เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1029 เดทกับคุณแม่
“คุณพ่อคุณแม่ อย่าทะเลาะกัน”
เสียงปนสะอื้นของโดว์โดว์ดังขึ้น หมินอันเกอและหลวนจื่อที่กำลังทะเลาะกันก็หยุดลงแล้วหันไปมองเธอ
เห็นโดว์โดว์ตาแดง น้ำตาไหลเป็นสายราวกับสร้อยไข่มุกที่ร่วงหล่นลงมาไม่หยุด หลวนจื่อใจสลาย รีบเข้าไปปลอบ
“ขอโทษพวกเราผิดเอง โดว์โดว์ไม่ร้องไห้แล้วได้ไหม?”
โดว์โดว์ร้องไห้สะอึกสะอื้น มือข้างหนึ่งจับเสื้อของหลวนจื่อไว้แน่น ส่วนอีกมือหนึ่งก็จับมือหมินอันเกอไว้
“คุณพ่อคุณแม่ ทำไมต้องทะเลาะกัน? ชิงชิงบอกว่าทะเลาะกันเป็นเรื่องที่ไม่ดี พวกคุณอย่าทะเลาะกันสิ”
หลวนจื่อโทษตัวเองในใจ ต่อให้เธอไม่พอใจหมินอันเกอ ก็ไม่ควรทะเลาะกันต่อหน้าโดว์โดว์แบบนี้
“ขอโทษ”
เธอปลอบเขาเสียงเบา เอ่ย “พวกเราผิดเอง”
โดว์โดว์สะอึกสะอื้น เธอยกมือขึ้นเช็คคราบน้ำตาบนหน้าตัวเอง กะพริบตาปริบๆ ขนตาที่เปียกน้ำตาติดแนบไปบนผิว ดูแล้วเหมือนกับตุ๊กตาน่ารัก
“คุณพ่อคุณแม่ ต่อไปไม่ทะเลาะกันแล้วได้ไหม?”
หลวนจื่อได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองหมินอันเกอที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า
น้ำเสียงของหมินอันเกอก็นุ่มนวลลง
“รับปากหนู ต่อไปพวกเราจะไม่ทะเลาะกันอีก เมื่อกี้พวกเราแค่ใส่อารมณ์มากไปหน่อยเท่านั้น ไม่ได้ทะเลาะกัน”
“จริงเหรอ?”
โดว์โดว์มองทั้งสองคน
หลวนจื่อพยักหน้า
“แน่นอน ความสัมพันธ์ของพวกเราดีจะตาย จะทะเลาะกันได้อย่างไร?”
โดว์โดว์ได้ยินดังนั้น จึงถอนหายใจ จับมือของทั้งสองคนไว้ด้วยกัน
“ต่อไปคุณพ่อคุณแม่ต้องคุยกันดีๆ เหมือนโดว์โดว์กับชิงชิง ห้ามทะเลาะเด็ดขาด”
“รู้แล้ว”
หลวนจื่อพูดอย่างจนใจ
ได้ยินดังนั้นโดว์โดว์จึงยิ้มออกมา แล้วทั้งสามคนก็กลับไปด้วยกัน
เมื่อขึ้นรถแล้ว หมินอันเกอเล่นสนุกกับโดว์โดว์ หลวนจื่อมองทั้งสองคน กลับถอนหายใจในใจโดยไม่รู้ตัว
สภาพแวดล้อมของครอบครัวนั้นส่งผลกระทบกับเด็กเป็นอย่างมาก ถ้าหากทะเลาะกันบ่อยๆ อาจจะทิ้งจำดำมืดไว้ในใจของลูกได้
ก่อนหน้านี้หลวนจื่อปฏิเสธความคิดเห็นของปรมาจารย์หูหลินไปเลย เพราะกังวลว่าถ้าตัวเองไปแล้ว หรือถ้าหมินอันเกอไปแล้ว จะส่งผลกระทบกับโดว์โดว์ จนไม่สามารถเติบโตมาอย่างแข็งแรงและมีความสุขได้
แต่ตอนนี้ดูแล้ว ต่อให้ตัวเองอยู่ที่นี่ ถ้าตัวเองทะเลาะกับหมินอันเกอ ก็จะเกิดสถานการณ์เดียวกันนี้ขึ้นอย่างแน่นอน
แบบนี้ไม่ดีกับโดว์โดว์
หลวนจื่อขมวดคิ้วแน่น ความคิดตีกันอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไรดี
อีกด้านหนึ่ง หลังจากส่งโดว์โดว์กลับไปแล้ว จี้หยู๋ชิงก็ถอนหายใจออกมา ในที่สุดก็ไม่ต้องเล่นพ่อแม่ลูกเป็นเด็กเล็กๆ กับโดว์โดว์แล้ว
เขาหยิบหนังสือที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาอ่านต่อ
ในตอนนั้นเองเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินเข้ามาด้วยสายตาเจือความขบขัน
“หยู๋ชิง อยากออกไปข้างนอกไหม?”
เมื่อกี้เธออยากชวนโดว์โดว์กับหลวนจื่อออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่กลับถูกหลวนจื่อปฏิเสธ
แต่ไม่เป็นไร เวินเที๋ยนเที๋ยนพาจี้หยู๋ชิงไปได้
ได้ยินดังนั้นจี้หยู๋ชิงก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างงงงวย สายตากำลังถามว่าจะไปสถานที่อะไร?
“สวนสนุก”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ จี้หยู๋ชิงก็ขมวดคิ้วทันที ในใจยังคงลังเลเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าต้องไปสวนสนุกที่เด็กๆ ไปกัน
เทียบกับอันนี้ เขายอมอยู่ที่บ้านแล้วอ่านหนังหนังสือภาพพวกนั้นที่จี้จิ่งเชินเตรียมไว้ให้เขาดีกว่า
ขณะที่กำลังครุ่นคิด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยต่อ “สวนสนุกนั้นจี้จิ่งเชินสร้างขึ้นเอง แล้วในนั้นมีชิงช้าสวรรค์ที่แม่ออกแบบเอง อยากไปดูไหม?”
นึกถึงเรื่องในอดีต ใบหน้าเธอก็แดงเรื่อเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเขินเล็กน้อย
“นั่งชิงช้าสวรรค์ที่นั่น แม่ยังเคยขอจี้จิ่งเชินแต่งงานตรงนั้นด้วย”
ขอแต่งงาน?
ทันทีที่จี้หยู๋ชิงได้ยินดังนั้น ก็เบิกตากว้าง โยนหนังสือทิ้งทันที แล้วดึงเสื้อของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ไป!
ต้องไป!
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทางสนอกสนใจของเขาก็พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูกัน แม่เองก็ไม่ได้ไปนานแล้ว”
เธอพูดพลาง ลุกยืนขึ้นมองเวลา
“อีกสักพักจี้จิ่งเชินก็น่าจะกลับมาแล้ว”
ก่อนหน้านี้ที่จี้จิ่งเชินตัวคนเดียวก็เป็นมนุษย์บ้างาน เวลาสองในสามของทั้งวันล้วนอยู่ที่บริษัท
แต่หลังจากแต่งงานแล้ว กำหนดเวลาทำงานของจี้จิ่งเชินก็ลดลงมาก เลิกงานตรงเวลาทุกวัน ไม่ล่าช้าแม้แต่วินาทีเดียว
“ตอนนี้เวลายังไม่เย็นมาก รออีกสักครู่ไหม?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเสนอ
จี้หยู๋ชิงกลับส่ายหน้า
รออะไร? คนโหดคนนั้นไม่อยู่ ไม่กำลังพอดีหรอกเหรอ?
เขาดึงแขนเสื้อเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ไป! ไป!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างประหลาดใจ “หนูไม่อยากรอคุณพ่อแล้วเหรอ?”
คิดไม่ถึงว่าจี้หยู๋ชิงจะพยักหน้าอย่างแน่วแน่
ไม่อยากรอคนคนนั้น วันนี้เขาอยากไปเดทกับคุณแม่
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทางเคร่งขรึมจริงจังของเขาก็ได้แต่พยักหน้า
“ก็ได้? พวกเราไปด้วยกันสองคน ส่วนจี้จิ่งเชิน ไว้รอเขาเลิกงานแล้วค่อยว่ากัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดพลางจูงมือเขาออกไปข้างนอก
ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางเมือง ในตอนนี้ได้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่สุดไปแล้ว
เมื่อถึงตอนค่ำ ไฟของชิงช้าสวรรค์เปิดขึ้น ก็เหมือนกับดวงตาขนาดใหญ่ของเทพเจ้าที่คอยดูทั้งโลกจากเบื้องบน
จนกระทั่งมีข่าวลือว่า คู่รักที่สามารถจูบกันบนชิงช้าสวรรค์ได้ จะมีผลในทางที่ดีอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เอง ชิงช้าสวรรค์จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
แต่เนื่องด้วยจำนวนคนที่จำกัด ทุกวันจะจำหน่ายตั๋วอย่างจำกัดจำนวน แต่ต่อให้เป็นแบบนั้น ก็ไม่สามารถขัดขวางความกระตือรือร้นของผู้คนได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่จี้จิ่งเชินออกแบบรอบๆ ชิงช้าสวรรค์ ยังมีเครื่องเล่นมากมาย จนกลายเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ตอนนี้ยังเร็วไป ชิงช้าสวรรค์ยังไม่เปิดให้บริการ เธอจึงพาจี้หยู๋ชิงไปเล่นเครื่องเล่นที่เด็กสามารถนั่งเล่นได้
เดี๋ยวก็ถ้วยกาแฟหมุน อีกเดี๋ยวก็นั่งม้าหมุน
แต่จี้หยู๋ชิงนั้นไม่ได้สนใจเครื่องเล่นเชื่องช้าพวกนี้ เอาแต่นั่งอยู่ข้างเวินเที๋ยนเที๋ยน
สีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก ไม่อยากเล่นแล้ว ท่าทางยิ่งเหมือนจี้จิ่งเชินตอนกำลังประชุม
ก่อนออกมาเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เตรียมตัวมาแล้ว เพราะการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ คนจำไม่น้อยก็รู้จักเธอ และเคยเห็นจี้หยู๋ชิงมาก่อน
ถ้าตอนนี้ถูกคนจำได้ก็แย่แน่
ทั้งคู่จึงสวมหมวกใส่แว่นตา ปกปิดใบหน้า เล่นอยู่สักพักแล้วก็ไม่มีใครจำพวกเขาได้
รอจนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ชิงช้าสวรรค์เปิดแล้ว จี้หยู๋ชิงก็ปีนขึ้นเสื้อผ้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเร่งรีบ แล้วชี้ไปทางนั้น
“คุณแม่! ชิงช้าสวรรค์!” เขาพูดเสียงน่ารัก
“ไม่มีปัญหา พวกเราไปกันเถอะ”
“อืม!”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าอย่างดีใจ คุณพ่อคุณแม่เคยนั่งชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน เขาก็อยากนั่งกับคุณแม่สักครั้ง จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
ทั้งคู่เดินไปทางนั้น เพียงแต่ว่าชิงช้าสวรรค์นั้นเป็นที่นิยมเกินไป ต่อให้พึ่งจะเริ่ม ก็มีคนเข้าแถวรออยู่จำนวนมาก