เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1024 จำนวนครั้งที่จูบพ่อ มากกว่าข้าวที่หนูทานอีก
เหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด ทำให้ผู้จัดรายการเองก็ตื่นตระหนก จึงเข้ามาหว่านล้อม
แต่เหล่าอาจารย์กลับไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย ปกติที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี ตราบใดที่โมโหขึ้นมาแล้วก็โน้มน้าวได้ยากกว่าใคร
หลังจากเถียงกันอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งจี้จิ่งเชินมาถึง หลายคนยังคงถกเถียงและไม่ได้คำตอบ แต่มีความคิดเห็นเดียวกันแล้วก็ทยอยพยักหน้าทีละคน
“มีแค่ต้องตัดสินแบบนี้แล้ว”
กรรมการหลายท่านเอ่ย ลากสายตาไปที่ผู้ชมตรงหน้าที่อยู่ด้านล่างเวที “ต้องขออภัยที่ให้ทุกท่านรอเป็นเวลานาน เพราะการแข่งขันครั้งนี้ยากที่จะจัดลำดับจริงๆ ทักษะของนักบูรพาทั้งสองท่านนั้นไล่เลี่ย สูสีกันเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเราลำบากใจมากจริงๆ”
ขณะที่กำลังพูด จี้จิ่งเชินก็อุ้มคนเจ้าอารมณ์ที่หันก้นให้ตัวเองมาตลอดทางเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆ เวินเที๋ยนเที๋ยน
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ เหล่ากรรมการยังไม่ได้ผลการตัดสิน ไม่รู้ว่าพวกเขาวางแผนจะทำอย่างไร?”
จี้จิ่งเชินปรายตามองอย่างเร่งรีบ แล้วดึงสายตากลับมาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง
“อย่ากังวล ผมเชื่อในตัวคุณ”
จี้จิ่งเชินนั่งอยู่ข้างๆ ยื่นมือออกไปกุมมือเธอ พยักหน้าให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ
ใจที่ตึงเครียดของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็สงบลงทันที เงยหน้ามองไปยังบนเวที
ในตอนนั้นเองบรรยากาศในสนามแข่งขันก็ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง แม้กระทั่งจี้หยู๋ชิงที่มีสีหน้าไม่พอใจมาตลอดทาง ตอนนี้ก็สงบลงแล้วเบิกตากว้างมองสถานการณ์บนเวทีอย่างตื่นเต้น
เหล่ากรรมการสบตากันแล้วเอ่ยขึ้น “การแข่งขันครั้งนี้พวกเราตัดสินให้ทั้งสองคนเสมอกัน!”
ทันทีที่พวกเขาพูด คนที่อยู่ตรงนั้นต่างชะงักไป ตามมาด้วยเสียงดังอื้ออึงทั่วทั้งบริเวณ!
ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่คะแนนเสมอกันมาก่อน!
คิดไม่ถึงว่า วันนี้แข่งขันไปนานขนาดนั้น ก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ หรือว่าทั้งคู่ล้วนเข้ารอบชิงชนะเลิศ?
ขณะที่กำลังครุ่นคิด เหล่ากรรมการก็เอ่ยต่อ “แต่จำนวนผู้เข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศมีการจำกัดจำนวน ดังนั้นการแข่งขันวันนี้ พวกเราจึงตัดสินใจเพิ่มเวลาการแข่งขันพิเศษ!”
ได้ยินถึงตรงนี้ สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ปรากฏความกังวลเล็กน้อย
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นใกล้จะพลบค่ำแล้ว เพิ่มเวลาการแข่งขันพิเศษจะดำเนินการอย่างไร?
เหล่ากรรมการเอ่ยต่อ “พวกเราได้ปรึกษากันแล้ว ทักษะการบูรณะของทั้งสองท่านสูสีกันมากก็จริง การเพิ่มเวลาแข่งขันพิเศษนี้ ไม่เพียงแค่ทดสอบทักษะการบูรณะของนักบูรพาวัตถุโบราณ ในเวลาเดียวกันก็จำกัดเวลาที่ใช้ในการบูรณะ ทักษะ และอุปกรณ์ที่ใช้ด้วย”
“แล้วจัดลำดับภายใต้สถานการณ์นี้”
ใครก็คิดไม่ถึงว่า การแข่งขันวันนี้จะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น
ผู้จัดรายการได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากสอบถามความคิดเห็นผู้กำกับแล้ว จึงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้น เชิญผู้เข้าแข่งขันทั้งสองท่านลงสนามอีกครั้ง”
ในขณะนั้นนิ้วของเวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นเทาเล็กน้อย
เพราะเมื่อสักครู่บูรณะมาเป็นเวลานาน จนถึงจุดวิกฤติแล้ว
ถ้าหากตอนนี้ให้บูรณะต่อ ประสิทธิภาพก็จะไม่ได้ดีเท่าเมื่อสักครู่แล้ว
จี้จิ่งเชินที่กุมมือเธอไว้ตลอดตั้งแต่เมื่อสักครู่ ก็สัมผัสได้เล็กน้อย
เขาขมวดคิ้ว ไม่ได้เร่งรัดให้เธอขึ้นเวทีไป หันกลับมาเอ่ยถาม “อยากแข่งขันต่อไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินด้วยสายตาแน่วแน่ พราวระยับด้วยแสงในความมืด
“ฉันอยากลองดู ว่าขีดจำกัดของฉันอยู่ตรงไหน?”
“ได้” จี้จิ่งเชินเอ่ยแค่คำเดียว
พูดจบก็ดึงมือทั้งสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนมาช่วยนวดให้เธออย่างพิถีพิถัน
ท่าทางของเขาดูชำนาญมาก ทุกการเคลื่อนไหวล้วนนวดลงตรงจุดบนมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ไม่นาน ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ก็หายไป เดิมมือทั้งสองข้างที่สั่นเทาก็สงบลง
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เคยเห็นจี้จิ่งเชินทำแบบนี้มาก่อนก็รู้สึกแปลกใจ
จี้จิ่งเชินยิ้มบางเอ่ย “ตั้งแต่เห็นคุณทุ่มเทฝึกซ้อมทักษะการบูรณะทั้งวันทั้งคืน เพื่อการแข่งขันนี้แล้ว ผมเลยเรียนทักษะจากแพทย์แผนจีนท่านหนึ่ง เพราะเป็นห่วงว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป แล้วทำลายสุขภาพตัวเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที
เรื่องพวกนี้ เธอไม่เคยรู้เลย
มองอีกฝ่ายช่วยนวดให้ตัวเองอย่างพิถีพิถันแล้วเอ่ย “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นไร”
จี้จิ่งเชินกุมมือเธอไว้แน่น
“สนุกกับการแข่งขันครั้งนี้คือกำไรสูงสุด ไม่ว่าอย่างไร ในใจของผม คนที่ชนะก็คือคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า จี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นก็ไม่พอใจขึ้นมาทันทีที่ตัวเองถูกมองข้ามแบบนี้อีกแล้ว
พรึบ!
ทันใดนั้นก็ยื่นมือมาดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ เพื่อดึงความสนใจเธอ
ตอนเวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลงมอง เขาส่งเสียงพูดอ้อแอ้ สะบัดมือเท้าไปมา
ในน้ำเสียงที่ครุมเครือ คราวนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินอย่างชัดเจน จึงพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นกอดเขา
“แม่รู้แล้ว ขอบใจหยู๋ชิง”
พูดพลางก้มลงหอมแก้จี้หยู๋ชิง ก่อนจะยกเท้าก้าวเดินไปยังบนเวที
ในตอนนั้นเอง จี้หยู๋ชิงที่ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนหอมแก้ม ก็นั่งหน้าแดงอยู่ที่เดิมอย่างเขินอาย
จี้จิ่งเชินเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วเอ่ย “มีอะไรให้เขิน? จำนวนครั้งที่เที๋ยนเที๋ยนจูบพ่อ มากกว่าข้าวที่หนูทานอีก”
จี้หยู๋ชิงยู่ปาก ไม่ตอบ แล้วหมุนตัวไปมองการแข่งขันของเวินเที๋ยนเที๋ยนบนเวที
เพราะเป็นการแข่งขันเพิ่มเวลาพิเศษ ดังนั้นงานที่ใช้ในการแข่งขันคือที่เหลือจากทั้งสองคนเลือกไปเมื่อสักครู่
แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งชั่วโมง ไม่มีใครสามารถให้สำเร็จลุล่วงอย่างราบรื่นได้
ที่ต้องแข่งขันในครั้งนี้คือ ใครทำได้เสร็จเยอะกว่าในเวลาที่กำหนด คนนั้นก็ชนะ
แน่นอนว่าไม่เพียงเรื่องความรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังต้องดูเรื่องทักษะการบูรณะด้วย
เพราะทุกคนยังไม่ได้ทานข้าว คอยดูการแข่งขันครั้งนี้มาตั้งแต่เที่ยงจึงรู้สึกหิวเล็กน้อย
ผู้จัดรายการกังวลว่าผู้ชมจะทนไม่ไหวแล้วออกไปก่อน จึงคอยทำให้บรรยากาศระหว่างการแข่งขันคึกคักมีชีวิตชีวาอยู่ตลอด แต่ทุกคนก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
ทันทีที่เห็นว่าจี้จิ่งเชินอยู่ที่สนามแข่ง นัยน์ตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที รีบเข้าไปหาด้วยความรวดเร็ว
เห็นจี้หยู๋ชิงที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของจี้จิ่งเชินมองการแข่งขันของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างใจจดใจจ่อ ตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ได้ยินมาว่าจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่เคยปรากฏตัวหน้าสาธารณชน คิดไม่ถึงว่าคราวนี้จะปรากฏตัวแล้ว
ผู้จัดรายการรีบเดินเข้าไป เห็นเด็กคนนั้นหน้าตาน่ารักน่าชัง ก็มีสีหน้าชอบใจ
“นี่คือลูกของคุณกับคุณเวินใช่ไหม? น่ารักจริงๆ เขาชื่ออะไรเหรอ”
เขาเอ่ย แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ตอบ สายตาจับจ้องอยู่แต่บนเวที โดยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
เห็นเขาไม่ตอบ ผู้จัดรายการก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ฝืนยิ้มออกมา
เห็นความสนใจของทั้งสองคนรวมอยู่ที่บนเวที จึงเอ่ยถามอีกครั้ง “คุณจี้ คุณคิดว่าการแข่งขันครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ?”
คราวนี้ จี้จิ่งเชินยังไม่ได้ตอบ จี้หยู๋ชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับเอ่ยขึ้นมาก่อน
“คุณแม่!”
น้ำเสียงน่ารัก ทะลุผ่านไมโครโฟนไปเข้าหูคนอื่นๆ
แม้ว่าเสียงจะเจือความไร้เดียงสา แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดู และยึดหมั่นเป็นอย่างมาก
ผู้จัดรายการเห็นเขาตอบ ก็เอ่ยถามอีก “เด็กน้อย หนูชื่ออะไร?”
แต่เมื่อเขาพูดจบ คราวนี้จี้หยู๋ชิงก็ไม่สนใจเขา แล้วมองไปยังบนเวทีแทน