?”
นิวมั้นพยักหน้า พร้อมเร่งรัดอย่างค่อนข้างหงุดหงิด: “ไอเดียอะไรกันแน่? นายอย่ามาลีลาหน่อยเลย!”
จางลัยยี่หัวเราะอย่างได้ใจ
“เท่าที่ฉันรู้ ความสัมพันธ์ของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินสนิทชิดเชื้อกันมาก ความสัมพันธ์ดีมาก ถ้าฝ่ายใดฝ่ายนึงเกิดเรื่อง อีกคนจะต้องขัดแข้งขัดขาตัวเองแน่นอน ทีนี้ฉันก็จะลงมือจากในนั้น!”
นิวมั้นคิดๆแล้วตาเปล่งประกายในทันที
“ฉันรู้แล้ว!”
ไม่นาน ในหัวก็มีแผนการใหม่โผล่ขึ้นมาแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนมาดุร้ายกว่าเดิม “เวินเที๋ยนเที๋ยน ฉันจะคอยดูว่าครั้งนี้เธอจะชนะยังไง!” พูดจบก็ได้จากไปด้วยท่าทางที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ทันใดนั้นจางลัยยี่โล่งอกทีไป ถึงแม้ในใจหมั่นไส้นิวมั้นคนนี้มาก แต่ตอนนี้ได้แค่เอาใจเขา ถึงจะสามารถเข้าไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของต่างประเทศ
“รอให้ฉันสำเร็จแล้ว ยังต้องใช้นายอีก?”
เขาพูดอย่างเย็นชาเสร็จก็ได้เดินจากไป
เพิ่งกลับมาถึงในงาน กลับเห็นอาจารย์ฉู่และคนอื่นๆยังรอเขาอยู่ที่เดิม