เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1027 นี่คือน้องสาวของหนู
จี้จิ่งเชินเห็นดังนั้นก็ไม่ได้โกรธ แล้วยิ้มออกมา
“หนูนั่งอยู่ตรงนี้สักครู่ พ่อจะไปดูเที๋ยนเที๋ยน”
พูดจบก็หมุนตัวจากไป
หลังจากที่จี้จิ่งเชินไปแล้ว จี้หยู๋ชิงนัยน์ตาล่อกแล่กไปมา หยิบหนังสือภาพเล่มนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มองภาพเสือบนนั้น แล้วขมวดคิ้วแน่น
ต่อสู้ดิ้นรนอยู่นาน แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“ฉะ……เฉือ? เฉือ? ฉะ……”
เขาฝึกพูดเสียงเบาไม่หยุดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่กลับไม่เห็นว่าจี้จิ่งเชินที่บอกว่าจะไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ออกไปไหน กลับยืนเงียบๆ อยู่ที่หน้าประตู มองท่าทางตอนนี้ของจี้หยู๋ชิง
เห็นเขาแอบฝึกพูด บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นบางเบา
วันต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการจะฝึกจี้หยู๋ชิงอีกสักหน่อย
แต่จี้หยู๋ชิงกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ เธอจึงได้แต่ยอมแพ้ไป
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนฝึกฝนกับอาจารย์ฉู่ตามปกติ จี้หยู๋ชิงกลับเอาแต่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมมาก ราวกับกำลังรอใครบางคนอยู่
เธอยังเป็นห่วงอยู่เล็กน้อยว่าจี้หยู๋ชิงจะป่วยหรือเปล่า
ตอนที่จี้จิ่งเชินกำลังจะเดินเข้าห้องซ้อมไป ทันใดนั้นจี้หยู๋ชิงที่เอาแต่นิ่งไม่ยอมขยับก็เหมือนมีชีวิตกลับมาอีกครั้ง ยื่นมือเล็กสั้นๆ ไปจับจี้จิ่งเชินไว้ด้วยความรวดเร็ว
จี้จิ่งเชินชะงักไปทันที แล้วหันมามอง
“เป็นอะไร?”
จี้หยู๋ชิงสีหน้าดูจริงจังมาก ไม่พูดอะไร เพียงแค่ส่งหนังสือภาพที่หอบไว้ในอ้อมแขนให้
จี้จิ่งเชินเห็นดังนั้น ก็เข้าใจได้ทันที
“หนูอยากหัดพูด?”
“อืม!”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าอย่างแน่วแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนดูอยู่ข้างๆ ไม่กี่วันก่อนจี้หยู๋ชิงไม่ยอมให้คนอื่นสอน และไม่ให้ความร่วมมือ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเอ่ยขึ้นมาเอง แล้วยังเอ่ยกับจี้จิ่งเชินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
แต่จี้จิ่งเชินกลับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาปล่อยหนังสือภาพในมือ แล้วชี้ไปที่รูปสิงโต
“นี่คือ?”
จี้หยู๋ชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่ารัก “สิงโต!”
น้ำเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ลำพองใจเป็นอย่างมาก หางน้อยๆ แทบจะลอยขึ้นท้องฟ้าไปแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนตาเป็นประกายทันที มองเขาอย่างประหลาดใจ
จี้จิ่งเชินมองท่าทางลำพองใจของจี้หยู๋ชิงด้วยสีหน้าไม่มีเปลี่ยนแปลง พลิกไปหน้าที่สอง
“อันนี้ล่ะ?”
จี้หยู๋ชิงมองอย่างลำพองใจ นัยน์ตาแสดงออกมาเป็นสองคำว่าภูมิใจ
“เสือ!”
ออกเสียงชัดเจนมาก
จี้จิ่งเชินเห็นดังนั้น ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ
ก่อนหน้านี้เจ้าหนูน้อยนี่ปิดบังทุกคนแล้วแอบซ้อมเป็นการส่วนตัว แล้วรอวันนี้ใช่ไหม?
แต่เขาคิดว่าจะง่ายดายขนาดนี้ก็ได้แล้ว?
มุมปากจี้จิ่งเชินโค้งขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำสนิทปรากฏความคิดลึกๆ
เขาเปิดไปหน้าหลังอย่างรวดเร็ว หารูปโลมาเจอหนึ่งรูป แล้ววางลงตรงหน้าจี้หยู๋ชิง
“อันนี้ล่ะ? ได้ไหม?”
จี้หยู๋ชิงมองอย่างงุนงง
ก่อนหน้านี้เขาเรียนรู้แค่การออกเสียงคำว่าสิงโตกับเสือ ไม่ได้ดูถึงข้างหลัง
จี้จิ่งเชินยิ้มและสอนเขา
“นี่คือโลมา อ่านตามพ่อ โลมาน้อย”
จี้หยู๋ชิงกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“โย มา น้อย”
เมื่อพูดจบ จี้จิ่งเชินก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
จี้หยู๋ชิงสีหน้าแข็งค้างไปทันที ใบหน้าแดงเรื่อ น้อยใจเป็นอย่างมาก
ทำไมก่อนหน้านี้ได้ยินโดว์โดว์พูด ตอนที่เธอหัดพูด คุณลุงหมินอันเกอยังมีน้ำอดน้ำทนสอนเธออย่างละเอียด?
แต่พอถึงทีตัวเองแล้ว ถึงกลายเป็นแบบตอนนี้?
จี้หยู๋ชิงเจ็บใจจนพูดไม่ออก
จี้จิ่งเชินกลับเอ่ย “พูดอีกที”
ไม่พูด!
จี้หยู๋ชิงยู่ปากหันไปอีกทางแล้วดึงชายเสื้อเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างน้อยใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนจนใจ
“คุณอย่าแกล้งหยู๋ชิงบ่อยสิ”
จี้จิ่งเชินจึงปิดหนังสือ เอ่ยอย่างจริงใจ “ควรให้เขาเข้าใจความยากลำบากของสังคมเร็วๆ”
จี้หยู๋ชิงได้ยินดังนั้นก็แทบจะพองขนแล้ว?
เหมียว?
เขาพึ่งจะหนึ่งขวบ!
เด็กอายุหนึ่งขวบ ทำไมต้องเข้าใจความยากลำบากของสังคม?
ยิ่งไปกว่านั้น สังคมไม่ลำบาก ที่ลำบากน่ะคือพ่อของเขา!
เขาพองแก้ม แล้วมองจี้จิ่งเชินอย่างไม่พอใจ
จี้จิ่งเชินลูบศีรษะของเขา
“จะสู้กับพ่อ ยังเร็วไปร้อยปี”
“หึ!”
จี้หยู๋ชิงแค่นหัวเราะในคออย่างไม่พอใจ หมุนตัวไปเห็นเข้ากับละครที่กำลังฉายในโทรทัศน์พอดี
เป็นละครน้ำเน่าที่ช่วงนี้แม่ครัวกับพ่อบ้านชอบดู
ในละคร ลูกของตัวเอกสอบตก วิ่งกลับบ้านไป น้องสาวอายุเพียงหนึ่งขวบ ที่ทั้งเด็กทั้งนุ่มนิ่มปลอบใจเขา
จี้หยู๋ชิงตาเป็นประกายทันที เขาก็อยากได้น้องสาว!
“คุณแม่!”
ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้น ดึงชายเสื้อของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วชี้ไปที่ภาพในโทรทัศน์
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตาม แต่ก็ยังไม่เข้าใจความหมายของเขา
“เป็นอะไร?”
จี้หยู๋ชิงใช้คำศัพท์ทั้งหมดที่ตัวเองรู้เอ่ยขึ้น “อยากได้……น้องสาว!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ก็ชะงักไปทันที แล้วมองไปที่โทรทัศน์อีกครั้ง
ในดวงตาสุกสกาวของจี้หยู๋ชิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นดังนั้นก็จนใจเล็กน้อย
“เสี่ยวหยู๋ชิงก็อยากได้น้องสาว?”
“อืม!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบาง กำลังจะพูดขึ้น จี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆ กลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ไม่ได้!”
ทันใดนั้นเขาก็เสียงดังขึ้นอย่างเข้มงวด
ในความทรงจำของจี้หยู๋ชิง แม้ว่าจี้จิ่งเชินจะดุ แต่ก็มักจะหยอกตัวเองเล่น แต่น้อยมากที่จะเคร่งขรึมขนาดนี้ ก็ตกใจจนชะงักค้างไป
แต่ไม่นาน เขาก็ส่งเสียงอ้อแอ้ขึ้นมา
คิดว่าจี้จิ่งเชินจะทะเลาะกับตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้
แต่เขาพูดอยู่ครู่หนึ่ง จี้จิ่งเชินกลับเม้มปากแน่น สีหน้าไม่น่ามอง ไม่มีความรู้สึกล้อเล่น
เขาก็หยุดลงทันที หันไปมุดเข้าอ้อมกอดของเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพราะประโยคนั้นของจี้หยู๋ชิง ภาพเวินเที๋ยนเที๋ยนตอนตั้งครรภ์ก็ปรากฏขึ้นมาในหัว
สภาพนั้น เขาไม่อยากสัมผัสมันอีกแล้ว
แม้ว่าเหตุผลจะบอกเขาว่า ครั้งก่อนเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนทานพิษเข้าไป ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบเดียวกันขึ้นอีกแล้ว
แต่เขาก็ยังกลัว ต่อให้มีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดก็ไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับการตรวจจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ร่างกายไม่พิษอะไรตกค้างหลงเหลืออยู่ แต่จี้จิ่งเชินก็ไม่กล้าเสี่ยง
ถ้าหากเกิดเรื่องแบบเดียวกันขึ้น เขาต้องบ้าแน่!
เขาสามารถแย่งเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาจากเงื้อมมือยมบาลได้ครั้งหนึ่งแล้วก็จริง แต่ครั้งที่สองนั้นกลับไม่มั่นใจเลย
“ไม่ได้” จี้จิ่งเชินเอ่ยอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทางของเขา ก็เดาได้ถึงความคิดของจี้จิ่งเชิน แววตาเจือด้วยความกังวลใจ
“พี่จิ่ง”
เธอยื่นมือออกไปกุมมือจี้จิ่งเชินไว้แน่น “ผมไม่เป็นไร”
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาจับไว้แน่น เพื่อให้อารมณ์ของจี้จิ่งเชินก็ค่อยๆ สงบลงเล็กน้อย
เขามองจี้หยู๋ชิงตรงหน้าที่ถูกทำให้ตกใจจนราวกับไม่มีสติแล้ว ก็หยิบหมีของเล่นจากอีกฝั่งหนึ่งของโซฟามายัดเข้าใส่อ้อมแขนเขา
“นี่คือของสาวของหนู”
จี้หยู๋ชิงมองหมีของเล่นในมืออย่างน้อยใจ นี่ไม่ใช่ตอนที่โดว์โดว์มาหา แล้วทิ้งไว้ที่นี่เหรอ?
นี่จะเป็นน้องสาวได้อย่างไร?