เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1033 แม่ของลูกเป็นของพ่อ
ได้ยินคำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จี้จิ่งเชินก็ยกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่ในดวงตานั้นไม่มีรอยยิ้มอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับถูกปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น
“เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า คนๆนี้ได้เรียนรู้ทุกอย่างถ้าประเทศAมี เทคนิคทุกอย่างของการซ่อมแซมด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว ก็รู้สึกหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
ย้อนกลับไปนึกถึงการแข่งขันของอาจารย์ฟ่านก่อนหน้านี้ แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา
“มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่า การแข่งขันครั้งนี้วิธีการซ่อมแซมของอาจารย์ฟ่านเปลี่ยนไปมาก อีกทั้งทุกครั้งที่แข่งล้วนแต่มีวิธีที่แตกต่างกันออกไปด้วย แม้กระทั่งบางครั้งใช้วิธีหลายๆวิธีด้วยกันอีกด้วย”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับยังงงๆอยู่บ้าง
ถ้าหากใช้เทคนิคมากมายด้วยกันขนาดนี้
สถานการณ์เช่นนี้จะไม่เป็นการทำให้สับสนอย่างนั้นหรือ?
แม้แต่การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และความรู้ที่เรียนนั้น ล้วนก็รู้ว่าไม่สามารถเรียนรู้ครั้งละมากๆภายในครั้งเดียว ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดความสับสนได้ง่าย ซึ่งนับว่าอันตรายเป็นอย่างมาก
สิบกว่าปีมานี้ ประเทศAได้แอบเรียนรู้เทคนิคแต่ละแบบจากนักบูรพาวัตถุโบราณของแต่ละประเทศ รวมกันแล้วก็เป็นสิบกว่าประเภทแล้วหรือเปล่า?
ระยะเวลาเพียงหนึ่งปีสั้นๆ อาจารย์ฟ่านเรียนรู้เป็นหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?
แต่ดูการแข่งขันสองสามครั้งก่อนแล้ว สามารถเห็นได้ว่าอาจารย์ฟ่านดูเหมือนจะไม่ได้มีความสับสนอยู่เลย แต่กลับยังมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ถ้าหากเธอศึกษารอบด้านและมีความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว นับว่าเป็นการแข่งขันที่รับมือยากจริงๆ
เอาเทคนิคเป็นสิบอย่างมารวมเข้าด้วยกัน เลือกรับแต่สิ่งดีๆ แล้วตัดสิ่งไม่ดีออกไป…..
จี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนแล้ว แววตาปรากฏความดีใจออกมา
“แม่ ทำเป็นขนาดไหนฮะ?” เสียงเด็กน้อยเอ่ยถามขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “อย่างเดียวครับ……”
เทคนิคในการซ่อมเครื่องเคลือบลายครามของเธอนั้นเรียนรู้มาจากท่านเปิง ส่วนการซ่อมแซมโลหะนั้น อาจารย์ฟ่านเป็นคนสอน
ไปๆมาๆก็เป็นแค่แบบเดียวเพียงเท่านั้น
ได้ยินแล้ว จี้หยู๋ชิงก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวล หน้าเล็กๆนั้นย่นเข้าหากันอย่างจริงจัง
ท่าทางน่ารักทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“กังวลแล้วสิ ต่อให้ทำได้เพียงแค่แบบเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสนะลูก”
จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลง แล้วยื่นมือออกมาดึงนิ้วของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
“สู้ๆครับ!”
“ไม่มีปัญหาครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม แล้วก้มลงมาจูบลงตรงหน้าผากของเขา
ดวงตาของจี้หยู๋ชิงโค้งลงเล็กน้อย ปรากฏรอยยิ้มน่ารักออกมา
ฉากนี้กลับทำให้จี้จิ่งเชินรู้สึกหึงหวง
เขายกมือขึ้น แล้วอุ้มจี้หยู๋ชิงขึ้นมา
“เอาล่ะครับ เดี๋ยวก็จะต้องแข่งขันแล้ว คุณขึ้นไปข้างบนก่อนดีกว่า” พูดกระตุ้นด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
จี้หยู๋ชิงทำหน้ามุ่ย รู้ว่าพ่อนั้นตั้งใจ!
เขาดึงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้อย่างตัดใจไม่ได้ ไม่ยอมปล่อย แล้วมองไปยังจี้จิ่งเชินที่อยู่ข้างๆอย่างภาคภูมิใจ
สีหน้าท่าทางนั้นเต็มไปด้วยความโอ้อวด
จี้จิ่งเชินกัดฟันขึ้นมาในทันที
พลางเอ่ยพูดออกมาอย่างร้ายกาจ : “เราอยากจะกลับไปที่บริษัทใช่ไหม แล้วดูการถ่ายทอดผ่านทางคอมพิวเตอร์ใช่ไหม?”
คำขู่ประโยคเดียว ทำให้จี้หยู๋ชิงตกใจเสียจนต้องปล่อยมือตัวเองอย่างรวดเร็ว
พิธีกรที่อยู่บนเวทีได้เริ่มกระตุ้นเร่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาบนเวทีแล้ว
“หันไปครับ” จู่ๆเวลานี้จี้จิ่งเชินก็เอ่ยขึ้นมา
“อืม?”
จี้หยู๋ชิงสับสน ไม่รู้ว่าเขาพูดกับตัวเองอยู่หรือเปล่า
ลังเลอยู่เพียงไม่กี่วินาที จี้จิ่งเชินก็ยกมือขึ้น แล้ววางตัวเขาลงบนเก้าอี้ และยังให้เขาหันหลังให้พวกเขาอีกด้วย
ทำเช่นนั้นแล้ว จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมา แล้วโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้อย่างเบามือ
เวินเที๋ยนเที๋ยรรู้สึกอึ้งไป
“พี่จะทำอะไรคะ? ฉันจะลงสนามแข่งอยู่แล้วนะ”
มือทั้งสองข้างของจี้จิ่งเชินนั้นกระชับแน่นขึ้นมาเล็กน้อย แล้วกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าปรากฏความแข็งกร้าวและแสดงความยืนกรานออกมา แต่ถ้าหากมองให้ละเอียดแล้วนั้น ก็จะสามารถมองออก ว่าในแววตานั้นมีความหึงหวงอยู่ด้วยเช่นกัน
“ทำไมมีแค่เด็กนั่นคนเดียวล่ะครับ?”
เขาว่า มือหนึ่งประคองแก้มของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ แล้วก้มลงเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดปากของเธอเอาไว้
จี้หยู๋ชิงทำแก้มป่องด้วยความหงุดหงิด นั่งอยู่ข้างๆอย่างไม่พอใจ มือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้อย่างโกรธๆ
จนกระทั่งจี้จิ่งเชินประทับจูบลงไปจนเป็นรสชาติของตัวเองแล้วถึงได้ปล่อยเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วจูบลงตรงมุมปากเธอ
“หันมาได้แล้ว” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้จี้หยู๋ชิงหันมาด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นัก
และเป็นอย่างที่คิด เห็นแก้มที่แดงระเรื่อของเวินเที๋ยนเที๋ยน ริมฝีปากแดงๆ แววตาดูเลือนรางไม่ค่อยชัดเจน
พ่อเป็นคนไม่ดี!
พ่อเป็นคนไม่ดี!
เขาจ้องมองจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ ราวกับมีความคับแค้นเป็นอย่างมากอย่างไรอย่างนั้น!
เมื่อครู่นี้ในใจของจี้จิ่งเชินนั้นเกิดความรู้สึกหึงหวงขึ้นมา เห็นสายตานี้แล้ว ถึงได้หายไปในที่สุด แต่กลับมีความพอใจขึ้นมา โดยไม่ได้สนใจเขาเลยเสียด้วย
“ทำไมครับ? ไม่พอใจ?”
“หึ่ย!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นทั้งสองคนหยอกกันไปมา
ถึงแม้ว่าจี้หยู๋ชิงจะเรียนรู้คำศัพท์ได้มากแล้ว เวลาปกติก็จะสามารถแสดงออกความหมายของตัวเองมาได้ แต่เพียงแค่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เวลาเขาพูดก็จะดูไม่ชัดเจนนัก
เวลานี้พูดอ้อแอ้ๆออกมา คนนอกไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ แต่จี้จิ่งเชินกลับดูเหมือนจะไม่ได้มีอุปสรรคนั้น ตอบกลับไปอย่างราบรื่น
“เอาล่ะค่ะ ใกล้เวลาแล้ว ฉันต้องขึ้นไปแล้วนะ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยปากขึ้น ทั้งสองคนก็หยุดลงโดยไม่ได้นัดกันไว้
จี้จิ่งเชินพยักหน้าลงเล็กน้อย
“ระวังด้วยนะครับ จำไว้นะ จิตใจสับสนวุ่นวายก็จะแพ้เอา”
“ฉันรู้ค่ะ”
จี้หยู๋ชิงดึงชายเสื้อของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วให้กำลังใจเธอด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง
“แม่ครับ สู้ๆนะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหลังเดินขึ้นเวทีไป
จี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิงมองตามเบื้องหลังของเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง แววตาปรากฏความกังวลออกมา พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
เดิมทีใบหน้าที่ดูคล้ายกันแล้ว เวลานี้ดูแล้วยิ่งเหมือนกันมากขึ้นไปอีก
“แม่จะชนะไหมฮะ?” จี้หยู๋ชิงเอ่ยถามขึ้น
“ชนะสิ”
คำตอบของจี้จิ่งเชินนั้นหนักแน่นเช่นเคย และไม่เคยเกิดความหวั่นไหวอีกด้วย
จี้หยู๋ชิงอึ้งไปพักหนึ่ง มองจี้จิ่งเชินแล้ว แล้วหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง
พลางรีบเอ่ยขึ้น : “ผมก็เชื่อว่าแม่จะต้องชนะฮะ!”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ก็ก้มลงอุ้มจี้หยู๋ชิงขึ้นมา
“เดี๋ยวไปที่หอประชุมแล้วอย่าขยับไปทั่วนะ”
จี้หยู๋ชิงทำปากมุ่ยพลางบ่น
“ผมขยับไปทั่วเมื่อไหร่กันฮะ?”
จี้จิ่งเชินเหลือบมองเขา
“ต่อไปอย่าให้เที๋ยนเที๋ยนจูบเราอีก”
จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้ว ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที
คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะเสริมขึ้นมาอีก : “แม้จะเป็นหน้าผากก็ไม่ได้เหมือนกัน แม่เป็นของพ่อ”
“แม่เป็นของผม!” จี้หยู๋ชิงแย้งกลับไปอย่างไม่พอใจ
จี้จิ่งเชินจึงเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“ลูกยังอยู่อีกไกล รออีกไม่กี่ปีออกไปหาแล้ว ก็ไม่ต้องกลับมาแล้วนะ”
จี้หยู๋ชิงได้ยินคำพูดที่ดูไม่รับผิดชอบแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที
บนโลกนี้ทำไมมีพ่อที่คอยแต่จะให้ตัวเองออกจากบ้านไปตลอดเวลาแบบนี้ แล้วไม่ต้องกลับมาอีกตลอดไปเลยแบบนี้กัน?
เขาทำหน้ามุ่ยแล้วเอ่ยขึ้นอย่างโกรธๆ : “ผมก็จะหาภรรยาเป็นของตัวเองเหมือนกัน”
“อ่อ” น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินนิ่งมาก “ไปหาสิ อย่ามาเกาะแกะกับเที๋ยนเที๋ยนก็พอ”
อะไรนะ?
ในฐานะที่เป็นลูก ไม่ใช่ว่าควรจะต้องพัวพันอยู่กับแม่หรอกหรือ?
จี้หยู๋ชิงกัดฟันน้ำนมที่เพิ่งจะขึ้นมาไม่นาน
“ผมรู้แล้ว!”
จี้จิ่งเชินถึงได้พอใจ แล้วพาเขาเดินไปที่หอประชุม
เวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนกับอาจารย์ฟ่านที่อยู่บนเวทีก็เริ่มเลือกผลงานที่จะเตรียมมาใช้ในการแข่งขันแล้ว
เดิมทีในใจของจี้หยู๋ชิงที่ยังโมโหอยู่นั้นเมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ความไม่พอใจนั้นก็หายวับไปในทันที แววตามองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
มองด้วยความกังวล