เมียหวานของประธานเย็นชา - บทที่1034 เร็วเกินไปแล้ว
การแข่งขันดำเนินไป ความยากของการแข่งขันก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นทีละนิดๆ
ผลงานที่ปรากฏขึ้นบนเวทีนั้น ส่วนที่แตกนั้นนับวันยิ่งใหญ่มากขึ้น ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นด้วย ผลงานส่วนมากล้วนแต่มีวัสดุที่แตกต่างกันประกอบขึ้นมาทั้งสิ้น
นี่เป็นการทดสอบความสามารถของนักบูรพาวัตถุโบราณเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าการแข่งขันครั้งนี้จะมีความยากลำบากมาก แต่ไม่คิดว่า ตอนที่เพิ่งจะเลือกผลงานในการแข่งขันก็จะเจอหัวข้อที่ยากแบบนี้
สิ่งที่เธอถนัดมากที่สุดก็คือโลหะและเครื่องเคลือบลายคราม แต่หาบนเวทีรอบนึงแล้ว ก็ไม่เจอสิ่งที่ทำมาจากวัสดุสองประเภทนี้เลย
เพียงแค่ไม่กี่ชิ้นนั้น ก็มีวัสดุอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นมาด้วยเช่นกัน
แต่ของชิ้นอื่นๆนั้น เธอก็ไม่เคยเรียนมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ
แบบนี้จะซ่อมได้อย่างไร?
อาจารย์ฟ่านที่อยู่ข้างๆนั้นแน่นอนว่าเห็นตรงจุดนี้แล้ว
เธอมองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ทำไมหรือ? เพิ่งจะเริ่มต้น เธอก็จะยอมแพ้แล้ว? ตอนนี้ก็ไปบอกกรรมการเลยก็ได้นะว่าเธอเลือกที่จะยอมแพ้ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ประหยัดเวลาของคนอื่นๆด้วย เพราะว่าถ้าแข่งต่อ เธอก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะอยู่แล้ว”
น้ำเสียงของอาจารย์ฟ่านนั้นไม่เบา ผ่านไมโครโฟนออกมา แล้วเข้าหูของทุกคน
ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกกัดฟันด้วยความโมโห แต่ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลด้วยเช่นกัน
เนื่องจากที่อาจารย์ฟ่านพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง
เธอไม่ได้แคร์อยู่แล้วว่าคำพูดของเธอนั้นจะส่งผลกระทบต่อในใจของทุกคน แล้วเลือกผลงานที่ประกอบไปด้วยวัสดุที่มากที่สุด กลับไปยังแท่นทำงานของตัวเอง
ทุกคนเห็นที่เธอเลือกแล้วก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึง
เพราะผลงานชิ้นนั้นประกอบขึ้นมาจากวัสดุถึงห้าหกประเภท
นักบูรพาวัตถุโบราณส่วนมากจะศึกษาค้นคว้าวัตถุโบราณที่ใช้วัสดุเพียงประเภทเดียวตลอดชีวิต อย่างเช่นท่านเปิงและอาจารย์ฟ่าน
และเหมือนกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ที่มีความรู้และคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับโลหะและเครื่องเคลือบลายครามสองประเภทนี้ อีกทั้งยังศึกษาและรอบรู้เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้วเช่นกัน
แต่อาจารย์ฟ่าน เธอจะทำเป็นทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเธอเลือกแล้ว ก็ยิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา
ดูแล้วอาจารย์ฟ่านไม่ได้เพียงแค่เรียนรู้เทคนิคการซ่อมแซมจากประเทศAมาเพียงเท่านั้น ยังเรียนรู้การซ่อมแซมวัตถุดิบที่หลากหลายด้วยอย่างนั้นหรือ?
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ เธอจะควบคุมทุกอย่างได้อย่างไรกัน?
ถ้าหากเธอซ่อมแซมเครื่องเคลือบลายครามอันได้สำเร็จจริงๆล่ะก็ ตัวเองก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลย……
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอยู่นั้น ในใจก็รู้สึกหวั่นขึ้นมาทันที
เมื่อเงยหน้าขึ้นมา สายตาก็มองไปยังจี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิงที่อยู่ทางผู้คนเหล่านั้น
สองคนที่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน อาการที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นเหมือนกันมาก มองเธอไปด้วยความมุ่งมั่น
ดวงตาที่ลึกซึ้งดำสนิทเหมือนกับน้ำหมึก ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง
บางครั้งจะทำให้รู้สึกกลัว บางครั้งก็ทำให้อดที่จะเคลิบเคลิ้มไปกับความอบอุ่นนี้ไม่ได้……
แต่ตอนนี้ กลับทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนสงบลงได้อย่างน่ามหัศจรรย์
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ที่สับสนวุ่นวายค่อยๆสงบลง ความกังวลและความกลัวทั้งหมดได้หายไปหมดแล้ว
เธอก้มหน้าลงมองผลงานที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เธอกลับมากลับเข้าสู่สภาพที่นิ่งเช่นเดิม แล้วรีบวิเคราะห์ขึ้นมา
ว่าจะสามารถสำเร็จการแข่งขันครั้งนี้ได้อย่างไรกับความสามารถนี้ของตัวเอง
หนึ่งนาที…..
สองนาที…..
สามนาที…..
ผ่านไปสิบห้านาที เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงเลือกผลงานที่ตัวเองจะใช้มาซ่อมแซม
ผู้ชมและคณะกรรมการมองดูการเคลื่อนไหวของเธอ รู้สึกร้อนใจขึ้นมา เนื่องจากว่าอาจารย์ฟ่านที่อยู่ข้างๆนั้นได้เริ่มลงมือซ่อมแซมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
เวลาในการแข่งขันนั้นมีไม่มากอยู่แล้ว ไม่คิดว่าเธอจะเสียเวลาไปมากขนาดนี้ จากจุดเริ่มต้น ก็แพ้แล้ว!
“ฉันดูแล้วคงจบแล้วล่ะ” ผู้ชมคนหนึ่งถอนหายใจออกมา ในใจรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเขาเองจะชื่นชมเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นอย่างมากเช่นกัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เธอไม่สามารถที่จะชนะได้เลย
ถ้าหากว่ามีความสอดคล้องกับผลงานที่ถนัด บางทีก็คงสามารถสู้ได้
แต่ตอนนี้ จะให้นักบูรพาวัตถุโบราณมาซ่อมสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน ก็เหมือนกับเอาคนธรรมดาที่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถมาแข่งขัน
นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางสำเร็จได้เลย
“การแข่งขันครั้งนี้ต้องแพ้แล้ว”
คนที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
“เรื่องนี้ก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ทางฝั่งนั้นเก่งมากเกินไปจริงๆ ถึงอย่างไรก็เป็นคนระดับเดียวกันกับอาจารย์ของตัวเองคนนึงเลย เคยเห็นลูกศิษย์เอาชนะอาจารย์ได้เสียที่ไหนกัน?”
“ถ้าหากเวินเที๋ยนเที๋ยนแพ้ ก็ไม่ใช่เท่ากับว่าประเทศเราแพ้ด้วยหรอกหรือ? แพ้ให้กับคนแบบนั้น ฉันไม่ยอมจริงๆนะ!”
“ใช่!”
สองสามคนนั้นเอ่ยพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
ทุกคนราวกับว่าสูญเสียความมั่นใจกับการแข่งขันในครั้งนี้ไปแล้ว
“ไม่ใช่นะฮะ!”
และเวลานี้เอง จู่ๆก็มีเสียงเด็กเล็กๆดังขึ้นมา
ทุกคนหันไปมองทิศทางของเสียงที่ส่งมานั้น กลับเห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายน่ารักๆคนหนึ่ง
เขาสวมใส่ชุดสูทตัวเล็กสีขาว ผมหวีเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่สีหน้าท่าทางนั้นกลับดูจริงจังและตั้งใจเป็นอย่างมาก
เขามองทุกคน แล้วเอ่ยพูดออกมาอย่างมุ่งมั่น : “แม่จะต้องชนะฮะ!”
ทุกคนต่างก็พากันอึ้งไป ทันใดนั้นเองก็ถูกน้ำเสียงของเขานั้นพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นมา
“อา….ใช่ ตอนนี้การแข่งขันยังไม่สิ้นสุดเลย มีความเป็นไปได้อยู่จริงๆ…….”
“ถึงแม้ว่าจะมีความหวังอยู่น้อยนิด แต่บางทีอาจจะมีโอกาสอยู่จริงๆใช่ไหม?”
“พวกเธอลืมไปหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้การแข่งขันในแต่ละครั้ง พวกเราก็รู้สึกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไม่ชนะ แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ว่าประสบความสำเร็จหรอกหรือ?”
สองสามคนนั้นนึกไปถึงการแข่งขันครั้งก่อนๆ แล้วต่างพากันพยักหน้าลง
“ใช่ พวกเราต้องมั่นใจสิ!”
จี้จิ่งเชินที่ฟังบทสนทนาระหว่างจี้หยู๋ชิงกับสองสามคนนั้นเมื่อครู่นี้แล้ว เวลานี้ถึงได้จับศีรษะของเขาให้หันกลับมา
“เรียนรู้เร็วนี่”
จี้หยู๋ชิงผงะไปแล้วทำหน้าบึ้ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถึงแม้ว่าตัวเองจะเลียนแบบจากน้ำเสียงของจี้จิ่งเชินเมื่อครู่นี้ แต่ในใจของเขา ก็คิดว่าแม่จะไม่แพ้เหมือนกัน!
เขาจับกำปั้นเล็กๆเอาไว้แน่น ในใจแอบคอยเชียร์เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้น มือใหญ่วางลงแล้วลูบบนศีรษะที่อ่อนนุ่มของเขา
จี้หยู๋ชิงใจอ่อนลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเฝ้ารอ
หรือว่าพ่อต้องการจะชมเขาอย่างนั้นหรือ?
รอซักพักหนึ่งแล้ว คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินกลับพูดออกมาว่า : “ท่าทางไม่เลวนะ แต่ต่อไปก็อย่ามั่นใจในตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาอีก”
อะไรนะ?
จี้หยู๋ชิงอึ้งไป แล้วทำหน้ามุ่ยในทันที
มั่นใจในตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาอะไรกัน?
ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่าพ่อเองก็มั่นใจอย่างไม่มีหลักการมาตลอดเลยเหมือนกัน ว่าแม่จะต้องชนะอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือไง?
เขาคิดอย่างไม่พอใจ
แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่ได้เอ่ยพูดกับเขาอีก แต่เงยหน้าขึ้นไปมองบนเวทีแทน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่มีหลักการอยู่แล้ว
หลังจากตั้งแต่แรกที่รู้ว่าคู่ต่อสู้ของเวินเที๋ยนเที๋ยนคืออาจารย์ฟ่านนั้น จี้จิ่งเชินก็ตรวจสอบข่าวคราวข้อมูลของอาจารย์ฟ่านในทุกๆด้าน
คนๆนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของท่านเปิงและอาจารย์ฟ่าน เทคนิคทางด้านการบูรพาวัตถุโบราณนั้นเก่งมากเช่นกัน ต่อมาถึงแม้ว่าจะไม่มีทางเดินไปต่อในประเทศแล้ว ก็เข้าร่วมกับประเทศAกลายมาเป็นคู่แข่งของพวกเขา อีกทั้ง ยังเรียนรู้เทคนิคการบูรพาวัตถุโบราณใหม่ๆของประเทศAไปอย่างมากมายอีกด้วย
นี่เป็นจุดที่เก่งที่สุดของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นจุดอ่อนของเธอด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งปี เธอแทบจะเรียนรู้เทคนิคที่มีทั้งหมดของประเทศA เรียนรู้วิธีการซ่อมแซมที่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมดของวัตถุต่างๆ
แต่…..มันเร็วเกินไป
เนื่องจากว่าหลายสิ่งหลายอย่างนั้นมีมากเกินไปนั้น เธอไม่สามารถมีเวลาย่อยและฝึกฝนให้เชี่ยวชาญได้เลย